จริงแล้วในคอมเม้นเขาก็พูดถูกส่วนหนึ่งแต่ก็ไม่ทั้งหมด คือมันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปซะทีเดียว เพราะว่าสัญญานที่ถูกแปลงผ่าน Converter ออกมามันคือไฟฟ้า ดังนั้นอุปกรณ์อะไรก็ตามแต่ที่มันเกี่ยวข้องกับไฟฟ้ามันก็ย่อมส่งผลต่อเสียงหมดทั้งสิ้น เพียงแต่จะมากหรือน้อยจนเราได้ยินอย่างชัดเจนก็อีกเรื่อง แต่เขาก็พูดถูกนะว่าพวกสาย multicore เส้นละเป็นล้านแบบนี้ส่วนมากมันก็หวังผลทางจิตวิทยา + การตลาด แน่นอนอยู่แล้ว เพราะขนาดในระดับห้องอัดเขาก็ยังไม่ใช้เลย อย่างมากก็แค่สั่งทำอย่างหรูสุดก็หลักแสน ขึ้นอยู่กับวัสดุ กับขนาดความยาวของสาย

ถ้าท่อน้ำประปาที่บ้านขึ้นสนิมคุณว่าจะมีผลกับคุณภาพน้ำในบ้านไหมละ ชุดที่ใช้ก็มีผลฟังต่างมากหรือน้อยเหมือนกัน เอาสายไฟเส้นละล้านไปใช้กับชุดหลักหมื่นฟังอาจจะต่างน้อยหรือไม่ต่างกับสายแถมเลย แต่ถ้าเอาสายไฟเส้นละล้านไปต่อกับชุด 100ล้าน เทียบกับสายแถมมีต่างเยอะแน่นอน

สายไฟ AC ในชุดเครื่องเสียง มีความสำคัญมากรองจากตัวเครื่องเลยก็ว่าได้ครับ ตลาด Accesorries ในโลกเครื่องเสียง มันโตตามอุปกรณ์หลัก และเผลอๆจะขายดีกว่าเครื่องอีกครับ เพียงแต่หากนำมาหารหรือเฉลี่ยความคุ้มค่าไม่ได้ หรือจะมาคำนวนเป็นบัญญัติไตรยางค์ก็ทำไม่ได้

ความแตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ต้องนั่งเพ่งหรือเงี่ยหูฟัง แต่เป็นการฟังออกแบบทันทีทันใดด้วยครับ แต่ถ้าถามว่าจ่ายด้วยมูลค่าสูงกว่าสายแถมขึ้นไปอีก 50-100 เท่าตัว บางทีอาจจะไม่ใช่ความจำเป็นเสียทีเดียวครับ คือสำหรับคนที่ไม่เล่นเครื่องเสียงเลย ฟังว่าสายไฟราคาแบบนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องขำขัน แต่ถ้าสำหรับคนที่เล่นแบบ serious audiophile หากจ่ายแพงอีก 1 เท่า แล้วทำให้เสียงดีขึ้นได้อีก 1-2% ผมว่าเค้ายอมครับ

สายไฟ สายสัญญาณ ตอบแบบฟันธงว่าเป็นของที่ช่วยให้ซิสเต็มหรือระบบดีขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของท่านนั้นๆด้วยครับ^^

ประเด็นอมตะนิรันดร์กาล   ผมว่าเฮียคงก๊อปข้อความไว้ตอบแล้วแน่ๆเลย  555

ไม่มีสายไฟเสียงก็ไม่ออกสำคัญไหมล่ะ

คลื่นเสียงที่ขับหูฟัง ลำโพงให้มีเสียงดัง ก็นำพาผ่านมาโดยทางสัญญาณไฟฟ้าที่แรงพอ

ไฟฟ้าจึงสำคัญเทียบได้กับ เลือดลำเรียงในร่างกาย และสายสัญญาณ เทียบได้กับ หลอดเลือดลำเลียงเลือด


สำคัญแค่ไหน รองจินตนาการถึงร่างกายคน และ การมีชีวิตอยู่ดูครับ 555

สายไฟสำคัญมากครับ คุณต้องเคยเจอประสบการณ์ตรงเท่านั้นถึงจะเชื่อ  การบอกเล่า การอ่าน ไม่สามารถทำให้คุณเชื่อได้หรอกครับ  ซึ่งทุกคนก่อนจะเชื่อก็เริ่มจากไม่เชื่อก่อน  แต่มันสำคัญระดับต้องใช้สายเส้นละแสน เส้นละล้านหรือเปล่า  ก็แล้วแต่กำลังเงินของตัวเองครับ  เชื่อแต่ไม่ต้องซื้อก็ได้

ต้องลองเองถึงจะรู้ครับ ไม่ลองชิมอาหารดูแต่เค้ารีวิว ก็ไม่รู้รสหรอกครับ

ไม่มีสายไฟก็ไม่มีเสียงถูกต้องครับ ต้องแยกแยะให้ออกระหว่างความจริงกับโฆษณาชวนเชื่อ สายไฟมีผลกับเสียงแน่นนอนไม่อย่างนั้นคงไม่ขายดีขนาดนี้หรอกอละคนซื้อก็คงไม่โง่ยอมเสียเงินแน่ๆ แต่ส่วนนึงต้องมีสติในการซื้อของพวกนี้ด้วย พวกที่หวังผลประโยชน์จากของพวกนี้มีเยอะ คห.ส่วนตัวสายไฟที่ผลิตจากบริษัทที่มีชื่อเสียงผลิตสายสัญาณมาเป็น 10-30 ปี อันนี้พอจะเชื่อถือได้ เพราะเขามีเครื่องมือวัดและมีการวิจัยค้นคว้าหาวัสดุที่มีคุณภาพจริงมาใช้งาน ราคามันก็ตามคุณภาพของวัสดุ เสียงก็เป็นไปตามราคา มันเลยสมเหตุสมผล แต่ที่รับไม่ได้และไม่ค่อยอยากเชื่อคือสายยี่ห้อใหม่ยี่ห้อแปลกประเภทงาน DIY แล้วขายแพงเวอร์ ส่วนใหญ่ขายความเชื่อและจูนเสียงด้วยหู ประมาณว่ากูทำให้แพงเพื่อเรียกแขก เกิดฟลุ๊คมีนักเล่นกระเป๋าหนักสักคนมาซื้อแค่นี้ก็แจ้งเกิดได้แล้ว ประเภทโฆษณาเวอร์ตั้งราคาเวอร์ให้เป็นกระแส พวกเศรษฐีเขามีเงินและมันแค่เศษเงินเขา เสียงไม่ดีเขาก็ไม่เดือดร้อน แต่อย่างเราๆ เกิดหลงทางเข้าไปในวังวนนั้นก็ได้แต่สาปส่ง และอย่าไปเหมารวมว่าของพวกนี้มันเป็นเรื่องหลอกลวง ลองเล่นได้แต่พอประมาณครับ 

สายไฟท้ายเครื่องเป็นตัวนำไฟฟ้าระยะทางแค่ไม่เกิน 2 ม. มันเถือป็นการปรับสภาพไฟฟ้าให้ดีก่อนเอาไปใช้งาน ตัวนำที่ดี ซิลล์ที่ดี ฉนวนที่ดี ฯลฯ มีผลต่อคุณภาพไฟฟ้าก่อนเข้าเครื่องทั้งนั้น และสายไฟที่อยู่ใกล้เครื่องเสียงมีผลมากกว่าสายไฟที่อยู่ห่างตัวเครื่อง พวกซีเรียสเขาเลยต้องเน้นสายไฟเข้าเครื่องให้ดีที่สุด ส่วนพวกที่ซีเรียสสุดๆเขาถึงต้องเดินระบบไฟใช้กับเครื่องเสียงโดยเฉพาะเพื่อเป็นการปรับสภาพไฟฟ้าให้มีวงกว้างออกไปอีกและเรื่องนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วว่าการเดินระบบไฟแยกออกมาจากเมนหลักทำให้เสียงดีขึ้นเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ จะบอกว่าเสียงเพลงที่ได้ยิน เครื่องเสียงมันก็เอาพลังงานมาจากไฟบ้านผ่านสายไฟเข้าเครื่องเสียงเก็บไว้ในภาคจ่ายไฟเป็นพลังงานสำหรับไปเลี้ยงวงจรขยายเสียงให้เกิดเป็นสัญญาณเสียงออกไปลำโพงหรือหูฟัง แล้วมันจะไม่มีผลต่อเสียงได้ยังไงเล่า ลำพังแค่สัญญา input จากเครื่องเล่นเพลงมันไม่พอเอาไปขับลำโพงหรือหูฟัง มันต้องเอาพลังงานจากภายนอกก็คือไฟบ้านนี่แหละมาใช้ โดยเครื่องขยายเสียงจะมีหน้าที่จัดการตรงนั้น พูดมาถึงขนาดนี้เห็นความสำคัญของสายไฟหรือยัง ส่วนตัวผมให้ความสำคัญไม่ต่างกับสายสัญญาณหรือสายลำโพงเลยด้วยซ้ำไป อย่างที่บอกต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือโฆษณาชวนเชื่อ แล้วคุณจะไม่หลงทาง

เห็นด้วยกับคำว่าลองเล่นได้ แต่พอประมาณครับ

ส่วนตัวผมชอบเล่นพวก accessary มาก แค่พวกสาย ตัวรองโน่นนี่ซื้อรถได้คันนึง 

กลุ่มลูกค้าของพวกสาย hiend มันก็จะประมาณนี้ครับ เป็นคนประเภทจริงจัง มีกำลังทรัพย์และอยากไปสุดทาง หลักๆก็ตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ของสิ่งที่ใส่เข้าไปใหม่ในระบบ เหมือนเสพติดความตื่นเต้น เปลี่ยนแปลง สักพักก็จะเบื่อและหาอะไรใหม่ๆเข้ามาใส่แทนที่เข้าไปอีกเพื่อความเปลี่ยนแปลง วันนี้ชอบเสียงนี้ อีก 3 เดือนอาจจะไม่ชอบก็ได้ ผมเป็นบ่อย 5555

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยอมรับว่าสายที่ขายกันเป็นแสนเป็นล้าน ต้นทุนไม่กี่บาทครับต้องทำใจยอมรับให้ได้ก่อนว่าความคุ้มอะมันไม่มี แต่สิ่งที่มันมีคือ "ความต้องการที่เราตามหา"

จาก สปก เดินมาไกลขนาดนี้ กลับไปใช้สายแถมได้มั้ย ตอบได้เต็มปากว่าสายแถมก็ไม่ได้เลวร้ายนะ แต่พอกลับไปฟังแล้วมัน "จืด" เหลือเกินจาก ปสก ที่เรามี

สาเหตุที่ทำให้ตลาด Accessories พวกสายไฟ สายลำโพง สายสัญญาณ เติบโตได้ใหญ่ขนาดนี้สาเหตุน่าจะมาจากสิ่งเหล่าๆๆนี้ครับ

- จะเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรืออัพเกรดเป็นยี่ห้อที่สูงกว่าแพงกว่าไปเลย บางทีมันทำไม่ได้ง่าย เพราะบางตัวก็เพิ่งซื้อมา บางตัวกว่าจะเก็บเงินได้ตั้งนาน บางตัวเล็งอย่างดีแต่มาลงให้ห้องแล้วเซ็ทอัพไม่เข้าที่ซักที

- บางทีถูกใจฮาร์ดแวร์และชอบโทนเสียงแล้ว และไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะขาย พอถูกใจแบรนด์ ฟังก์ชั่น แต่ยังขาดๆเกินๆในบางจุดที่ตัวเองอยากได้

นี่แหละคือสิ่งที่ Acessories เข้ามาช่วยเติมเต็มให้ครับ คือเรามักใช้สายไฟและสายสัญญาณในการคัดท้ายและแมทชิ่งในขั้นตอนสุดท้ายหรือ Fine Tune และเทียบมูลค่ากันสายไฟสายสัญญาณถูกกว่า (แต่จริงๆบางคนเล่นแพงกว่าเยอะก็มี)

ตลาดสายสัญญาณต้องยกให้ monster ครับ เพราะยุคนั้นเค้าเป็นผู้นำที่ทำสายสัญญาณออกมาเป็นเจ้าแรก และขายแพงเป็นเจ้าแรกๆ ยังจำได้ว่าสาย Monster Interlink อะไรซักอย่างนี่ล่ะครับ ขายเส้นนึงประมาณ 3-4000 พันบาท และเมื่อ 40 ปีก่อนก็เคยมีการถกเถียงกันว่าสายไฟก็คือสายไฟ จะไปดีได้ไง

ตอนนี้ผมว่าเราเข้าสู่ยุคการฟังสาย Lan แล้วครับ ^^

จริงตามที่เฮียมั่นว่าทุกประการครับ เรียกว่า สนุกกับการ fine tune จะถูกต้องที่สุด

ส่วนเรื่องสาย Lan ไม่รู้ในเส้นยัดอะไรเข้าไปบ้าง ผมเห็นปิยะนัสเปิดตัว Zensati X เส้นเบ้อเร่อ แต่หัวก็ rj45 ที่ถูกเข้าด้วยเส้นเล็กๆ 4 คู่อยู่ดี ไม่รู้ระหว่างทางมันใหญ่ได้ยังไงกัน 55555

ตอนนี้ในน่าจะอยู่ในยุคเริ่มต้นของไม่ใช้สาย หรือ ไร้สายนะครับ ปัจจุบันเป็นยุค 5G และ WIFI 5Ghz และ Bluetooth ที่ใช้ Codec ในคุณภาพระดับ HD ไปแล้ว

เห็นด้วยครับ บางครั้งมันเป็นเรื่องของการตลาดโฆษณาชวนเชื่อ บางครั้งก็เป็นเรื่องของ Fashionist แบบว่าเห็นเพื่อนมันใช้กันเดี๋ยวจะไม่ทันเทรนอะไรแบบนี้

นี่แหละครับยุติธรรมสุดแล้วครับ เสียงออกมาเหมือนกันไม่มีใครดีหรือแย่กว่าใคร จะได้เลิกเถียงกันซะที

ยังไม่สมบูรณ์ครับพี่สมเกียรติ พวกฮาร์ดแวร์ท่อนนึงอาจจะกลายเป็นไร้สายไปแล้ว แต่อีกท่อนนึงยังเป็นสายอยู่ อย่างเช่นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ท ยังไงก็ยังลากสาย optic เข้ามาในบ้านเรา จากโมเด็มก็ยังต้องพึ่งสายแลนไปที่เราเตอร์อยู่ แต่ถือว่าเป็นยุคของไร้สายแล้วล่ะครับ^^