บางคนเลือกDAPเพราะเสียง สายนี้ต้องไล่ลองฟังเลยครับ ว่าอันไหนถูกหูเราที่สุด

บางคนเลือกDAPเพราะการใช้งาน แค่ต้องการแยกออกจากสมาร์ทโฟน UIต้องใช้ง่าย ใช้สะดวก ไม่งง ไม่มีพวกเสียงแจ้งเตือนต่างๆมารังควาญ คุณภาพเสียงเป็นของแถม

โดยปกติ ถ้าราคาไม่ห่างกันเกินไป คุณภาพเสียงDAP ดีกว่าสมาร์ทโฟนอยู่แล้วครับ หลักๆที่สังเกตุได้ก็คือ รายละเอียดดีขึ้น พื้นหลังเงียบ(สงัด)ขึ้น แรงขับที่ดีขึ้นครับ

และอีกอย่าง ส่วนมากDAPจะรองรับไฟล์เพลงได้เยอะกว่าสมาร์ทโฟนครับ และเป็นการรองรับในระดับNative คือ แกะรหัสเพลงออกมาได้ยังไง ก็ปล่อยออกหูฟังได้แบบนั้น
ต่างจากสมาร์โฟน์ที่ถึงแม้แอพจะแกะรหัสได้ แต่ก็โดนแปลงลดคุณภาพลงเพื่อให้ชิพเสียงคุณภาพอันต่ำต้อยสามารถขับออกมาให้มีเสียงที่หูฟังได้ครับ

สุดท้ายนี้ก็อยากให้ฟังหูไว้หูครับ เพราะเรื่องเสียงนี่มันขึ้นกับหูใครหูมันครับ ไปลองฟังกับหูชัวร์ที่สุดครับ ว่าคุณพึงพอจ่ายให้กับคุณภาพที่คุณได้ยินหรือไม่ครับ
ส่วนตัวผม ผมพึงพอใจในiPhoneคู่กายแล้วครับ เพราะผมยังไม่ก้าวเข้าสู่ระดับHi-Res อุปกรณ์ของผม ณ ตอนนี้ตอบสนองผมได้เพียงพอครับ 555

เส้นทางสายมาม่าแบบนี้ต้องลองต้องเล่นไปเรื่อยๆครับ..มันถึงจะได้รสชาติของชีวิต

SMARTPHONE ที่เน้นคุณภาพเสียง HIFI เทียบได้กับ DAP 3000-6000 บาท น่าจะประมาณนั้น 

คำนึงถึงการ MACH บุคลิกเสียง DAP + หูฟัง ถ้า จับผิดคู่ จะฟังไม่เพาะเอาได้ ประมาณว่า เสียงจืดไป ไม่ก้ จัดไป อิ่มไป แห้งไป มิติแบนไป ไม่พอดี ไม่ลงตัว

การซื้อ DAP ต้องเป็นคนที่ชอบพก ทั้ง DAP + SMARTPHONE ควบคู่กันไป ชอบฟังเพลงไม่อยู่กับที่ ทั้งนอกบ้าน ในบ้าน ชอบฟังเอาบรรยากาศ แสงสี สวยๆ เช่น ตามห้าง ร้านกาแฟ STARBUCK รวมไปถึง ชอบ UI + เสียงของมัน ด้วย และ แน่นอน UI ยอดเยี่ยม โดน SONY , AK , ATIVO เอาไปกินเรียบ

สุดท้าย การเรียนรู้ที่ดู คือ การเรียนรู้จากประสบการณ์ คือ 10 ปากว่า 10 ปากรีวิว ไม่เท่า ได้ลองฟังเอง

ต้องลองฟังครับ บวกกับ ความเหมาะสมของไลฟ์ใตล์และการใช้งาน 
ผมเอง เริ่มจากหูที่ใช่ แต่เดิม อยากได้ Dac ตั้งโต๊ะมาเสริมมากๆ แต่ทั้งเรื่องสายinput output และ ฯลฯ  ไปๆมาๆ รู้สึกยุ่งยากต่อการใช้งานมาก 

สุดท้ายจบที่  Dap ครับ ตามงบที่มี

มีครับ เข้าร้านมาฟังกับหูเองครับ เลือกได้แน่