ไม่ได้เล่น แต่มีเพื่อนนักเล่นบอกว่าต่อสายแลน เสียงดีกว่าครับ

เสียงต่างกันครับ  บางคนจริงจังใช้สายเเลนแบบรุ่น Hifi เลยก็มีครับ 

ตอนนี้ Wifi ถือว่านำส่งข้อมูลได้เร็วและดีใช้ได้แล้วครับ เล่นเน็ตหรือดูหนังผ่าน wifi ทำได้ดีและได้คุณภาพดี กลายเป็นว่าต้องไปวัดกันที่ความเสถียรของเราท์เตอร์เป็นอีกหนึ่งตัวแปร

ส่วนการฟังเพลง ถ้าไม่เน้นมากนัก การฟังผ่าน Wifi ถือว่าโอเค ยิ่งการฟังจาก Jook หรือ Youtube เป็นหลักยิ่งไม่ค่อยมีประเด็นเรื่องคุณภาพเสียงเท่าไหร่ นอกจากต้องการฟังสตรีมมิ่งด้วยความละเอียดสูงๆ อย่างเช่นไฟล์ master ของ Tidal ถ้าเน้นกันจริงๆ ใช้สายถือว่าดีกว่าครับ

ตอนนี้ผมฟังสตรีมมิ่งเป็นหลัก ต้องพยายามลากสาย Lan มาให้ได้ครับ ส่วนการจ่ายสตางค์ซื้อสาย Lan คุณภาพสูง อันนี้แล้วแต่ศรัทธา แต่ถามผม จากการใช้งานลักษณะดังกล่าว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สายที่ราคาแพงจนเกินไป เพราะเกินความจำเป็นครับ^^

ตอนซื้อสายlan อย่าลืมบอกสเป็คกับคนขายด้วยนะ ตอนนี้ก็น่าจะ cat.6 ขึ้นไปครับ

ต่างกันครับ ผมขอเป็น 1 เสียงยืนยัน 555 ประสบกับตัวเองมา ซื้อสาย Ethernet ของ Aqudioquest รุ่น Diamond มาเสียบจาก Access point เข้า NUC (ไฟล์อยู่ใน Nas) เสียงยังดีขึ้น ชัดขึ้น สงัดขึ้นเลยครับ ถ้าได้เสียบจากต้นทางเลยท่าทางจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ถ้าถามผมว่าคุ้มมั้ย ถ้ามีอย่างอื่นให้อัพเกรดก่อนหน้าเช่น RCA หรือ AC แนะนำไปทางนั้นก่อนครับ สาย Lan มันเหมือนตกแต่งหน้าเค้กครับ เหมาะสำหรับคนไม่มีอะไรเล่นแล้วครับ 555

ขออนุญาตแนะนำ จขกท นะครับ ส่วนตัวคิดว่า การฟังเพลงเป็นการฟังเพื่อผ่อนคลาย ไม่ใช่เพื่อเพ็งในการจับผิด ผมว่ามันไม่น่าต่างจนถึงขั้นหูเรารู้สึกได้ทันทีที่ฟังแน่ๆ (คงต้องมานั่งฟังจับผิดอีกทีแน่ๆเพื่อวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เสียเงินไปมันต้องดีๆ)ถ้าไฟล์เพลงดีจากแหล่งต้นทาง หากเราหลับตาแล้ววิเคราะแยกแยะได้นี่ ผมว่าหูเราคงเทพมากแล้ว ฟังเพื่อผ่อนคลายสบายกระเป๋า มีความสุขที่ฟังผมว่าเพียงพอแล้ว แต่หาก จขกท ต้องการพิสูจ ดูก็เปนอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสัมผัสเพือให้รู้ครับ ทั้งนี้ทั้งหมดก็จะอิงมาที่ system ในระบบเรา อีกที หูฟังเอย ลำโพงเอย ก็จะวกมาที่การจับผิดอีก เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ จากที่ผมเคยเปนแบบนี้มาก่อน หากเห็นต่างก็ขออภัยครับ

ปสก.ส่วนตัว ไม่มีความแตกต่างครับ

ขอบคุณในทุกๆความเห็นครับ
ทุกความเห็นมีประโยชน์หมด
ช่วยให้ลดความคันไปได้เยอะครับ

ถ้าฟังเพลงแบบ Streming ออนไลน์เลย สาย Lan กับ Wifi เสียงต่างกันแบบพอจับได้เลยครับ
แต่ถ้าหากเดินสายยุ่งยาก ไม่ต้องซีเรียสก็ได้ครับ เสพเสียงเพลงให้มีความสุขดีกว่าจ้าา 5555

ส่วนตัวถ้า Wirelees LAN เร็วพอสำหรับเพลงที่ฟังผมว่าเสียงน่าจะดีกว่านะครับ ยิ่งต่อสายโอกาสเกิด Noise มาตามสายก็เยอะขึ้น นอกจากจะทำ Network Isolation ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก (แปลงข้อมูล LAN เป็น Fibre Optic แล้วแปลงจาก Fibre Optic กลับมาเป็นข้อมูลส่งทาง LAN อีกที)

พวกสาย LAN แพงๆ จะมีตัวฉนวนกันพวก Noise คลื่นรบกวนได้ดีกว่า เลยทำให้รู้สึกว่าเสียงดีขึ้น

เท่าที่เคยลองเล่นระบบไฟมีผลกับ Noise มากที่สุดครับ พวก Power Supply แบบ switching เกิด noise ได้ง่ายมาก แล้ว noise พวกนี้ก็จะส่งต่อไปทาง USB ไปเข้า DAC อีกที รวมทั้งระบบ Ground ก็มีผลมากครับ ส่วนตัวแก้โดยใช้ source ที่ใช้ Battery (พวก DAP, Notebook, มือถือ) แล้วต่อ Digital Out ไปเข้า DAC เลยครับ

คหสต. มันเป็น digital ถ้าข้อมูลมาครบ ผมคิดว่าไม่ต่างกัน

อันนี้อยากแชร์ครับ ผมเป็นคนนึงที่ก่อนหน้าไม่เชื่อเรื่องสาย digital เลย เพราะมันคือ 0101 วันนึงไปลองนั่งเล่นสาย usb ที่ร้านลำโพงแห่งหนึ่ง ลองมันเกือบทุกรุ่นที่มีให้ลอง ก็งงทำไมแต่ละเส้นเสียงมันไม่ได้เหมือนกัน กลับมาบ้านเลยค้นข้อมูลดูพบว่าจริงๆแล้ว usb protocal ของ dac มันไม่ใช่ protocal ที่มีการเช็คข้อมูลปลายทาง แปลว่าส่งไป 0101 อาจจะแปลงเป็น 1100 ซึ่งนั่นก็เรื่องนึง สาย digital ดีๆมันอาจจะทำให้ส่งได้ถูกต้องและมันยังเป็นการใส่บุคลิคเสียงตามการออกแบบสายรุ่นนั้นๆ ยี่ห้อนั่นๆ ลงไปด้วยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ system และความชอบด้วยครับ เรื่องจริงเลยคือถ้า system เราถึง ใส่อะไรลงไปมันก็ฟังออกแบบไม่ยากและไม่ต้องเพ่งเลยครับ (ตอนนั้นผมลองกับชุดลำโพง hi-end แต่ก็คิดว่าขนาดลำโพงยังฟังออกถึงความแตกต่างได้ชัด หูฟังมันอยู่ใกล้หูกว่าจะยิ่งไม่ชัดกว่าเหรอ) ส่วนตัวคิดว่าสาย digital อาจจะอยู่ในลำดับท้ายๆ ที่จะเล่นครับ ถ้าเราพอใจกับ system ตอนนี้แล้วแต่อยากให้มันชัด สงัด นุ่ม หรือ คมขึ้น ค่อยไปเล่น digital ปิดท้ายครับ