เครดิต Facebook เจาะเวลาหาอดีต
เพลง Scarborough Fair ของ Simon & Garfunkel
เพลง Scarborough Fair ของ Simon & Garfunkel
"ปริศนาตำนานรักแห่ง Scarborough" #ที่มาจากความหมายในบทเพลงจากกาลเวลา
เพลงไพเราะที่มีความเป็นอมตะในเสียงดนตรีเพลงนี้ เป็นเพลงที่มีประวัติ และตำนานมายาวนานมาก กล่าวว่าแต่งไว้ตั้งแต่สมัยยุคกลางของ Europe หรือยุค Medieval (ระหว่าง ค.ศ.500 - 1500) นั่นเลยทีเดียวครับ เนื้อเรื่องจริงๆ เป็นเรื่องความรักของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกส่งไปรบในสมัยดังกล่าว ได้ฝากคำพูดกับคนแปลกหน้าที่จะเดินทางไปที่เมือง Scarborough และ บอกให้คนรักของเขา ทำงานที่ยากและเป็นไปแทบไม่ได้ 4 อย่าง เพื่อพิสูจน์รักแท้ และรอเขากลับมาร่วมชีวิตด้วย หลังจากจบสงคราม
ตลอดเวลาที่ยาวนาน เพลงนี้ถูกนำมาขับร้องใหม่จนนับไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้ว แต่ Version ที่เด่นที่สุดคือ ของ Simon & Garfunkel ในปี ค.ศ.1966 นี้เองครับ
Simon & Garfunkel ได้รับการแนะนำให้นำเพลงนี้มาขับร้อง จากการเขียนบทเพลงเพิ่มเติมของ Martin Carthy ในปี 1965 และทั้งสองคนได้ทำมาแต่งเนื้อ และทำดนตรีเพิ่มเติมใหม่ จนเป็นเพลงที่เราได้ยินกันนี้ เพลงถูกนำเสนอครั้งแรกในปี 1966 เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Graduate และ ออกเป็นแผ่นซิงเกิ้ลปี 1968 ในชื่ออัลบั้มว่า Parsley, Sage, Rosemary and Thyme
คราวนี้เรามาคุยกันแบบยาวๆ ในรายละเอียดต่างๆ ของเพลงนี้กันนะครับ เพราะมีความหมาย เรื่องราว และสถานที่ที่ต้องกล่าวถึง และอธิบายให้ฟังค่อนข้างยาวมากจริงๆ แต่ผมจะพยายามตัดให้กระชับและเข้าใจได้ง่ายที่สุด ถ้าทนอ่านได้จนจบ รับรองว่าจะมีความรู้เพิ่มขึ้นแน่นอนครับ
ประโยคแรกในเพลงนี้คือ
Are you going to Scarborough Fair ?
คุณกำลังเดินทางไปยังงาน Scarborough งั้นหรือ ?
เมือง Scarborough เป็นเมืองชายฝั่งทะเลเล็ก ๆทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ในยุคกลางราวศตวรรษที่ 14 มีการจัดงานแสดงขึ้นที่เมืองนี้เรียกว่า “Scarborough Fair” เป็นงานที่จัดขึ้นมีกำหนดเวลา 45 วัน เริ่มจากวันที่ 15 สิงหาคม ของทุกปี ซึ่งจะมีพ่อค้านำสินค้ามาขาย อีกทั้งอาหารเร่ รวมถึงสินค้าตลาดนัดต่าง ๆ เพื่อดึงดูดเหล่าพ่อค้าและผู้ให้บริการต่าง ๆ ชักนำผู้คนจากทั่วประเทศให้มาเที่ยวชมเมือง เมื่อราวๆ 1,000 ปีที่แล้ว และปัจจุบันไม่มีการจัดเทศการนี้แล้ว เรื่องราวของเพลงนี้ก็เกิดที่เมืองนี้ครับ
ประโยคต่อมาในเพลง ที่เราจะได้ยินบ่อยมาก เหมือนเป็นท่อนสร้อยในเพลง และจะร้องแทรกเนื้อเพลงตลอดทั้งเพลง คือ
Parsley, sage, rosemary and thyme.
ตรงประโยคนี้ ถือเป็นความสำคัญของเพลง ถึงขนาดใช้เป็นชื่อ Album ชุดนี้เลยทีเดียว เรามาดูความหมายกันครับว่าคืออะไร
ในเนื้อเพลงนั้นจะมีท่อนสร้อยที่ไพเราะคล้องจองกันอยู่ท่อนหนึ่ง ซึ่งเป็นชื่อของสมุนไพร สี่ชนิดด้วยกันคือ
Parsley, Sage, Rosemary, Thyme ซึ่งเดิมทีท่อนนี้ในเนื้อเพลงอาจจะเป็นคำอื่นที่มีความหมายอื่น ๆ พอร้องกันต่อ ๆ มานานเข้าที่สุดก็เพี้ยนแปลเปลี่ยนไปเรื่อยปากต่อปาก จนกลายเป็นชื่อของสมุนไพรทั้งสี่อย่างก็เป็นได้ ซึ่งความหมายก็ต้องตีความกันเอาเอง แต่ก็ให้ความไพเราะได้ดีทีเดียว ที่แน่ ๆ ก็คือเป็นเสน่ห์พิเศษที่ทำให้เพลงมีความน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย....
Parsley หรือที่เราเรียกกันว่าผักชีฝรั่งนั้น เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และบางครั้งยังใช้เพื่อแก้รสขมหรือเผ็ดของอาหาร ช่วยระงับกลิ่นปากและทำให้สดชื่นได้
จึงมีความหมายถึงความสบายร่มรื่น (comfort)
Sage เราเรียกว่าโหระพา จะเป็นพืชสมุนไพรมีใบสีเขียวเทา ทำให้กลิ่นปากสะอาด กลิ่นหอมทำให้กระปรี้กระเปร่า
จึงเป็นสัญญลักษณ์ของความเข้มแข็ง พละกำลัง (strength)
Rosemary เป็นพืชไม่ดอกขนาดเล็กที่ดอกมีกลิ่นหอม นิยมใช้ในพิธีแต่งงาน ส่วนใบใช้เป็นสมุนไพรได้
จึงเป็นตัวแทนของความรัก ความซื่อสัตย์ (love)
Thyme เป็นพืชไม้เตี้ย ใบมีกลิ่นหอมและใช้เป็นสมุนไพร มักจะถูกนำรูปไปประดับตราประจำตระกูลหรือโล่ของอัศวิน
จึงเป็นสัญญลักษณ์ของความกล้าหาญ (courage)
แต่ผมเคยอ่านเจอความหมายบอื่นอีก บ้างก็ว่าโดยวัฒนธรรมบทกวีของทางยุโรป อีกความหมายขอสมุนไพรเหล่านี้ก็คือ
Pasley : I’m yours. ฉันเป็นของเธอ
Sage : I’m dependable. ฉันเป็นอิสระ
Rosemary : Remember me. จดจำฉัน
Thyme : I want to have son with you. ฉันอยากมีลูกกับคุณ
ซึ่งถ้าอ่านจากความหมายตรงนี้แล้ว จึงเข้าใจ และไม่แปลกใจเลยที่ทำไมถึงเป็นเนื้อร้องท่อนสร้อยในเพลงบ่อยมาก เพราะเป็นคำที่สื่อความหมายถึงความรักที่เขามีให้คนรักเขานั่นเองครับ
** ในเนื้อเพลงผมจะใช้คำศัพทืภาพษาอังกฤษนี้ทับศัพท์แทนคำแปลตรงนี้ไปเลยนะครับ เพื่อความสะดวก
ทีนี้มาถึงเรื่องราวต้นเหตุที่เป็นที่มาของเพลงนี้จริงๆ เลยนะครับ เป็นตำนานเล่าถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เมือง Scaborough ในช่วงศตวรรษที่ 14 แต่ต้องถูกส่งตัวไปรบในสงครามที่โหดร้ายแห่งหนึ่งในยุโรป และได้ต่อสู้อย่างห้าวหาญ เพื่อหวังจะมีชีวิตรอดกลับไปพบกับคนรักของเขา (อ่านเนื้อเรื่องตอนนี้อาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าได้ไปฟังเพลงมาแล้ว จะเข้าใจในรายละเอียดช่วงนี้ทั้งหมด)
และแล้ววันหนึ่ง ชายหนุ่มก็ได้บังเอิญพบกับนักเดินทางแปลกหน้าเข้า ชายหนุ่มได้เอ่ยถามนักเดินทางแปลกหน้าผู้นี้ด้วยความดีใจว่า
Are you going to Scarborough Fair ?
ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับนักเดินทางแล้วฝากคำพูดของเขาไปถึงหญิงสาวที่เคยเป็นรักแท้ของเขา โดยชายหนุ่มได้บรรยายว่า เธออาศัยอยู่ที่ริมเขาในป่าลึกที่ๆมีหิมะอันหนาวเหน็บ พวกนกกระจอกจะนำทางให้คุณไปถึงที่นั่น และได้ฝากข้อความให้เธอทำงานยาก 4 อย่าง โดยที่นักเดินทางนั้นนอนหลับไปแล้ว ดังนี้
บอกเธอ ให้เย็บเสื้อเชิ้ตลินินให้ผมที แต่ช่วยย้ำเธอว่าห้ามให้มีตะเข็บ และห้ามใช้เข็มเย็บ
บอกเธอ ว่าให้ล้างหลุมฝังศพ ที่ข้างหุบเขา ด้วยน้ำตาอันบริสุทธิ์
บอกเธอให้หาที่ให้ผมสัก 1 เอเคอร์ เป็นที่ที่อยู่ระหว่างน้ำทะเลกับผืนทราย...
บอกให้เธอเก็บเกี่ยว โดยใช้เคียวที่ทำจากหนัง จากนั้นให้เธอมัดมันรวมกันกับช่อของดอก Heather
หากทำได้ตามนั้น เธอจะเป็นรักที่แท้จริงของผม
ซึ่งงานทั้ง 4 อย่างนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยทีคนธรรมดาสามัญจะทำให้สำเร็จ
และจนถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอคนนั้น ทำได้หรือเปล่า และชายหนุ่มคนนี้สามารถกลับมาจากสงครามเพื่อเจอเธอคนที่รักได้หรือเปล่า ที่สำคัญ เจ้าคนแปลกหน้านั้น ได้นำข้อความทั้งหมดไปบอกฝ่านหญิงหรือไม่ก็ไม่รู้ ? เพราะขณะที่ชายหนุ่มบอกเล่าถึงคำขอของเขานั้น เจ้าคนแปลกหน้าก็ดันหลับไปซะแล้ว !
ตอนนี้ได้ทราบรายละเอียด และที่มาต่างๆ ในเพลงไปหมดแล้ว มาลองดูความหมายเต็มๆ ในเนื้อเพลงกันเลยนะครับ
ต้องตั้งใจฟังดีๆ นะครับ เพราะเพลงนี้ จะมีเนิ้อเพลงร้องเป็นเสียงคลอ ที่เล่าถึงเรื่องราว และสถานที่ที่จะไปพบกับหญิงคนรักของเขาซ่อนอยู่ในเสียงร้องคลอนั้น ทำให้เราต้องตั้งใจฟังเป็นพิเศษครับ ไม่งั้นไม่รู้เรื่องแน่นอน ถือว่าเป็นงานแปลที่ยากชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวครับ
Are you going to Scarborough Fair ?
คุณกำลังเดินทางไปงานที่เมือง Scarborough งั้นหรือ ?
Parsley, sage, rosemary and thyme.
Remember me to one who lives there.
She once was a true love of mine
ฝากความคิดถึงจากผม ถึงใครคนนึงที่อยู่ที่นั่นที
ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นรักแท้ของผม
Tell her to make me a cambric shirt:
(On the side of a hill in the deep forest green)
Parsley, sage, rosemary and thyme;
(Tracing a sparrow on snow-crested ground)
Without no seams nor needle work,
(Blankets and bedclothes the child of the mountain)
Then she'll be a true love of mine.
(Sleeps unaware of the clarion call)
โปรดบอกกับเธอให้เย็บเชิ้ตลินินให้ผมที
(ที่ป่าลึกอันเขียวขจีข้างภูเขานั่น)
Parsley, sage, rosemary and thyme;
(ตามรอยนกกระจอกจากเศษหิมะที่ตกมาบนพื้น)
อย่าให้มีตะเข็บ และอย่าใช้เข็มเย็บ
(ผ้าห่มและผ้าคลุมเตียง เหล่าเด็กน้อยแห่งขุนเขา)
ถ้าหากเธอทำได้ เธอจะเป็นรักแท้ของผม
(หลับไหลไปโดยมิได้ตระหนักถึงคำร้องขอ)
**หมายถึงนักเดินทางที่ชายหนุ่มพบ ได้นอนหลับไปเลย
Tell her to find me an acre of land:
(On the side of a hill, a sprinkling of leaves)
Parsley, sage, rosemary and thyme;
(Washes the grave with silvery tears.)
Between the salt water and the sea strand,
(A soldier cleans and polishes a gun)
Then she'll be a true love of mine.
โปรดบอกเธอ ให้หาที่ดินหนึ่งเอเคอร์ให้ผมที
(ที่ข้างหุบเขา ในที่ที่มีใบไม้โปรยปราย)
Parsley, sage, rosemary and thyme;
(จงชะล้างหลุมศพด้วยน้ำตาอันบริสุทธิ์นั่น)
ให้อยู่ระหว่างทะเลและผืนทราย
(ดั่งที่ทหารคนหนึ่งชะล้างปืน)
หากทำได้ เธอจะกลายเป็นรักแท้ของผม
Tell her to reap it with a sickle of leather:
(War bellows, blazing in scarlet battalions)
Parsley, sage, rosemary and thyme;
(Generals order their soldiers to kill)
And gather it all in a bunch of Heather,
(And to fight for a cause they've long ago forgotten)
Then she'll be a true love of mine.
โปรดบอกเธอให้เก็บเกี่ยว โดยใช้เคียวที่ทำจากหนัง
(สงครามยังคงประทุและแดงฉานไปด้วยเลือดของเหล่าทหาร)
Parsley, sage, rosemary and thyme;
(พวกเขายังคงสั่งทหารของพวกเขาให้ฆ่า)
และมัดรวมกันกับช่อดอก Heather
(และสู้เพื่อเหตุผลอะไรสักอย่างที่พวกเขาได้ลืมเลือนไปนานแล้ว)
และจากนั้น เธอจะกลายเป็นรักแท้ของผม
Are you going to Scarborough Fair ?
คุณกำลังเดินทางไปงานที่เมือง Scarborough งั้นหรือ ?
Parsley, sage, rosemary and thyme.
Remember me to one who lives there.
She once was a true love of mine
ฝากความคิดถึงจากผม ถึงใครคนนึงที่อยู่ที่นั่นที
ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นรักแท้ของผม