1. ไม่จริงเสมอไป

2. แล้วแต่วัตถุดิบที่เค้ามีในมือครับ แล้วก็การออกแบบ แมทชิ่ง R&D ภายในองค์กรครับ

คล้ายๆร้านทำอาหารแหละ บางร้านเอาเนื้อออสเตรเลียมาทำ บางร้านเอาเนื้อญี่ปุ่นมาทำ 

สเปคเนื้อต่างกันเนอะ ทั้งความช่ำและชั้นไขมันลายหินอ่อน แต่ถ้าปรุงรสอร่อย หาซอส หาเกลือ หาไวน์มาแมทชิ่งได้ มันก็ดีทั้งคู่ครับ 

1. จริงและไม่จริงครับ ขึ้นอยู่กับการ แมทชิ่ง อุปกรณ์ Source + AMP และคุณภาพหูฟัง  

2.  หูฟังขับยากเขาก็ทำมาสำหรับอุปกรณ์ที่ ซัปพอร์ทกันครับ หูฟังขับง่ายก็สำหรับเครื่องอีกประเภท ถามว่าเสียงจะดีกว่ากันไหม ต้องลองฟังเองครับ

ถ้าพูดกลับกัน ว่า หูฟังเสียงดี มักจะขับยาก จะเห็นภาพชัดกว่าครับ ^ ^

หูฟังขับยาก impedance สูง sensitivity ต่ำ ต้องใช้แอมป์กำลังขับสูง ในทางทฤษฎีจะมี damping factor (การเก็บตัวของไดรเวอร์) ที่ดีกว่าหูฟังขับง่ายครับ ที่เห็นชัดคือเรื่องเสียงเบสที่กระชับเก็บตัวเร็วไม่บวมไม่กระพือ ลองหาโอกาสฟัง AKG K701, Beyerdynamic T1 และ Hifiman HE5 ดูแล้วจะเข้าใจครับ

artpiggo : อธิบายได้เห็นภาพมากเลยครับ ทั้งเรื่องที่ถาม และสเต๊กเนื้อด้วยครับ ฮรื้อ!! ขอบคุณครับ

sumpao : คล้ายๆว่าดี ถ้าได้เจอของที่คู่กัน ประมาณนั้นสินะครับ ขอบคุณครับ

เหน่งบา : ต้องลองขยับ ขยายดูบ้างซะแล้ว ขอบคุณครับ

ปล. ผมแฟนคลับพี่เลยครับ ตามอ่านตั้งแต่ ม 4 ที่เริ่มอยากฟังเพลงจริงจัง ตอนนี้ทำงานแล้วครับ 5555

ลองดูครับ : มาเป็น ศัพท์เฉพาะทางเลยครับ ชัดเจนครับ ขอบคุณครับ

คนอื่นตอบหมดแล้ว ผมต่อคิวตอบมั่งครับ 555

1. ต้องตอบว่าค่อนไปทางจริงครับ จริงเพราะว่าการออกแบบหูฟังให้ขับง่าย จุดประสงค์ก็คือให้ขับง่ายด้วยเพลย์เยอร์หรืออะไรก็ได้แล้วฟังได้ดี ซึ่งกำลังขับที่ต่ำๆไม่สามารถควบคุมหรือคอนโทรลคุณภาพเสียงได้เหมือนพวกเพลย์เยอร์ที่กำลังสูง หรือตัวขับ(แอมป์)ที่มีกำลังขับที่ดี เหมือนกับเครื่องเสียงบ้านครับ ในรุ่นที่มีกำลังขับสูงกว่า มักแพงกว่ารุ่นที่กำลังขับน้อยกว่า และลำโพงที่ขับยากกว่ามักจะได้ผลลัพท์ทางเสียงที่ดีกว่าเมื่อต้องใช้งานร่วมกับแอมป์ที่เหมาะสมและเข้ากันได้

2. ข้อนี้ก็มาถึงแนวคิด และปรัชญาการออกแบบแล้วครับ คือขึ้นอยู่ว่าแต่ละค่ายจะคิดอย่างไรกับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง การวางตำแหน่งและระดับของสินค้า ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อหูฟังทั้งสิ้นครับ ลองสังเกตุง่ายๆครับ หูฟังที่ขับยาก ส่วนมากคนมักจะนิยมเล่นและก็แสวงหาแอมป์ที่แมชชิ่งได้ดีมาเล่นคู่กัน แต่กาลเวลาผ่านไประยะนึง ต้องกลับมาออกแบบหูฟังที่ขับง่ายขึ้นแต่เสียงต้องดีตามไปด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้ว กลายเป็นการออกแบบหูฟังที่ขับง่ายและให้เสียงดีกว่า นั้นยากยิ่งกว่าออกแบบหูฟังที่ขับยากเสียอีก

ผมอ่านของพี่เหน่งบาแล้วชอบ "หูฟังเสียงดี มักจะขับยาก จะเห็นภาพชัดกว่าครับ ^ ^" อันนี้ใช่เลย

แต่ในมุมกลับกันอีกที "หูฟังขับง่าย แต่ให้เสียงดีกว่า มันทำยากยิ่งกว่าครับ" 555

หู pk1  ขับยาก


คนทั่วไป แม้ได้เป็นเจ้าของ


ก็ไม่  ได้มีโอกาส

ฟัง เสียงที่ สุด ของมัน

ขนาดนั้นเลยหรอครับ เพราะอะไรหรอช่วยอธิบายหน่อยสิครับ

ตอบ คห.8 เพราะก่อนผลิตผู้ผลิตหูฟังต้องเลือกก่อนว่าจะผลิตหูฟังแบบไหนใน 3 ประเภทนี้ครับ

1.หูฟังขับง่าย เน้นต่อตรงกับมือถือและเครื่องเล่น เสียงดีโดยไม่ต้องต่อแอมป์ ถึงต่อแอมป์ก็ไม่เห็นความต่าง

2.หูฟังขับง่ายปานกลาง เสียงดีโดยไม่ต่อแอมป์ก็ได้ แต่ถ้าต่อแอมป์เสียงก็ดีขึ้นไปอีกนิดหน่อย

3.หูฟังขับยาก เสียงดีเมื่อต่อแอมป์ เสียงห่วยเมื่อไม่ต่อแอมป์

ซึ่ง PK1 จัดอยู่ใน ข้อ 3 ไงครับ

เพิ่มเติมนิดนึงครับ

หูฟังบางตัว เปิดกับเพลย์เยอร์ทั่วไป เร่งได้ดัง ฟังได้ปกติ แต่ยังได้ประสิทธิภาพไม่ถึงขีดที่ทำได้จริง เพราะว่าขาดกำลังขับที่เหมาะสม หรือพูดง่ายๆถ้าต่อแอมป์เสียงจะดีกว่าขึ้นไปได้อีก

แต่ผู้ผลิตส่วนมาก ไม่ได้ recommend ให้ใช้แอมป์ในการเล่นร่วมก็มี เพราะว่าการระบุอาจจะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจไม่เล่นเลยครับ

คงต้องลองแวะไปฟังเองกับหูที่สาขาซะแล้วครับ

ขอบคุณเฮีย และอีก 3 ท่านที่เข้ามาพูดคุย ตอบคำถามเพิ่มเติมด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ 

Pk1   ถึง ต่อแอมป์  

แต่เป็น แอมป์ ธรรมดา   

พวก   b1 aune  ก็ได้เสียง

งั้งๆ   ดีขึ้นมานิดหน่อย...

ถึงว่า  เป็็็็นหูู  ฟัง ขับยาก