REVIEW !!!
รีวิว Beoplay E8 premium wireless inear
ขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าเดิมทีก็เป็นติ่ง B&O มานานละ
มีตั้งแต่เครื่องเสียงบ้านยัน CD ที่เค้าไว้เทสเครื่อง
เพราะงั้นอาจจะมีการเอนเอียงเล็กน้อยนะครับ แต่ก็จะพยามรักษาความเป็นกลางไว้ครับ อิอิ
มันคือไรอะ?
เจ้าก้อนดำๆ 2 ก้อนมันคือหูฟังอินเอียบลูทูธไร้สายรุ่นแรกของ Bang & Olufsen หรือเรียกย่อๆว่า B&O ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศเดนมาร์กครับ ซึ่งปกติแล้วยี่ห้อนี้ของจะแพงโครตๆ เรียกได้ว่าลำโพงคู่ละล้าน เครื่องเล่น CD เครื่องละ 3 แสน ทีวี 5 แสน หรือกะอีแค่รีโมทก็อันละ 2-3หมื่น ก็มียี่ห้อนี้แหละครับที่กล้าทำออกมาขาย กลุ่มลูกค้าของยี่ห้อนี้เลยเป็นพวก Hi-End ซะส่วนใหญ่
ปีหลังๆ B&O เลยแตกลูกออกมาเป็น BeoPlay ซึ่งจะแตกต่างทั้งด้านของ design, material, และราคาที่เป็นมิตรมากขึ้น แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์แม่ไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะ Sound Signature ของเขาที่ติดหูง่าย เข้าได้กับดนตรีหลายประเภท ฟังสนุก ออกโทนอุ่นๆหน่อยแต่ไม่ทิ้งรายละเอียด พอราคาลงมาจับต้องได้ ตลาดก็เลยกว้างขึ้น คนเลยเริ่มรู้จักมากขึ้น เฮียแกเลยออกรุ่นใหม่มาเรื่อยๆไม่ยั้งกันเลยทีเดียว เล่นเอาติ่งอย่างผมปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว
เข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่า... BeoPlay E8
Design
ยี่ห้อนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าตาและเนื้องานครับ งานไม่ดีแกไม่ปล่อยออกมาให้เสียชื่อแน่นอนครับ
ที่เห็นในรูปสีดำๆทรงไข่จะเป็นเคสสำหรับเก็บหูฟังและมีแบตในตัวสำหรับช๊าตครับ วัสดุจะทำจากหนังสีดำสวยงามนุ่มมือ มีสายเป็นวัสดุคล้ายๆยางยืดติดมาด้วย ส่วนตัวผมใช้เอาไว้คล้องกับสายเข็มขัดที่กางเกงครับ ส่วนตัวหูฟังนั้นมีท้ัง aluminium, stainless, และพลาสติก เป็นวัสดุที่เลือกใช้ครับ เรียกได้ว่าหรูหราดูดีเลยทีเดียว
Comfort
เนื่องจากขนาดและรูปทรงที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของหู ประกอบกับน้ำหนักที่เบา ทำให้การสวมใส่นั้นสบายมากโดยที่ไม่ต้องมีลูปหรือยางที่เอาไว้ค้ำอีกฟังของหูไว้เหมือน BOSE หรือ Sonyใส่แล้วไม่ได้รู้สึกว่าหลวมหรือจะหลุดแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้กระชับถึงขนาดที่จะใส่ออกกำลังกายที่ต้องมีการก้มๆเงยๆได้อย่างมั่นใจนัก เอาเป็นว่าถ้าเป็นกิจกรรมชีวิตประจำวันนี่สบายมากครับ แต่ถ้าจะไปสายออกกำลังเลย BOSE หรือ Sony น่าจะกระชับกว่าครับ
ย้ำนิดนึงว่าจุกสำคัญมากครับ อาจจะต้องเลือกที่กระชับนิดนึง ถ้าหลวมไปอาจจะมีออกอาการโคลงเคลงได้
Battery
เท่าที่ทดสอบเปิดโวลุ่มประมาณ 80% อยู่ได้ต่อเนื่องประมาณ 3-4 ชม ครับ ตัวเคสก็ช๊าตได้ประมาณ 3 ครั้ง ก็เลยใช้งานโดยรวมได้ประมาณ 10-12 ชม ช๊าตได้ค่อนข้างเร็วเลยนะ ส่วนตัวแล้วผมไม่ติดเรื่องแบต และผมว่าสะดวก H5 ด้วยซ้ำ เพราะต่อจาก micro usb ได้เลย ไม่เหมือน H5 ที่ต้องใช้ที่ช๊าตเฉพาะของเค้า
Features
เจ้าหูฟังจิ๋วๆคู่นี่มาพร้อมกับฟีเจอร์เยอะมาก มีทั้งระบบสัมผัสสำหรับ เล่น หยุดเล่น เพิ่มเสียงลดเสียง ไปเพลงถัดไป หรือกลับไปเพลงก่อนหน้า รับสาย วางสาย เปิดโหมด Transparency หรือแม้แต่จับคู่กับอุปกรณ์ที่ใช้บลูทูธ ทั้งหมดทำได้ด้วยการสัมผัสที่ Logo B&O ข้างหู
เมื่อเปิดโหมด Transparency (แตะที่ logo ข้างซ้าย 1 ที) เสียงภายนอกจากไมค์ทั้งสองข้างของหูฟังจะปนเข้ามากับเพลงด้วย โดยมีระดับให้เลือกอยู่ 3 แบบ โดยสามารถปรับได้โดยใช้ BeoPlay App ที่มีให้โหลดฟรี ซึ่งใน app เรายังจะสามารถปรับ Sound Preference และ ขนาดของ Soundstage ตามความต้องการเราได้อีกด้วย ใครชอบแบบไหนก็ตามใจท่านเลยครับ
อ้อลืมไป ตัวนี้เป็น small talk ได้ด้วยนะครับ เท่าที่ลอง ฝั่งตรงข้ามบอกว่าเสียงอู้อี้นิดหน่อยและมีเสียงภายนอกเข้ามาพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกะแย่ครับ
Setup
ตอนเริ่มใช้ครั้งแรก จะงงๆเล็กน้อย ตัองโหลด app มาก่อนนะครับ แล้วทำการจับคู่โดยใช้ app ก่อน เพราะการเซ็ทครั้งแรก เค้าจะให้เราเอาใส่หูทั้งสองข้างเพื่อวัดระยะของหัวเราครับ จะได้ปรับการดีเลย์ของสัญญาณให้สมบูรณ์ที่สุด พอจับคู่กับ app แล้วค่อยออกไป pair ใน idevice อีกทีครับ แล้วกลับมาที่ app เพื่อจบขั้นตอน
Sound
มาถึงเรื่องเสียง ผมไม่ได้ปรับ EQ หรือ Sound Preference นะครับ แต่จะเพิ่มขนาด soundstage อีกเล็กน้อยครับ ซึ่งหูฟังของ B&O ทุกตัวผมจะเพิ่มเล็กน้อย (5-10%) เพื่อให้ฟังสบายขึ้นครับ เป็นความชอบส่วนตัว หลังจากเบิร์นไป 10+ ชม ก็พร้อมที่จะมาเล่าให้ฟังกันละครับ (หลังไมค์กันเข้ามาเยอะมากว่าเสียงเป็นไงบ้าง) เสียงโดยรวมจะเป็นแนว “ฟังสนุก” ครับ ฟังได้กับเกือบทุกแนวเพลงยกเว้นดนตรี Classic ฟังแล้วจะยังไม่อินเท่าไร คือยังสู้ต่อตรงกับ Dita Dream ไม่ได้
Treble
BeoPlay E8 ตัวนี้ฟังแรกๆแหลมไปได้ไกลกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เช่น H5 หรือแม้แต่ H4 ที่เป็น full-size เสียงแหลมขึ้นไปไกลจนบางทีกัดหูเล็กน้อย แต่พอเบิร์นไปสัก 10 ชม ก็ดีขึ้นครับ การที่รุ่นนี้จูนย่านสูงมามากกว่ารุ่นอื่นๆ ทำให้รายละเอียดยุบยิบมีให้ได้ยินมากกว่ารุ่นก่อนๆพอสมควร เสียงฉาบหรือเครื่องเคาะต่างๆมากันครบครับ เสียง eco, reverb หรือปลายเสียงต่างๆ ก็ช่วยเพิ่มความสมจริงของดนตรีให้มากขึ้นไปด้วย และก็ยังส่งผลที่ย่านกลางด้วย
Mid
สายงานร้องต้องลองฟังตัวนี้ครับ เสียงร้องดีมากครับ เสียงลมหายใจ ลูกคอ เนื้อเสียงต่างๆ มากันครบแบบไม่ต้องเพ่งครับ น่าจะเป็นอานิสงฆ์จากย่านสูงด้วยครับ ที่ทำให้ขุดรายละเอียดต่างๆออกมาได้มากขึ้น เพลง Night and Day อัลบั้ม I Fall In Love Too Easily ของ Katharine McPhee นี่แบบ ฟังละใจอ่อนเลย อ้อนดีจังน้องคนนี้ อย่าให้เจอตัวเป็นๆนะ อิอิ
รายละเอียดแบบ microdetails ก็ยังคงมีออกมาให้เซอร์ไพรส์เรื่อยๆ ประมาณวินาทีที่ 9 อยู่ๆผมได้ยินเสียงจี่เบาๆก่อนที่นักร้องจะร้อง ตอนแรกคิดว่ามาจากความไม่เสถียรของสัญญาณ แต่พอฟังแบบต่อตรงก็ยังได้ยิน ก็เลยทำให้รู้ว่าเจ้า E8 นี่มันขี้ฟ้องเอาเรื่องเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้จะได้ยินจากหูฟัง Bluetooth ได้
Bass
เบสนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ เหลือเฟือ! ท่านจะฟังแนว EDM หรือ จะ Audiophile deep bass ก็ฟินได้แน่นอนครับ เพลง Barley ของ Lizz Wright นี่แบบลงต่ำได้สะเทือนถึงไตแน่นอน หรือจะเป็น 6:00 ของ Dream Theater กระเดื่องก็มาเป็นเม็ดๆเลยครับ เบสของ E8 จะลอยอยู่ด้านหลังไม่ปนกะย่านอื่น ทำให้แยกแยะเครื่องดนตรีได้ง่ายครับ
สำหรับท่านที่เป็น bass head ก็ไปปรับ EQ ใน BeoPlay App เอาละกันนะคร้าบบบบ
Soundstage
เวทีเสียงของตัวนี้ไม่ได้ถือว่ากว้างมาก ยังถือว่าเป็น 3D อยู่รอบๆหัว ไม่ได้กว้างจนหลุดหัวแบบ Full size open back บางตัว แต่ที่ประทับใจคือตำแหน่งของเครื่องดนตรีที่ทำได้ดีมาก Position ถือว่าแม่นมากๆสำหรับ inear แบบนี้โดยเฉพาะเป็นการต่อแบบไร้สาย ที่ผมใช้คำว่า 3D เพราะว่ามันเป็นอย่างงั้นจริงๆ คือ เวทีเสียงอาจจะไม่กว้างนัก แต่ตำแหน่งนี่แม่นมาก นอกจากจะแยกซ้ายขวาแล้ว บน-ล่าง ก็ยังจับต้องได้แบบไม่ต้องพยาม โดยเฉพาะเพลงแนว fusion/ fusion jazz/ funk/ electronic นี่คือฟังละมันส์มาก มีโยกหัวแน่นอน ฉาบอยู่ขวาบน เบสล่างซ้าย เสียงร้องกลาง หรือแม้แต่นักร้องเบนตัวออกจากไมค์หรือขยับซ้ายขวาก็รู้สึกได้ ถือว่าประทับใจมากครับสำหรับการต่อแบบไร้สาย
Compatibility
ข้อดีอีกอย่างของเจ้า E8 คือเราสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมๆกัน เช่น ผมฟังเพลงจาก Sony WM1Z แต่พอโทรศัพท์มามันก็จะตัดเสียงจาก iPhone เข้ามา พอวางสาย ก็กลับไปฟัง DAP ต่อ
และนี่แหละที่ทำให้ผมสังเกตได้อีกอย่างว่า หูฟังจากประเทศเดนมาร์กคู่นี้มันเลือกต้นทางพอสมควรเลย เสียงที่มาจาก WM1Z กับจาก IPhone นี่คนละเรื่องกันเลย ทั้งมวลเสียง ความอิ่ม รายละเอียด ตำแหน่ง เวทีเสียง หรือความมืดของพื้นหลังนี่ต่างกันอย่างชัดเจน คุณภาพของ file ก็เช่นกัน hires กับ mp3 นี่รู้สึกได้เลย ทำเอาฟังจาก iPhone ไม่สนุกเหมือนเคยซะงั้น
Drawbacks
ชมอย่างเดียวก็เดี๋ยวจะหาว่าอวย ของมันทำมายังไงก็ต้องมีข้อติบ้างแหละเนอะ
เท่าที่ผมลองจะมีเรื่องของเสียงที่บางทีไม่ center มีการเอียงซ้ายเล็กน้อยเวลามีการขยับหูฟังบ่อยๆ แต่แก้ได้โดย กดหยุดเพลง เอาหูฟังทั้ง 2 ข้างออกจากหู ใส่หูฟังใหม่ กดเล่นเพลง เสียงก็จะกลับมา center เหมือนเดิม ไม่แน่ใจว่าเป็นเฉพาะตัวของผมหรือป่าว หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับหู wireless ประเภทนี้
อีกประเด็นคือมันทำหน้าที่ smalltalk ได้ไม่ค่อยดีมากนัก คือเน้นฟังเพลงมากกว่าใช้โทรศัพท์ครับ
อีกประเด็นคือมันทำหน้าที่ smalltalk ได้ไม่ค่อยดีมากนัก คือเน้นฟังเพลงมากกว่าใช้โทรศัพท์ครับ
Conclusion
สรุปนะครับ ผมพอใจกับเจ้า BeoPlay E8 นี่พอสมควร
ถ้าเต็ม 10 ผมให้ 8.5 คะแนนหายไปจาก defect ข้างต้น และราคาที่ค่อนข้างแพง
ใครเล็งๆไว้ แนะนำว่า กดครับ ยี่ห้อนี้ไม่ค่อยออกรุ่น 2 เร็วครับ ซื้อก่อนใช้ก่อนฟินก่อนดีกว่าครับ อิอิ