กรองไฟ เขียนผิด

ถ้าใช้กับชุดฟังเพลง ก็เป็นอีกวิธีนึงในการได้เสียงที่เปิด เคลียร์ เนื้อเสียงชัดจะแจ้ง มีความนิ่งมากขึ้น ให้ช่องไฟที่ดูเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นครับ แต่บางคนอาจจะฟังแล้วรู้สึกขาดความเป็นธรรมชาติ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบด้วยครับ ยังไงลองหาพวกรุ่นเริ่มต้นไปใช้งานดูก่อนได้ครับ ถ้าไม่ถูกใจก็ไม่ต้องไปต่อครับผม 

ต้องตอบว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่าคนชอบส่วนไหนมากกว่าครับ 55
ผมมาในสายต่อตรง ไม่ค่อยชอบตัวกรองไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็ตาม แต่จริงๆเครื่องกรองมันมีความดีของมันอยู่มากพอสมควร ตั้งแต่วัสดุที่ใช้ห่อหุ้มตัวปลั๊ก กันคลื่น RF ได้ คุณภาพตัวนำ คุณภาพอุปกรณ์ที่ใช้กรอง

บางคนชอบมากๆๆเพราะกรองแล้วสะอาด แต่บางคนก็บอกว่าแห้งไป ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความชอบครับ

ส่วนนึงอยู่ที่คุณภาพชุดกรองด้วย หลักพันเท่าที่เคยใช้อั้น สางนหลักหมื่นหลักแสนมราบอกกรองดีก็ไม่เคยลอง

จำเป็นมั้ย อยู่ที่ระบบที่ฟังมันขี้ฟ้องหรือเปล่า ถ้าไม่ขี้ฟ้องไม่จำเป็นต้องเสียงตังค์เพิ่มแต่อย่างใด

ข้อดีของตัวกรองที่เคยซื้อมาใช้ราคาเกินครึ่งหมื่นคือเสียงรบกวนหายไป แต่เสียงกลางแหลมดันหายไปด้วย

แถมเสียงมันยาน เฉื่อยกว่าเดิม เลยยกตัวกรองให้น้องเขยไป แวะไปบ้านเค้าที่ไร เห็นซุกอยู่ใต้โต๊ะไม่ใช้ซักที

อยากจะยึดมาขายมือสอง น่าจะได้ทุนคืนไม่ต่ำกว่า 2-3 พัน.....

ที่ผมทำเพื่อแก้คือเอาสายไฟ Accustic Art Silver มาจิ้มเข้าที่กรองไฟ แถมเปลี่ยนเต้ารับบนปลั๊กเป็น furutech และ wattgate ถือว่าบ้าบอแต่ก็ได้เป็นที่พอใจนะคับ 555

หมดไปเท่าไหร่ กับของที่ต้องมี 555

ปล. จขกท. เค้าไม่แยกระบบไฟ ไม่รู้จะช่วยยังงัยดี เพราะเป็นมันลงทุนต่ำ แต่ได้ความคุ้มค่าที่สุดแล้ว

ตอนเริ่มเล่นก็ใช้ปลั๊กบ้านเดิมต่อกรองนี่แหละครับ แต่พอได้แยก ชุดไฟเครื่องเสียงต่างหาก บวก ปลั๊ก audio grade อันนี้เห็นผลชัดกว่าจริงจัง สะอาด dynamic ดีกว่าเดิม ชัดเจน ผมเอากรอง (ที่ โมแล้ว เดินสายภายในใหม่ บวกปลั๊ก audio grade + audio grade fuse) ไว้ต่อ source ครับ ตั้งแต่ server ถึง DAC ส่วน HP AMP/Int ต่อตรงครับ ก็รับได้นะครับ ฟังเพลง rock พอได้ อิอิ ถามว่าจำเป็นไหม ถ้าไม่แยกชุดไฟหรือ แยกลำบาก จริงๆ ผมว่ามันก็จะสะอาดกว่าเดิมบวกอุ่นใจว่า ป้องกันเครื่องเราได้ ในระดับนึง ถ้าเพิ่มอีกนิดก็เปลี่ยนปลั๊กผนังมาช่วย ครับ