จริงๆตัวเลขต่างๆผมแทบไม่ดูเลยครับ เพราะมันบอกอะไรที่ไม่ตรงนัก ส่วนมากที่คนทั่วไปมักจะดูกันก็คือหูฟังมีความต้านทานกี่โอห์ม ถ้าโอห์มสูงก็จะขับยากหน่อย พวกโอห์มต่ำขับง่าย แต่หูฟังบางตัวลงสเปคว่าโอห์มสูง แต่ขับง่ายกว่าหูฟังโอห์มต่ำกว่าก็มีครับ

สเปคหูฟังต่างจากสเปคลำโพงบ้าน ที่ตรงนั้นจะชัดเจนและมีความแม่นยำกว่า อย่างความไวของลำโพง และโอห์มหลักของลำโพง ถือเป็นสเปคหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเลยครับ^^

ขอบคุณครับ..เฮีย ผมพิมพ์คำถามตกไปครับ ...ขอเริ่มคำถามใหม่ครับ - ถ้าหูฟังเรา Power handling capacity . .100 mW @ 80 ohm ควรเลือก ้headphone amp แบบไหนคับ ระหว่าง 640mW @66 ohm กับ 130 mW @60 ohm คับ

นั่นซิผมยังอ่านแล้วงงๆเหมือนกัน 555
ถ้าหูฟังที่มีโอห์มสูงตั้งแต่ 60 โอห์มขึ้นไป การใช้แอมป์ที่มีกำลังขับที่ดีทำให้เสียงยิ่งดี การที่ได้แอมป์วัตต์สูงมักจะต้องจ่ายแพงกว่าแอมป์วัตต์ต่ำครับ อย่าง 640 มิลลิวัตต์ ถือว่าสูงกว่า 130 มิลลิวัตต์เยอะมาก ยังไงให้เลือกแอมป์วัตต์สูงไว้ก่อนครับ (ถ้าราคายอมรับได้ และได้คุณภาพเสียงที่ดี) และแอมป์ทั้ง 2 ตัวใช้ขับหูฟังความต้านทานใกล้เคียงกันอีกด้วย

แต่!! แต่อีกแล้ว 555 เอาเข้าจริงก็ต้องลองด้วยหูฟังจริงๆว่ามันตอบโจทย์มากน้อยขนาดไหน บางทีซื้อแอมป์ที่ขับออกแค่หูฟังตัวที่ลอง พออนาคตเพิ่มหูฟังมาใหม่ กลายเป็นขับตัวใหม่ไม่ออก หรือบางกรณีมีหูฟังตัวเดียวไม่คิดเปลี่ยนอีกแล้ว แต่ซื้อแอมป์เผื่อโต อันนี้ก็ไม่เหมาะสมครับ 55

ขอบคุณเฮีย..มากๆๆๆ ครับ 

อีกนิดครับ...เฮีย  -  หูฟังเรา Power handling capacity . .100 mW @ 80 ohm  แล้วเราใช้ แอม ที่ให้กำลัง 640mW @66 ohm  จะมีผลเสียกับหูฟังเราไหมครับ  และ noise จะเยอะไหมครับ

ไม่มีผลเสียครับ การที่จะมี noise เยอะ ส่วนมากมักจะเกิดกับหูฟังโอห์มต่ำอย่างเช่น 16 โอห์มครับ เพราะหูพวกนี้เวลาเจอกำลังขับนิดเดียว แอมป์มันจะขยายและพาเอา noise จากไฟในวงจรออกมาได้ยิน แต่ถ้าหูฟังระดับ 80 โอห์ม หูฟังพวกนี้ขับด้วยโทรศัพท์หรือเพลย์เยอร์ทั่วไปก็ต้องเร่งจนแทบสุดแล้วครับ ซึ่งการใช้แอมป์มาขยายผมว่าไม่มีผลเสียแต่อย่างใด และไม่ควรจะได้ยิน noise แต่อย่างใด (นอกจากแอมป์คุณภาพไม่ดีนะครับ)

ส่วนหูฟัง Grado มีความต้านทาน 32 โอห์ม แต่กลับใช้แอมป์อะไรขับก็ได้ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ วัตต์สูงหรือต่ำ ใช้ขับ Grado ได้ทั้งสิ้นครับ หรือถ้าไม่ใช้แอมป์แต่ใช้ต่อตรงก็ยังฟังได้ดีครับ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว ขนาดหูฟัง 32 โอห์มยังใช้แอมป์ได้ครอบคลุม เพราะฉะนั้นหูฟัง 80 โอห์มนี่ถือว่าไม่มีปัญหาเลยครับ

ขอบคุณเฮียมากๆๆๆ (อีกครั้ง) ...ครับ

Power handling แค่บอกว่า ถ้าเกิน 100mW แล้ว มันจะดังเกิน spl ดีมันออกแบบมาครับ (ส่วนใหญ่จะใกล้ๆ 120dB) แล้วถ้าเปิดดังเกินไปนานๆ จะพังได้ครับ เพราะงั้นถ้าสเป็กแอมป์มันเกินก็ไม่เป็นไรครับถ้าเราไม่เปิดดังขนาดนั้น(เราคงไม่หรอกครับ)+เพลงทุกเพลงก็ได้มีความดังที่ peak หมด มี dynamic range ที่เบากว่าอยู่ครับ

ขอบคุณครับ...ถามต่ออีกนิดครับ ค่า Max Output Power ของ headphone amp ที่มีค่าแบบนี้ 80mW into 32 ohms95mW into 50 ohms75mW into 150 ohms60mW into 300 ohmsหมายถึงอะไรครับ

Power (วัตต์) มันเปลี่ยนไปตาม load (โอห์ม) ครับ ทางที่ดีดูเป็น Voltage output ดีกว่าครับ มันเทียบข้าม load ได้ง่ายกว่า power ครับ

ถ้าไม่เข้าใจลองไปจิ้มเล่นๆที่ลิ้งค์นี้แล้วลองสับๆตัวเลขใส่ดูครับ https://www.headphonesty.com/headphone-power-calculator/

เลือกตัวไหน คงต้องลองฟัง ว่าหูฟังจะ matching กับ DAP หรือไม่
หูฟังแต่ละตัว ก็จะ match กับ DAP แต่ละตัวไม่เหมือนกัน

แต่ถ้าตอบตามทฤษฎีคือ 640mW @66 Ohm มีกำลังขับสูงกว่า 130 mW @60 Ohm เกือบ 4 เท่าตัว
ถ้าไม่ได้ลองฟัง แล้วตัดสินแค่กำลังขับ  ตัวแรกชนะขาดลอย
เพราะ load ต่างกันแค่ 10% ระหว่าง ุ66 กับ 60  แต่ power สูงกว่ากันมากกว่า 4 เท่า 

แต่กำลังสูงกว่า ไม่ได้รับประกันว่า เสียงจะดีกว่า   ถ้าตัวกำลังน้อย match กว่า เสียงก็อาจดีกว่า

เลือกแอมป์ power สูงๆ ข้อดีอีกข้อคือ head room เยอะครับ รับ input ได้หลากหลายกว่า แอมป์ที่พาวเวอร์น้อยๆ (สมมติว่ามี voltage output 2.5Vrms ละกันนะครับ) รับขาเข้าแค่ 2Vrms จาก desktop dac บวกเกนนิดหน่อยก็เริ่ม perform ได้ไม่ดีละครับ (thd+imd สูงขึ้น หรือ dynamic range/ signal to noise ratio ต่ำลง)

มีสูตรเทียบ Voltage output  ทียบข้าม load  ไหมครับ  เพราะแอมบางตัวไม่ได้บอก Voltage output ไว้ครับ

ขอบคุณครับ...ถามต่ออีกนิดครับ ค่า Max Output Power ของ headphone amp ที่มีค่าแบบนี้ 80mW @ 32 ohms หมายความว่า 
- ที่ 32 ohm แอม จะให้กำลังขับที่ 80mW หรือ  ที่ 32 ohm ใช้กำลังขับเพียง 80 mW หรือมีความหมายอย่างไรครับ

แปลตรงตัวภาษาอังกฤษเลยคนับ max output power ว่ากำลังขับของแอมป์สูงสุด ที่โหลด 32 โอห์ม เท่ากับ 80mW ครับ

ยากครับถ้าไม่รู้ output impedance ของแอมป์ (ยิ่งต่ำยิ่งดี ควรต่ำกว่า 8-10 เท่าของอิมพีแดนซ์หูฟัง)
แต่ดูจากกรณีของคุณแล้ว การที่แอมป์ตัวนึง supply ได้แค่ 80mW ที่ 32ohm แต่ดั๊นได้ 95mW ที่โหลดสูงกว่าที่ 50ohm และจากนั้นจึงค่อยดูปกติที่ power ค่อยๆต่ำลงตามโหลดที่สูงขึ้น นี่แปลว่าแอมป์ของคุณมี output impedance ค่อนข้างสูง ทำให้เกิด voltage drop เยอะในโหลดต่ำๆครับ หรือก็คือการที่แอมป์ของคุณมี damping factor ไม่พอกับหูฟัง 32ohm หรือแปลง่ายๆว่าแอมป์คุณน่าจะมี output impedance ค่อนข้างสูงครับ

นั่นแปลว่าแอมป์คุณไม่เหมาะกับโหลดต่ำๆ อย่าง 16, 32 ohm ครับ เพราะจะทำให้เกิดความเพี้ยนได้เมื่อ damping factor ไม่พอ ความเพี้ยนที่ว่าจะหนักขึ้นไปอีกสำหรับหูฟังหลายไดรเวอร์ ที่ไดรเวอร์แต่ละตัวก็มีคาแรคเตอร์ impedance ของตัวเอง ทำให้เสียงเพี้ยนตามช่วง crossover ไปอีกครับ

ที่ผมพูดมาไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แอมป์หลอดส่วนใหญ่จะมี output impedance สูง ส่วนใหญ่จะ 10-20ohm โดยเฉพาะพวก output transformer-less หรือ OTL ที่คนแนะนำให้ใช้กับหูฟังโอห์มสูงๆเช่น 300 หรือ 600 โอห์ม ก็เพราะงี้แหละครับ

ดูเพิ่มเรื่อง damping factor ของแอมป์ (output impedance ยิ่งต่ำยิ่งดี) ได้ตามลิงค์นี่ครับ

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Damping_factor
https://electronics.stackexchange.com/questions/130414/low-output-impedance-vs-high-output-impedance-of-an-amplifier

ถ้าใช้หูฟังหลายไดรเวอร์อยู่ แล้วอยากรู้ว่า impedance and phase มัน swing แค่ไหน ลองดูตาม innerfidelity ก็ได้ครับ

ที่ผมบอกว่า impedance มันสวิง เพราะมันตาม frequenxy ครับ หูฟังหบายไดรเวอร์มีไว้เพื่อตอบสนองความถี่คนละย่านกัน ในแต่ละย่านความถี่เลยมี impedance character ต่างกัน ทำให้พาวเวอร์ไปหาแต่ละไดรเวอร์ไม่เท่ากัน ความดังจึงไม่ linear แบบตามต้นฉบับครับ

อันนี้ iem แบบ dynamic driver 1 อัน (sennheiser ie800)
https://www.innerfidelity.com/images/SennheiserIE8002013.pdf
อันนี้ iem แบบหลายไดรเวอร์ (shure 846)
https://www.innerfidelity.com/images/ShureSE846BlackFilterSampleB.pdf

เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าตามทฤษฎีแล้วหากหูฟังของคุณโหลดต่ำ และ impedance สวิงเยอะ คุณควรใช้ต้นทางที่มี output impedance ต่ำ เพื่อให้หูฟังคุณทำงานตามที่ผู้ผลิตออกแบบมา ไม่เพี้ยนมากเกินไปครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้มากๆ..ครับ  ผมพอสรุปแบบนี้จะถูกไหมครับว่า - ถ้าใช้หูฟัง โหลดต่ำๆ อย่าง 16, 32 ohm ควรใช้แอมที่ให้ Max Output Power ที่สูงกว่า  Power handling capacity ของหูฟัง  แต่ในทางกลับกัน ถ้าใช้หูฟังที่ โหลดสูงๆตั้งแต่ 80 ohm ขึ้นไป ควรใช้แอมที่ให้ Max Output Power ไม่สูงกว่า Power handling capacity ของหูฟัง - ผมใช้หูฟัง beyerdynamic dt 770 - 32 ohm และว่าจะซื้อตัว 80 ohm (ไว้ทำเพลง) และจะซื้อ headphone amp เพิ่ม...ครับ

ถูกต้องครับ ประมาณว่า ถ้า output impedance (Z out) ของแอมป์ต่ำแล้ว พาวเวอร์มันต้องลดลงตามโหลดที่สูงขึ้นครับ หากไม่เป็นอย่างนั้นแปลว่า z out ของแอมป์สูงเกินกว่าที่ควร สำหรับโหลดนั้นๆครับ

พวกหูฟังรุ่นท็อปมีความต้านทานสูง ก็เพราะจะได้ใช้ได้อย่าง ‘ถูกต้อง’ ในทุกๆสถาณการณ์ไม่ว่าต้นทางจะมี Z put สูงแค่ไหน แต่ก็มีข้อเสีย trade-off เรื่องหูฟังพวกนี้พอโหลดมันสูง V ที่เข้าก็จะต่ำลง ทำให้ต้องใช้แอมป์แรงขึ้น เพื่อจะซัพพลายแรงดันให้พอครับ ซึ่งไอเรื่องขับยาก ไม่ใช่ปัญหาของผู้ใช้หูฟังระดับท้อปอยู่แล้วครับ

ปล ผมก็ใช้ DT770Pro และ DT880 อยู่เหมือนกันครับ แต่รุ่น 250Ohm ทั้งคู่ เพราะบาลานซ์พอดีระหว่าง damping factor ที่สูง และไม่ขับยากเกินไปครับ และตอนนี้กำลังจะขาย 770 250ohm ถ้าสนใจถามได้นะครับ

ใช้ headphone amp ของอะไรขับอยู่ครับ และถ้าผมใช้ headphone amp ตัวนี้จะขับหมดไหมครับ
https://www.presonus.com/products/HP4/tech-specs (ผมใช้ทำเพลง...ครับ)

ขายเท่าไหรครับ

รบกวนไลน์มาทีครับ [email protected]

ราคาของผมตามนี้เลยครับ 5000 บาท
https://www.facebook.com/groups/headphoneclubmarket/permalink/1614496375322130/?sale_post_id=1614496375322130
ตอนนี้ผมใช้แอมป์ O2 รุ่นเกน 0/3.5x max ~7Vrms ครับ
https://www.massdrop.com/buy/massdrop-o2-amplifier