ไม่สำคัญ
สำคัญเเค่ว่า เสียงถูกใจเเละดี
จะhz ก็ชั่ง 
ผิดถูกไม่ต้องขออภัย

เกิน 20khz ไปจนถึง 50khz สำหรับมนุษย์ เห็นว่าจะเป็นเรื่องของ บรรยากาศเสียง Ambient อากาศ ที่สัมผัสได้ทางอารมณ์เวลาฟังเพลงครับ เหมือนกับได้ยินเสียงสีไวโอลิน แล้วสัมผัสเสียงสั่น เสียงอากาศรอบๆเสียงได้ด้วย

ซึ่งต้นตำรับมาตรฐาน Hi-res อย่าง Sony อ้างว่า ทดสอบดูแล้วสามารถฟังออกรับรู้ได้ครับ


สรุป ตาม คห. บน เอาแค่เสียงดีก็พอ เครื่องดนตรีส่วนใหญ่จะได้ยินชัดๆก็แค่ถึง 15~17khz ครับ 555

อธิบายง่ายๆ เวลาเปิด Subwoofer เบสดังมากๆ หรือในโรงหนัง เราจะรับรู้พลังงานเสียง สัมผัสสั่นสะเทือนได้


เสียงเกิน 20-50khz ก็จะรับรู้ บรรยากาศ อากาศ สัมผัส ได้ประมาณแบบนั้นแหละครับ 555

อาจจะทำไดรเวอร์ให้แสดงย่านเสียงกว้างๆ  เพื่อให้คลื่นเสียงย่าน 20-20000hz ออกมานิ่งก็ได้
หรือไม่ก็โชว์เทคโนโลยีเพื่อให้ดูแพงเฉยๆ

ฝ่ายที่ใช้driver ประเภทsuper tweeterร่วมในระบบลำโพงบอกว่าความถี่เกินหูได้ยิน มันจะช่วยให้สัมผัสบรรยากาศรายล้อมได้เหมือนจริงขึ้นครับ ประมาณว่า เครื่องดนตรีจริงหลายชิ้นก็มีองค์ประกอบของความถี่เสียงกว้างกว่าที่มนุษย์ได้ยิน การพยายามสร้างความถี่สูงพิศษเหล่านั้นคือ คืนเสียงที่เคยเกิดขึ้นให้ครบย่านความถี่ ไม่ใช่makeส่วนเกินขึ้นมา

ใช่ครับ ที่อ่านมา นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกที่เล่นความถี่สูงเกิน20000 ยกอ้าง
คือแทนที่จะอั้นที่20000 ก็ทำให้ตอบสนองความถี่ได้สูงเกินขึ้นไปอีก  ส่วนที่ไม่เกินจะได้ออกมาได้เที่ยงตรง

ส่วนโชว์ให้ดูแพงเฉยๆมั้ย ก็ไม่แน่เหมือนกัน 5555

เพื่อรองรับ สุนัข และ แมวที่บ้านให้สามารถสัมผัสเสียงดนตรีที่มีความถี่สูงด้วยครับ 555 

คหสต.  ถูกผิดลองพิจารณาดูครับ

1. เสียงที่เราได้ยิน ไม่ใช่ความถี่โดดๆ ความถี่เดียว  ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ คลื่นที่กระทบแก้วหูเรา  จริงๆมันคือผลลัพธ์ที่เกิดจากการแทรกสอดหรือหักล้างของคลื่นความถี่หลายๆคลื่น  เช่น  มีเสียงของเครื่องดนตรีหลายชนิดดังพร้อมๆกัน  มันก็จะผสมกันในอากาศ  เกิดเป็นความถี่ใหม่ๆที่ปนไปปนมาให้เราได้ยิน   กับลำโพงหรือ driver ก็เช่นกัน ณ เวลาหนึ่งๆมันจะปล่อยไฟฟ้ามาสั่งให้ไดอะแฟรมขยับไปได้ที่จุดๆเดียว ที่เป็นผลจากการหักล้างและแทรกสอดของทุกความถี่ที่มีในช่วงเวลานั้นๆ

2. เครื่องดนตรี หรือแหล่งกำเนิดเสียงทั่วๆไป  ก็ไม่ได้กำเนิดเสียงที่ความถี่เดียว  มันจะมีความถี่หลัก  ความถี่รอง ฮาร์โมนิค ที่เกิดการหักล้างแทรกสอดในเครื่องดนตรีเอง  โดนมันมักจะเกิดฮาร์โมนิคที่ความถี่เป็นเท่าตัว(2, 3, 4 เท่า)ของความถี่หลักเกิดขึ้นด้วย  

3. ถ้ามีความถี่ 10000 มาเจอกับความถี่ 5000 และ 3000 จังหวะเสริมและแทรกสอดมันจะมั่วๆ  ผมว่าในบางจังหวะความถี่ผลลัพธ์มันอาจจะสูงขึ้นไปถึงเท่าไหร่ไม่รู้   ก็คิดเอาเองว่า  ถ้า driver มันสามารถรองรับความถี่ได้สูงขึ้นไปมากๆ  มันก็น่าจะสามารถตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไว ใกล้เคียงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้มากขึ้น

อย่างภาพตัวอย่างนี่แค่ 2 ความถี่  เสียงดนตรีจริงๆมันซับซ้อนกว่านี้มาก

อุปทาน

ถ้ามีดนตรีในจิตใจจริงๆ Apple AirPod ก็เสียงดีที่สุดในโลกได้ครับ

เล่นหูฟังแพงๆนี่ล้วนแต่ อุปทาน กันทั้งนั้นครับ 5555 (แซวนะ)

หูฟังที่เสียงดีที่สุดนั้น มี 3 แบบ ครับ

เสียงไพเราะที่สุด

เสียงสมจริงที่สุด

เสียงเที่ยงตรงตามที่บันทึกอัดไว้ที่สุด


ถ้ามีครบสุดทั้งสาม นั้นก็คือ หูฟังที่เสียงดีที่สุดในสามโลก ซึ่งหูฟังตัวนั้นก็คือ...

นึกถึงตอนเรียนฟิสิกส์เรื่องคลื่นเลยครับ

ผมว่า จขกท ไม่ได้ชวนคุยเรื่อง เสียงดี  เสียงถูกหูนะ  อันนั้นมันนานาจิตตังอยู่แล้ว

ความรู้ ม.ปลายคับพี่ 555

Harmonic ที่ลงตัว มนุษย์จะรับฟังเป็น Euphonic ที่ไพเราะครับ

เครื่องดนตรีที่ เคาะ โลหะแข็งๆ สีกับเส้นลวด ถึงได้มีเสียงที่ไพเราะอย่างที่เราฟังกันนี่แหละครับ

เครื่องดนตรี หลัก แสน หลัก ล้าน ถึงเสียงไพเราะกว่า และขายได้


ว่าแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ Hi-res เท่าไหร่เช่นกันครับ 555

ถ้าให้พูดง่ายๆก็คือ "ไม่ได้ยิน ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึก" ครับ

เสียงทำให้สั่นสะเทือน แม้แต่เสียงที่มนุษย์ไม่ได้ยินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถึงเราจะไม่ได้ยินแต่มันก็มีคุณสมบัติแบบเดียวกับเสียง และร่างกายเราก็ตอบสนองกับมันเหมือนกันครับ

เพราะงั้นที่บางคนว่ามันได้บรรยากาศมันก็อาจจะไม่ใช่การอุปทานไปเองแต่เพราะรู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองตอบสนองเหมือนกับตอนที่ได้ไปฟังจริงๆก็เป็นไปได้ครับ

ผมคิดว่าเขาทำมาให้ตอบสนองความถี่กว้างๆ แล้วมีคนซื้อ เขาก็ทำครับ
แล้วพอทำแล้วยิ่งกว้างยิ่งขายง่ายยอดขึ้น เขาก็ยิ่งทำต่อครับ
ตัวเลขไหนคนซื้อเยอะ เขาก็ทำตัวเลขนั้นแหละครับ


ในทางวิศวกรรมมันมีเหตุผลที่เขาต้องทำให้ตอนสนองกว้างๆครับ
ยกตัวอย่างคำว่าตอบสนองที่ 20000Hz ในทางไฟฟ้าแปลว่าที่ความถี่นี้พลังงานความถี่นี้ลดลงเหลือ 50% ครับ
แปลซ้ำอีกทีก็คือ เสียงเบาลงไปครี่งนึง  บอกว่าตอบสนองไปสุดแค่ไหน ตัวเลขที่บอกคือตัวเลขที่พลังงานลดลงไปครึ่งนึงครับ
ดังนั้น ถ้าอยากให้ 20000 Hz มีพลังงานลดลงแค่ไม่เกิน 10% อาจจะต้องทำให้ทั้งระบบตอบสนองไปถึง 140KHz  หรือมากกว่า

เราจะเห็นว่า เครื่องเสียงบางค่ายจะตอบสนองความถี่ไปถึงหลายแสน Hz ครับ  ด้วยเหตุผลว่า ที่ 20000 Hz จะได้พลังงานยังเยอะอยู่
เครื่องเสียงยีห้อ spectral ทำปรีแอมป์ที่ตอบสนองความถี่ตั้งแต่  dc-1.5Mhz  ก็คือขยายได้ตั้งแต่ไม่มีความถี่หรือ 0Hz ไปถึง 1ล้านHz 

หูฟังที่ตอบสนองความถี่ไปไกลเกินย่าน 20000Hz ก็มีเหตุผลคล้ายๆกันครับ

เพื่อยอดขาย เพื่ออุปทานหมู่ เล่นกับจิตวิทยาของคน เพราะความจริงแล้ว Sample Rate มาตรฐานของ Digital Platform อยู่ที่ 44.1 Khz ดังนั้นก็เท่ากับว่า Nyquist Frequency อยู่ที่แค่ 22,050 ตัวหูฟังจะตอบสนองได้มากกว่านี้ก็ไร้ความหมาย เหมือนขยายความว่างเปล่าครับ

จะว่าไปเรื่องทำนองนี้มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว มีคนฟังออก และ ฟังไม่ออก ซึ่งมันก็ต้องอาศัยประสพการณ์ และ การฝึกทีกษะการฟังอยู่พอควร

โดยส่วนตัวเท่าที่รู้สึก ก็ตอบไม่ได้หรอกว่าได้ยินความถี่ถึงระดับใหน แต่เท่าที่ลองเล่นดู พวกที่ตอบสนองความถี่ได้กว้างกว่าจะให้ความรู้สึกสมจริง และ มีมิติมากกว่า แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะบางครั้งหรือบางการบันทึกเสียง ก็ไม่ได้ช่วยเหมือนกัน เอาเป็นว่า การตอบสนองความถี่ที่กว้างกว่า ก็มีโอกาศที่ดีกว่า แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้รับโอกาศนั้น

อันที่จริงก็เหมือนเถียงกันว่า ระหว่าง โค๊ก กับ เป๊บซี่ เหมือนกัน หรือ ต่างกัน คนที่เเยกออกก็มี ที่เเยกไม่ออกก็เยอะ ถึงบอกว่ามันเป็นเรื่องเฉพาะตัว