ผมรบกวนขอบเพิ่มข้อ 4 นะครับ

4. ถ้าใน Clef Powerbar 4 ในช่องที่เหลือ ผมเอา Adapter สำหรับ ชาร์จโทรศัพท์ต่าง มาเสียบช่องที่เหลือ จะมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนของ switching adapter หรือไม่ครับ

ขอบคุณทุกๆท่านครับ

ข้อ 1. ไม่มีผลครับ เพราะแอมป์หูฟังไม่ได้ใช้ไฟเยอะขนาดนั้นครับ
ข้อ 2. อาจมีผลครับ เพราะสายจากต้นทางมีขนาดที่เล็กกว่าสายที่เป็นปลายทางจากแอมป์ครับผม
ข้อ 3. ไม่น่าจะมีผลครับผม
ข้อ 4. ข้อนี้ก็ไม่มีผลเหมือนกันครับผม

https://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=247048

ขอบคุณทุกท่าน สำหรับคำตอบ และ เรื่องราวครับ

ต้องใช้แบบนี้ครับพี่  แทน Clef Power 4 ไปเลย หาซื้อบล็อกไม้มาแล้วก็เอาเต้ารับแบบ audio grade ยัดเข้าไปสำหรับสายไฟก็เลือกเอาแบบ audio grade เหมือนกันรวมถึงปลั๊กตัวผู้ ต้องลงทุนเพิ่มอีกครับ
หรือจะเอาแบบง่ายๆไปก่อนก็หาซื้อ Clef รุ่นที่มันถอดสายไฟออกได็แล้วซื้อสายไฟแบบ audio  เช่น Pangea AC-14ไปต่อแทนก็ได้ครับ

เท่าที่ลองกับแอมป์หูฟัง ก็เหมือนจะสงัดขึ้นนะครับ
ต่อกับ dac และ cd transport ด้วย รวม 3 ช่อง

ขอบคุณคำแนะนำของพี่สมเกียรติ เกี่ยวกับการทำ block ไม้ ครับ น่าสนใจดีมากครับ และต้องขอบคุณ คุณสมัครเล่นด้วยครับ สำหรับข้อมูลที่มีคุณค่า จากประสบการณ์แบบนี้ครับ

ถ้าหมายถึงตัวในรูปเชื่อไหมว่าผมไม่เคยเอามาต่อฟังเพลงเลยซื้อมา 2 ตัวใช้ต่อทีวีอย่างเดียวเพราะไม่ได้คาดหวังว่าเสียงมันจะดีขึ้นอยู่แล้ว จนเห็นกระทู้นี้เลยขอลองซักหน่อยก็เป็นอย่างที่คิด คือกับชุดหูฟังนะครับต่อผ่าน Clef แล้วอั้นกว่าเล็กน้อยเหมือนไดนามิคเสียงมันสวิงไม่สุด ความโปร่งใสลดลงเล็กน้อยครับ ตอบคำถาม

1.เท่าที่ลองฟังเมื่อกี้ก็ไม่ได้แย่อะไรมากครับ แต่ถ้าจะเอามาฟังเพลงเพื่อหวังว่าเสียงต้องดีขึ้นผมว่าหาปลั๊กพ่วงแบบคุณ somkiatr ดีกว่าครับ

2. อั้นไหมผมว่าไม่นะเพราะจริงๆ แล้วแอมป์หูฟังหรือ DAC มันไม่ได้ใช้กระแสสูงมากขนาดเท่าแอมป์บ้าน เท่าที่ผมลองมาสายขนาด 1.5 mm2 ถึง 2.0mm2 เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับชุดหูฟังเพราะจะให้โทลบัลลนาซ์ของเสียงที่มาครบ 3 ย่าน ถ้าสายใหญ่กว่านั้นแหลมจะกุดครับ

3. วงจรกรองของเครื่องบางรุ่นทำงานแบบขนาน เช่น nordost QV2, QK1 หรือ iFi AC iPurifier ซึ่งในหลักการแค่เสียบมันเข้าไปช่องข้างๆ ก็ช่วยกรองได้ เท่าที่ผมอ่านสเป็คของ Clef เขาก็ใส่วงกรองแบบขนานเข้าไปด้วย แต่เนื่องจากในการใช้งานจริงมันมีสายไฟเข้าปลั๊กที่ยาวประมาณ 2 เมตร อยู่ด้วยซึ่งมันทำให้วงจรกรองแบบขนานที่อยู่ข้างในแทบไม่มีผลอะไรกับปลั๊กข้างๆแล้วครับ ด้วยความที่อยากให้หายคาใจผมเลยลองเสียบ Pure Power4 ในช่องข้างๆ ปรากฎว่ามันไม่มีผลต่อเสียงเลยครับ 5555

4. ลองแล้วครับ ไม่มีผลอะไรเลย

.

ขอบคุณ คุณ Peerasak มากครับ เล่นทดลองกันให้เห็นซึ่งๆหน้ากันแบบนี้เลย ถือว่าเป็นการบกวนของผมเลยนะครับ แต่ได้รับคำตอบแบบ เหมือนกับผมเข้าไปทดลองจริงๆเชียวครับ

เท่าที่ดูแล้ว คงเสียบเข้าผนังเหมือนเดิมน่าจะดีกว่าหละครับ ประหยัดสตางค์เอาไปซื้อแผ่น CD มาฟังดีกว่า 5555 แต่ถ้าจะต่อปลั๊กพ่วง ผมคงต้องเลียนแบบ ข้อแนะนำของพี่สมเกียรติ แล้วหละครับ

ขอบคุณมากครับ คุณ Peerasak

ต่อผ่านเครื่องกรอง เสียงมันแห้งนะครับ ยกเว้นระบบไฟที่บ้านท่านแย่มากจริงๆ ก็พอจะช่วยได้

แต่ผมก็ต่อปลั๊กกรองแบบในรูปนะครับ เพราะเน้นสะดวกมากกว่า  สรุปเน้นการใช้งานตามที่เราต้องการ

ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ^ ^
ทำงานอยู่ เดี๋ยวว่างจะแอบหลบงานมาโม้เพิ่มครับ

ชีลด์แบบนี้ถ้าไฟรั่วคงสยองแน่ๆ

ใช้หูฟังราคาแพงแบบ MS pro ทั้งที แนะนำว่าทำระบบไฟเพิ่มครับ คุณภาพเสียงดีขึ้นชัดเจน

อารมย์คล้ายเรานั่งฟังเพลงอยู่ในห้องที่มีคนคุยกันเยอะๆ อยู่ที่ๆ คนหายไปหมด เงียบเฉียบพลันเหมือนฟังในป่าช้า

ปล. ง่ายและถูกสุดเริ่มจากเดินไฟจากตู้เมนแยกออกมาต่างหากครับ สายถ้า 6 Sq.mm แข็งไป 4 sq.mm ก็พอรับได้

เบรคเกอร์ ตัวละร้อยกว่าๆ + สายไฟ 3 สาย เมตรละ 20 กว่าบาท + ชุดเต้ารับเพร้อมกล่อง 200 กว่า + ฝีมือช่าง

รวมๆ ไม่ถึงพันบาท คุ่มกว่าการทำอย่างอื่นหลายเท่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนสายไฟ สายสัญญาณ หรือติดกรองไฟ แน่นอน

ขอบคุณครับ ^ ^  ตรงนั้นไม่ได้คำนึงถึงจริงๆด้วย  เอาในแง่มุมเสียงอย่างเดียว
แต่ที่จะบอก ไม่ใช่ให้ทำแบบผมเรื่องชีลด์ทั้งเส้นครับ  เป็นแง่มุมอื่น ไอ้การชีลด์ทั้งเส้นมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งผมเลือกจะทำเอง แต่ไม่ควรทำตาม ยกเว้น ใช้ชีลด์หุ้มเฉพาะปลั๊กครับ...ตรงนั้นผ่านไปก่อน

เรามาตั้งสมมุติฐานว่า ผลสุดท้าย คุณริวเลือกทำตามคำแนะนำพี่somkiatr นะครับ

คือถ้าทำแบบนี้แล้วจำนวนรูเสียบ พอเพียงกับการใช้งาน ผมว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมครับ

ที่จะมาโม้ต่อคือ มีปลั๊กพ่วง...แล้วไง??? (หมายถึง มีอะไรให้เล่นต่อจากการที่มีปลั๊กพ่วงเข้ามาในระบบ)


อย่างแรกนะครับ ผมปกป้องตัวเองก่อนว่า นี่เป็นความเห็นจากประสพการณ์ส่วนตัว ได้ยินอย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟัง แม้ว่าข้อมูลที่ให้ทำแบบที่เห็น บางส่วนมาจากผู้รู้ผู้มากประสพการณ์ท่านอื่น แต่ไม่รับรองว่าถ้าทำแล้วจะฟังออกทุกคน หรือจะคิดว่าผมมโนไปเองก็ได้

แล้วมันเป็นประเด็นปลีกย่อย ที่ถ้าจะลอง ต้องค่อยๆทำไปทีละจุดครับ ฟังออกก็ดี ฟังไม่ออกก็ดีอีกเหมือนกัน 5555
- แต่ละช่อง ให้เสียงไม่เหมือนกัน??? ลองฟังดูครับว่า จะเสียบเข้าช่องไหน
- หาแผ่นโลหะ กั้นปลั๊กหรืออะไรก็ตามที่เสียบเข้าปลั๊ก ไม่ให้กวนกัน (ของผมเป็นแผ่นทองแดง ดีกว่าแผ่นอลูมิเนียม) ในรูปนั้น แผ่นทองแดงที่ใช้กระดาษแข็งประกบ เอาไว้กั้นตัวกรองไฟสองตัว  แต่ไม่ได้กันระหว่างสายไฟ เพราะมันหุ้มชีลด์อยู่แล้ว ไม่งั้นก็คือพยายามกั้นแยกทั้งสี่ตัวแหละครับ
- สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว ที่จริง ที่ลองทำได้ก่อน คือ เอาแผ่นโลหะ(กล่องนม...มีอลูมิเนียมอยู่ หนา 13 ไมครอน) วางปูที่พื้นครับ  คือ ปลั๊กลอย ถ้าเป็นเป็นได้ วางให้หนีพื้น  ผมว่าอยู่บนเก้าอี้ไม้จริง(คือไม่ใช่โลหะ)แน่นหนาแข็งแรงมาก ปลายขาเก้าอี้ใส่spike จิกพื้นนิ่งสนิท  แล้ววางแผ่นโลหะ กั้นปลั๊กลอยกับพื้น..ทั้งๆที่วางหนีพืั้นอยู่แล้ว  และ เอาแผ่นทองแดง วางรองปลั๊กลอยอีกทีหนึ่ง เพราะแผ่นอลูมิเนียมมันมีผลข้างเคียงด้านลบครับ วางให้ห่างหน่อย
- ถ้ามีช่องที่ไม่ได้ใช้ ให้หาแผ่นโลหะมาปิดรูให้แนบกับปลั๊ก (ฟังแล้วทองแดง ดีกว่าอลูมิเนียม แต่ผมใช้ทั้งสองชนิดปิดรูปลั๊ก ไม่ใช่แค่ปลั๊กลอย แต่ทุกรูปลั๊กไฟที่มีในห้องที่ไม่ได้ใช้
- ขั้นสุดท้าย..ที่ผมเองฟังออก แต่หลายท่านบอกว่าไม่ได้ผล คือจับปลั๊กตะแคงครับ  ตามรูป อาจดูคราวแรกแล้วงงๆหน่อยะครับ ผมไม่ได้ถ่ายกลับด้าน ไม่ได้ลงผิดมุม แต่มันเป็นท่าตะแคงปลั๊กลอยจริงๆ  ***ท่านี้ ถ้าอย่างอื่นยังไม่ได้ทำ ยังเซ็ทอัพไม่ได้ที ไม่ต้องทำนะครับ  เพราะจับผลลัพธ์ไม่ได้*** ต้องทำอย่างอื่นเรียบร้อยหมดแล้ว ค่อยเล่นมุกนี้ ^ ^

เบื้องต้น อาจแค่หากล่องนมมาวางกั้นปลั๊กต่างๆ ทดลองดูก่อนครับ

แค่นี้ก่อนละกันครับ แค่นี้ผมก็มีหวังโดนจองกฐินแล้ว ^ ^

^
โอเค เด๋วจะลองท่าจับตะแคงเป็นท่าสุดท้าย

หมายถึงปลั๊กลอยนะครับ....=__=

ตอนแรกผมว่าจะจัด hd650 + jds the element มาไว้ฟังที่บ้านเพราะเริ่มเบื่อความยุ่งยากของสายพกพา

พอมาอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกยากกว่าอีกแหะ 555

ความจริงแล้วไม่ว่าจะเล่นแบบไหน ถ้าฟังแล้วแยกแยะไม่ออกก็เล่นไม่ยากหรอกครับ เหมือนที่บอกกันว่าฟังไม่ออกน่ะดีแล้ว เพราะไม่ต้องเสียเงินถือว่าโชคดีครับ 55555

แต่เอาเช้าจริงๆนะครับ ถ้าจะเล่นให้สนุกก็ต้องแบบนี้ล่ะลองโน่นนี่นั่นไปเรื่อย เหมือนได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆครับ ผมคนนึงล่ะยอมรับเลยว่าเป็นนักเล่นไม่ใช่นักฟังครับ 5555

ขอบคุณ คุณ Hsung และคุณ "ลองดูครับ" มากครับ เท่าที่ได้อ่าน และได้ดู VDO ผมก็เห็นด้วยกับการ ปรับปรุงระบบไฟฟ้า ในบ้านเช่นกันครับ อันนี้ ถ้ามีโอกาศ คงได้ปรึกษาช่างไฟ เพื่อปรับปรุงจุดที่จะฟังเพลงในบ้าน ซะเลยทีเดียวครับ

ขอบคุณ คุณเหน่งบาด้วยครับ ด้วยประสบการณ์ ที่เล่าให้ฟัง ผมจะเก็บไว้เป็นการ Fine Tune ครับ แต่ว่า ปลอกทองแดงเนี่ย เสียวเหมือนกันครับ อ้อ ผมว่าถ้ายังไง ก็อาจจะลอง ท่าจับตะแคง เป็นท่าสุดท้ายเหมือนกันครับ 55555

คุณ peerasak และทุกท่านครับ  ผมขอความรู้เพิ่มเติมได้ไม๊ครับว่า เวลาที่มีเสียงรบกวน สำหรับผมเองแล้ว จะนึกถึงแค่ว่า "เมื่อเอามือจับตัวถัง หรือ จับ Volume knob แล้วมีเสียง ดืดดดดดด  หรือบางครั้ง เมือ บิด Volume ไปในระดับ 10-11 นาฬิกาขึ้นไป ก็มีเสียงดืดดดดดด รบกวน"

สำหรับผมตอนนี้ ในการใช้งาน ถ้าบิด Volume ไม่เกิน 9 นาฬิกา ผมพยายามฟังเสียงว่า มันมีการกวนไม๊ หรือ พยายามฟัง Blackground noise ช่วงต่อเพลง หรือช่วงที่เพลงเงียบไป ก็หาไม่เจอครับ กรณีอย่างนี้ ผมควรจะเลือกอย่างไรดีครับ

1.ควรจะใช้การกรองไฟดีกว่า เพราะอาจทำให้ ชุดฟังเพลงมีปัญหา (อันนี้ ฟังใน Youtube ที่หลายๆผู้เชี่ยวชาญบอกว่า Noise จะทำให้อายุของ ชุดเครื่องเสียงสั้นลง)

2.เดินสายไฟใหม่ แบบที่คุณ Peerasak บอก ก็จบปัญหาไปเลยแบบ ถาวร และไม่ Drop ในการใช้งาน

3.เฉยๆไป ไม่ต้องเสียงสตางค์ เพราะด้วยความดังที่ฟังอยู่ ก็ไม่ได้ยิน Noise อย่างที่เล่าไป

ผมขอขอบคุณ และ ขอรบกวนพี่ๆ เพื่อนๆ หลายๆท่านด้วยนะครับ

ถ้ายังไม่มีการเดินกราวน์ ก็เดินกราวน์
แล้วแยกเบรคเกอร์เดินไฟตรงจากจุดใหญ่มาเข้าห้องเครื่องเสียง ตามความเห็น14 ของพี่ Hsung เป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรทำ เหมือนเราต้องอาบน้ำแปรงฟันสระผม ก่อนใส่น้ำหอมใส่เครื่องประดับครับ 

แค่อุปกรณ์พื้นฐานที่ว่า ยังไม่ต้องออดิโอเกรดใดๆ แค่หาที่เกรดดีเท่าที่เป็นไปได้ด้วยขนาดที่เหมาะสม แค่นี้ก็เป็นการปรับฐานแล้วครับ แล้วจะปลั๊กลอยหรือกรองไฟค่อยมาว่ากันต่อ และที่ว่ามาก็ไม่ได้ใช้เงินมากมายอะไรเลย มันยากตรงหาช่างที่เราเชื่อถือได้มาฟังเสียมากกว่าเรื่องตัวเงิน

แล้วคราวนี้การลองอุปกรณ์เสริมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่จะเห็นผลชัดเจนและถูกต้องขึ้นครับ เมื่อเราปรับฐานระบบไฟแล้ว ไม่งั้นมันเหมือนการกลัดกระดุมผิดแต่แรก ไปแก้โน่นเพิ่มนี่ ในขณะที่ต้นเหตุของปัญหายังไม่ได้รับการแก้

เดินระบบไฟน่าจะเป็น คห ของคุณ Hsung ที่แนะนำคนแรกนะครับ 555

ระบบไฟผมก็ทำแล้ว และผมเห็นด้วยว่าเดินระบบไฟสำคัญสุด มีผลมากที่สุด ลงทุนน้อยสุดจริงครับ แต่สำหรับบางคนอาจจะเป็นปัญหาถ้าไปบอกคนที่บ้านว่าจะเดินระบบไฟใหม่เพื่อให้ฟังเพลงเพราะขึ้นอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติก็ได้นะครับ 555

ผมย้อนไปอ่านในคำถามแรก เห็นว่าสายไฟที่บ้าน 2.5 mm2 ลงระบบกราวด์ทั้งหลัง คห ส่วนตัวสำหรับชุดหูฟังเพียงพอแล้วครับ เอาแบบง่ายสุดเป็นผมจะเปลี่ยนแค่ปลั๊กผนังใหม่เป็น Audio grade พอครับ แต่ถ้าสามารถเดินสายไฟแยกเฉพาะอย่างคุณ Hsung บอกได้ก็จะดีที่สุด ส่วนเครื่องกรองไฟไม่ต้องใช้ครับ 

ส่วน Blackground noise ในระดับ 10-11 นาฬิกาขึ้นไป อาจจะเป็นปัญหาที่แอมป์ก็ได้กรณีแอมป์กำลังสูงต่อกับหูฟังที่ความไวสูง ลองปรับ Gain ลดลงให้เหมาะสมกับหูฟังดูก่อน แล้วลองเร่ง Volume สูงสุดโดยไม่ต้องเปิดเพลงฟังดูว่าเป็นไหมครับ

ขอบคุณ คุณเหน่งบา และ คุณ peerasak ครับ เป็นอย่างที่คุณ peerasak ว่าครับ ตอนนี้บ้านผมเดินไฟ พร้อม ground เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวจะลองดูครับว่า เปลี่ยน gain เป็น Low แล้วเป็นอย่างไรครับ

ส่วนปลั๊กผนัง Audio grade เดี๋ยวจะลองหาข้อมูลดุครับว่า สามารถช่วยในเรื่องใดได้บ้าง และ ช่วยแบบไหนครับ น่าสนใจอยู่เหมือนกันครับ

ขอบคุณมากๆครับ

ผมขอเล่าเรื่องการทดลอง ที่ได้รับคำแนะนำ จากคุณ peerasak นะครับ 

ผมปรับ gain ให้เป็น low gain ครับ ความดังเมื่อเทียบกับ high gain นั้น ต่างกันแค่ high gain ผมจะเปิดฟังประมาณ 9:00 น แต่ถ้าเป็น low gain ผมจะบิดเพิ่มเป็น 10:00 น ครับ

สำหรับเสียงกวนจากการ หมุน volume knob นั้น หายไปแล้วครับ ไม่มีแม้แต่นิดเดียวครับ

ผมต้องขอขอบคุณทุกๆท่าน ที่ได้สละเวลาเข้ามาให้ความรู้แก่ผมด้วยนะครับ

ขอบคุณมากครับ

ระบบไฟแยกเห็นผลที่สุด เพราะมันแย่สุดครับ ผมเจาะผนังจนพรุน วงจรเดียวมันคาใจต้องไปเสริมอีกวงจร

ปล. คิดว่าถ้าขายบ้านราคาคงร่วงไปเยอะ เพราะคนซื้อคงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจาะผนังเดินปลั๊กเพิ่ม ทั้งที่มีอยู่แล้ว 555