ถ้าเครื่องเล่นรองรับการปล่อย Digital Out ผ่าน USB C อยู่แล้วสามารถใช้ได้ครับ แต่เค้าจะปล่อยเสียงออกมาเต็ม (เครื่องเล่นบางรุ่นยังปรับเสียงได้อยู่) ฉะนั้นจะไม่สามารถปรับลดระดับเสียงได้ครับ แต่ถ้าเอาไปต่อช่อง USB C ที่คอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้ครับ และ เสียงออกมาดีกว่าช่อง USB A ด้วยครับผม
ส่วน Bluemini ล็อตใหม่ ๆ จะไม่มีปุ่มตัดการชาร์จไฟแล้ว เวลานำไปเชื่อมต่อกับ Smartphone บางรุ่นอาจจะใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะ iOS เพราะผิดกฎการใช้พลังงานของทาง Apple ก็เลยทำให้ทาง Hifiman ต้องตัดฟีเจอร์นี้ทิ้งไปในล็อตใหม่ครับ ^^"
ถ้าเครื่องเล่นรองรับการปล่อย Digital Out ผ่าน USB C อยู่แล้วสามารถใช้ได้ครับ แต่เค้าจะปล่อยเสียงออกมาเต็ม (เครื่องเล่นบางรุ่นยังปรับเสียงได้อยู่) ฉะนั้นจะไม่สามารถปรับลดระดับเสียงได้ครับ แต่ถ้าเอาไปต่อช่อง USB C ที่คอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้ครับ และ เสียงออกมาดีกว่าช่อง USB A ด้วยครับผม
ส่วน Bluemini ล็อตใหม่ ๆ จะไม่มีปุ่มตัดการชาร์จไฟแล้ว เวลานำไปเชื่อมต่อกับ Smartphone บางรุ่นอาจจะใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะ iOS เพราะผิดกฎการใช้พลังงานของทาง Apple ก็เลยทำให้ทาง Hifiman ต้องตัดฟีเจอร์นี้ทิ้งไปในล็อตใหม่ครับ ^^"
ถ้าเครื่องเล่นรองรับการปล่อย Digital Out ผ่าน USB C อยู่แล้วสามารถใช้ได้ครับ แต่เค้าจะปล่อยเสียงออกมาเต็ม (เครื่องเล่นบางรุ่นยังปรับเสียงได้อยู่) ฉะนั้นจะไม่สามารถปรับลดระดับเสียงได้ครับ แต่ถ้าเอาไปต่อช่อง USB C ที่คอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้ครับ และ เสียงออกมาดีกว่าช่อง USB A ด้วยครับผม
ส่วน Bluemini ล็อตใหม่ ๆ จะไม่มีปุ่มตัดการชาร์จไฟแล้ว เวลานำไปเชื่อมต่อกับ Smartphone บางรุ่นอาจจะใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะ iOS เพราะผิดกฎการใช้พลังงานของทาง Apple ก็เลยทำให้ทาง Hifiman ต้องตัดฟีเจอร์นี้ทิ้งไปในล็อตใหม่ครับ ^^"
ถ้าเครื่องเล่นรองรับการปล่อย Digital Out ผ่าน USB C อยู่แล้วสามารถใช้ได้ครับ แต่เค้าจะปล่อยเสียงออกมาเต็ม (เครื่องเล่นบางรุ่นยังปรับเสียงได้อยู่) ฉะนั้นจะไม่สามารถปรับลดระดับเสียงได้ครับ แต่ถ้าเอาไปต่อช่อง USB C ที่คอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้ครับ และ เสียงออกมาดีกว่าช่อง USB A ด้วยครับผม
ส่วน Bluemini ล็อตใหม่ ๆ จะไม่มีปุ่มตัดการชาร์จไฟแล้ว เวลานำไปเชื่อมต่อกับ Smartphone บางรุ่นอาจจะใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะ iOS เพราะผิดกฎการใช้พลังงานของทาง Apple ก็เลยทำให้ทาง Hifiman ต้องตัดฟีเจอร์นี้ทิ้งไปในล็อตใหม่ครับ ^^"