เข้าใจความรู้สึกคนอยู่ไกลนะคะ 

เคยซื้อจากการอ่านแต่รีวิวล้วนๆเหมือนกัน หมดไป 3 หมื่นกว่าบาทที่ร้านออนไลน์เฮียมั่นนี่แหล่ะ (Polaris 2019, dragonfly red, Oriveti basic, MH40) 

ถ้ามือลั่นซื้อมา โอกาสมัน 50-50 ถ้าชอบก็โชคดีไป ถ้าไม่ชอบก็ขายต่อ แต่!!! ตราบใดที่เรายังไม่เจอหูฟังเนื้อคู่เราก็จะอ่านรีวิวเพื่อตามหาตัวที่เราคิดว่าใช่ต่อไป

ทีนี้ถ้าซื้อจากการอ่านรีวิวล้วนๆ แล้วพลาดรอบสอง เราก็จะวนเวียนอยู่กับการ อ่านรีวิว+กดซื้อ+ไม่ชอบค่อยขาย = เปลืองเวลา+เปลืองทุน 
หรือ ไม่ได้ชอบ แต่เบื่อจะตามหาแล้ว ซื้อมาแล้วก็ใช้ๆไป

แต่ผ่านไปสักพักก็ต้องเกิดความรู้สึกอยากตามหาตัวที่เหมาะกับเราที่สุดอยู่ดี

ถ้าจัดหาวัน-เวลาสำหรับเข้าไปฟังได้ โอกาสที่เราจะได้เจอเนื้อคู่ (และอาจจะมีกิ๊กตามมาด้วย) มันสูงกว่า และมั่นใจได้ว่า เราเจอเนื้อคู่แท้ของเราแน่ๆ
นอกจากนี้ จะได้ลองเอาหูฟังไปต่อ DAC กับ DAP ที่ร้านหรือตัวที่เรามี จะได้ดูว่าไปด้วยกันได้มั้ย

ส่วนตัวอยากแนะนำท่านที่อ่านรีวิวแล้วซื้อ ว่า นอกจากอ่านรีวิวเรื่องคุณภาพเสียงแล้วอยากให้อ่านรีวิว/กระทู้ที่พูดถึงเรื่องอายุการใช้งาน คุณภาพ QC (ไม่ได้หมายถึงยี่ห้อ campfire นะคะ พูดรวมๆ) บางยี่ห้อเสียงดีจริง แต่อายุการใช้งานสั้น QC ก็ห่วย

ป.ล. หูฟังทั้งหลายกับ dac ที่สั่งออนไลน์มา เลือกมายังไงไม่รู้เหมือนกันค่ะแต่รักทุกตัว 

ขนาดฟังที่ร้าน ถ้าฟังไม่นานพอ ไม่ครอบคลุมทุกแนว ยังพลาดเลยครับ หลายรอบแล้วเหมือนกัน
รีวิว..ไม่นับพวกอวยเกินจริง..ยังต้องดูว่าคนรีวิว ลองเพลงหลากหลายพอไหม เล่าข้อดีข้อด้วยหมดหรือเปล่า และ...ใช้ภาษาเขียนบรรยายถึงสิ่งที่เป็นนามอย่างเสียง  สื่อได้ตรงกับที่เขาเข้าใจหรือเปล่า

ผมอ่านรีวิวกับลองไปฟังเอง เพื่อเปรียบเทียบว่า นักทดสอบหรือผู้รีวิวท่านนั้นๆ เขียนบรรยาย ได้ตรงกับสิ่งที่เราได้ยินหรือเปล่า และจะพอสรุปได้ว่านักทดสอบท่านนั้น เขียนได้ตรงความจริงและตรงความเข้าใจของเรา คราวนี้ก็จะพออาศัยรีวิวของบุคคลนั้นเป็นguideline ให้เราเวลาจะเลือกของครับ เป็นการสกรีน และจำกัดของเขตของหูฟังที่เราจะเลือกได้ทางหนึ่ง

แต่ถ้าไม่ฟังเลย หรือฟังไม่นานพอ เหตุการณ์เดิมๆก็เกิดได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ดีครับ หลายเที่ยวแล้วด้วย ^ ^ ทั้งที่รีวิวหรือคำแนะนำนั้น เป็นของคนที่เราเชื่อหูเชื่อใจได้  และรีวิวตามความเป็นจริง แต่บางแง่มุมเราไม่ได้สัมผัสให้รอบด้านเอง ก็...พลาดไป 

ยิ่งถ้ารีวิวอวยไส้แตกที่มีเยอะแยะ...ต้องคัดกรองดีๆครับ ควรกินยาลดมโนเยอะๆ ของพวกนี้ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ทั้งที่ไม่ได้ฟัง 555

ลองซื้อรุ่นล่างๆมาฟังซักตัวฟังเอาแนวครับ ส่วนใหญ่ยี่ห้อเดียวกันมักจะให้เสียงไปในทางเดียวก้นโดยรุ่นใหญ่มักจะให้รายละเอียดเสียงที่มากกว่าโปร่งใสกว่าอิมเมจชัดเจนซาวด์สเตสกว้างกว่า มีความเป็นดนตรีที่สูงขึ้น

คือถ้าฟังรุ่นเล็กแล้วชอบแต่ยังรู้สึกว่าอยากได้สุดกว่านี้แสดงว่าหูเราถูกจริตกับยี่ห้อนี้แล้วล่ะ อย่างนี้ก็จัดรุ่นใหญ่ตามมาเลยครับ 

แต่..ถ้าฟังแล้วไม่โดนตั้งแต่แรก แสดงว่าหูเราไม่ถูกจริต แบบนี้ต้องเปลี่ยนยี่ห้ออย่างเดียว อย่าไปฝืนดันทุรังใช้ แนะนำให้ขายครับ

มีข้อแม้ว่าซื้อมาต้องฟังให้พ้นเบิร์นก่อนนะครับ อย่าางน้อยก็ต้องมีฟังให้แน่ใจ 200-300 ชม หรืออยู่กับมันซักเดือน ไม่ใช่ว่าการเบิร์นจะช่วยเปลี่ยนแนวเสียงของหูฟังได้นะ แต่เสียงมันจะเข้าที่มากกว่าตอนซื้อมาใหม่ๆแน่นอน และที่ให้ทนฟังหลายร้อย ชม เพราะมีเวลาคิดให้แน่ใจ่ว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ ครับ 

และที่สำคัญคือ **อย่าซื้อเพิ่มทันทีถ้ายังไม่ปล่อยของเก่า** (จะทำได้ไหม 5555)

ถ้าจะอ่านรีวิว  ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความช่ำชองพอสมควร
และที่สำคัญที่สุด  ถ้าต้องการเทียบ ตั้งแต่2ตัวขึ้นเป็น  ผู้เขียนต้องเป็นคนเดียวกัน 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่าลองเองดีที่สุด 
เพราะเสียงบางจุด  ผู้ฟัง-ผู้รีวิวก็ไม่ได้อธิบายไว้ หรือกล่าวได้ไม่ดี-สื่อไม่ถึงผู้อ่าน (หรืออาจจะสื่อสารเป็นคำพูดยาก)
อย่างเช่น เสียงหูฟัง A/B โปร่งต่างกัน  แต่อธิบายแค่โปร่งกว่า ก็อาจสื่อสารได้ไม่หมดครับ (โปร่งมากกว่าแต่อาจมีลักษณะบางอย่างของความโปร่งที่ต่างกันไปอีก)

อ่านรีวิวจากท่านที่เชื่อถือได้ ในบอร์ดมั่นคงมีหลายท่านเลยครับ
ยิ่งถ้ามีการเปรียบเทียบแนวเสียงกับหูตัวอื่นด้วยก็ยิ่งดีครับ
อ่านรีวิวจากหลายๆท่าน แต่ละท่านชอบเพราะอะไร ไม่ชอบเพราะอะไร
มันก็พอจะบอกได้ว่าเราน่าจะถูกใจหูตัวนั้นตัวนี้หรือไม่

แต่อย่างว่า ขนาดไปลองเองที่ร้านยังพลาดเลยครับ

เห็นด้วยกับ คห.3 ครับ

จะซื้อโดยดูจากรีวิวล้วน ๆ ต้องมีความรู้พื้นฐานบ้างพอสมควร เช่น เสียงร้องถอยหลังหรือใกล้ผู้ฟังเป็นยังไง, เสียงรุกเร้าหรือเสียดหูเป็นยังไง, การแยกแยะชิ้นดนตรีหรือขนาดเวทีเสียง, ปริมาณเบส เบสบวม เบสกระชับ แตกต่างกันยังไง

ถ้ารู้พื้นฐานของการอธิบายคาแรคเตอร์เสียง มันก็พอจะจินตนาการออกครับ วิธีที่ดีที่สุด คือ ไปลงทะเบียนเรียนฟรีที่โรงเรียนมั่นคงแก็ดเจ็ทวิทยาคมทุกสาขา

แต่ถ้าไม่สะดวกไปโรงเรียน อาจต้องเสียค่าเล่าเรียนบ้าง ซึ่งถ้าไม่ติดขัดเรื่องเงินทองอะไร ขั้นตอนนี้ผมว่ามันก็สนุกดีนะครับ เริ่มจากหูฟังจีนยอดนิยมที่ราคาไม่แพงมากก็ได้ ถือเป็นทางผ่านที่ดี คุณภาพเมื่อเทียบกับราคาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เก็บไว้ใช้งานขำ ๆ ได้ เล่นไปสัก 5 - 6 ตัวก็พอจะเห็นน้ำเห็นเนื้อแล้วครับ

แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มจากตัวไหนดี แนะนำเข้ากลุ่มหูฟังตามเฟซบุ๊คครับ ตัวไหนที่เค้าอวยไส้แตก ประเภทราคาหลักร้อยคุณภาพหลักหมื่น จิ้มตัวนั้นเลยครับ รับประกันความมันส์ 555

ลองบอกแนวที่เราชอบ หูอ้างอิงที่เราชอบเป็นหลักก่อนก็ได้ครับ
ที่เหลือคนที่มีประสบการณ์ในรุ่นที่เราสนใจ ก็จะช่วยเสริมข้อมูลให้ครับ

Sony  ATH  JBL  Bose

ถ้าไม่ได้ลองจริงเลือกพวกยี่ห้อดังคนทั่วไปก็รู้จักดี  ดังเช่นแบรนด์ที่ผมยกมาเอาไว้ก่อนครับ

เสียงมันก็จะดีขึ้นตามราคาครับ  โทนเสียงจะเข้ากับความชอบของคนส่วนใหญ่ทั่วๆไปได้ดี

แต่มันก็จะไม่เพราะที่สุดเท่ากับเราไปลองฟังเองครับ

เลือกหูฟังมันก็คล้ายๆกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าครับ  ได้ลองใช้งานด้วยตัวเองจะดีที่สุดครับ  และบางทียี่ห้อตลาดแม้จะทำมาทรงสวยเท่าไหร่  แต่มันก็ใช่ว่ามันจะเข้ากับเราได้เสมอไปครับ

ถ้าได้ลองก่อน  อันนี้ได้ตัวถูกใจชัวร์แน่นอนไม่มีปัญหา

ถ้าไม่ได้ลอง  มันก็มีโอกาสที่อาจจะได้ขายต่อไปตัวใหม่  หรืออาจจะต้องแก้ไขทรงนิดหน่อย(เปลี่ยนสาย เพิ่มแดค แอมป์)  อะไรพวกนี้เข้ามาเพิ่มครับ

ฉะนั้น  ถ้าไม่อยากจะเสี่ยง  เข้าไปลองฟังคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดครับ

ต้องแยกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกถ้าเป็นหูฟังที่มูลค่าไม่สูงนัก การเลือกตามคำชมของคนส่วนใหญ่ที่กล่าวชื่นชมไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสพลาดน่าจะมีไม่มาก คือซื้อมาแล้วเสียงดีในระดับหนึ่งแน่นอน แต่ถึงไม่ชอบก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก เพราะความคาดหวังของตัวเราเองก็น่าจะไม่มากนัก วิธีนี้ซื้อทางออนไลน์ได้ครับ

ส่วนที่สอง ถ้าเป็นหูฟังมูลค่าสูง ซึ่งโดยมากมักจะมีเสียงที่เป็นคาแรคเตอร์เฉพาะของแต่ละรุ่น มีเรื่องการสวมใส่ และปัจจัยสำคัญคือราคา สินค้าในกลุ่มนี้อาจจะมีคนเล่นเพียงไม่กี่สิบคน คนเขียนถึงอาจจะไม่มากราย การเชื่อในคนรีวิวบางครั้งก็พลาดได้ เพราะแต่ละคนมีเรื่องรสนิยมที่ต่างกันออกไป ในกลุ่มหลังผมไม่อยากแนะนำให้ซื้อออนไลน์ครับ


วิธีลดความเสี่ยงที่สุดคือการทดลองฟังด้วยตัวเอง และต้องใช้เวลาที่นานพอสมควร และใช้ฟังกับเพลงที่เราฟังส่วนใหญ่อีกด้วยครับ