ถ้าในอดีต อย่างค่าย Mercury ในชุด Living Presence เขาใช้ไมค์โครโฟน 3 ตำแหน่งครับ
ซ้าย กลาง ขวา
ส่วนอัลบั้มของค่าย denon มีแบบไมค์ 2 ตัวรับซ้ายขวาก็มี
แต่ถ้าในกรณีที่เป็น Concerto สำหรับเครื่องมือที่ดังไม่มาก น่าจะมีไมค์รับเสียงเครื่องบรรเลงเดี่ยวเพิ่มด้วย
เทคนิคแต่ละค่ายก็ต่างกันไปครับ
ส่วนถ้าเป็นเครื่องดนตรีเดี่ยว
จะมีเรื่องการวางตำแหน่งไมค์ ตามหลัก acoustic ของเครื่องมือนั้นๆ แยกไปอีก

เป็นงานที่น่าทำมาก
ไมโครโฟน ยีี่ี่ห้อ อะไรครับนัั่ัั่น

เพลงคลาสสิคนั้นต้องการความเป็น ensemble สูงโดยมีคอนดักเตอร์นั้นเป็นผู้ควบคุมไดนามิกเพลงส่วนมากเขาจะไปใช้ hall ที่มีอคูสติกดีๆเพื่อเอาเสียง reverb จากนั้นก็ใช้เทคนิค distance miking ครับ เช่นเทคนิค decca tree หรือไม่ก็เอาไปวางไว้มุมต่างๆของห้อง หรืออาจจะเอาไมค์จับเครื่องดนตรีเป็น section ต่างอีกที แล้วแต่แนวคิดของ sound engineer แต่ละคนอีกทีครับ

ขอบคุณมากๆๆเลยครับที่เข้ามาให้ข้อมูลเชิงลึกและเทคนิค 555

ยังไงแวะมาบ่อยๆๆนะครับ^^

มัลติแทรคผ่านไมค์แบบยุคก่อน เป็นเรื่องปกติครับ
ทั้งอัดผ่านเครื่องมือ หรือไมค์จ่อหน้าตู้แบบวงเครื่องไฟฟ้า
ได้อรรถรสทางเสียง และบรรยาการของเครื่องดนตรีอยู่ครับ
แต่ di ต่อเข้าตรงกับคอมพิวเตอร์ในแบบปัจจุบันนี่
ผมว่ามันได้เรื่องชัดเจนอย่างเดียวน่ะครับ
ขอบคุณในข้อคิดเห็นเพิ่มเติมครับ

ผมว่าความชัดเจนมันเป็นเรื่องของลักษณะของการ Sound Design เพื่ออรรถรสในการฟังสำหรับดนตรีบางประเภท มันไม่สำคัญเลยว่าจะอัดแบบไหน จะใช้ไมค์จ่อ หรือว่าจะ DI ต่อตรงเข้า Audio Interface เพราะสุดท้ายพอผ่านการ Process ผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพทางเสียงไม่ว่าจะแง่เชิงวิศวกรรม หรือในแง่ของศิลปะเทียบเท่ากันถ้ามันใช้อย่างถูกที่ถูกทางเพราะมันถูกการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และการ Blind Test มาแล้ว แต่หลักๆมันขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้อย่างไรให้เกิดความเหมาะสมกับลักษณะงานที่ทำ หรือแนวดนตรีที่กำลังผลิต เพราะไม่ได้หมายความว่าทุกแนวดนตรีที่ทำแบบนี้นั้นจะสามารถถ่ายทอดอรรถรสได้ และก็ไม่ใช่ทุกแนวดนตรีเหมือนกันที่ใช้วิถีเดิมๆแล้วจะได้อรรถรสที่ดี อย่างเช่นแนว Bebop Jazz จะให้มาอัดแยกทีละชิ้นต่อ DI ก็ใช่เรื่อง หรือถ้าแนว Progressive Djent จะให้เล่นรวมวงแล้วใช้ไมค์จ่อทุกเครื่องมันก็ไม่ใช่เรื่องครับ