ระบบหูฟัง

Headphone - Beyerdynamic DT 880-600 ohm Premium Stereo Headphone.-Handcraft in Germany-

DAC - JAVS X-Nano (24/192 Cirrus logic CS-4398) -made in Korea-


Amplifier – Bravo Audio V2 (Electro Harmonix 12AU7 tube) -made in China-

อัลบั้มเพลงที่ใช้เปิดฟังไปด้วยเบิร์นไปด้วยมีดังนี้ครับ
Jazz Category : Mile Davis “Kind of Blue”(16/44.1)
“Bitches Brew”(16/44.1)
John Coltrane “A Love Supreme” (16/44.1)
The Dave Brubeck Quartet “Time Out”(16/44.1)
Metropole Orkest and Snarky Puppy “Sylva” (16/44.1)
Paquito D'Rivera “Portrait of Cuba” (24/96)
Patricia Barber “Café Blue” (16/44.1)

Classic Category : Sviatoslav Richter “Rachmaninov: Piano Concerto No. 2 /
Tchaikovsky: Piano Concerto No. 1”
(24/192)
Mstislav Rostropovich “Dvorak Cello Concerto Tchaikovsky Rokoko
Variationen” (24/96)

Pop Category : Marvin Gaye “What ‘s going on” (16/44.1)
Adele “25” (16/44.1)
Benjamin Clementide “At least for now” (320 Kbs)
Coldplay “A Head Full of Dreams” (16/44.1)
OKDAL “where” (16/44.1)

World Music Category : TONE (遠音) “Tone” (24/96)

World/Pop/Jazz/Rock Category : Snarky Puppy “Family Dinner Vol2” (16/44.1)

Electronic Category : Daft Punk “Random Access Memoies” (16/44.1)
Skrillex Bangarang (song), First of the Year (song), Burial (song)

Amp ที่ใช้ขับ ผลิตในประเทศจีนแต่คุณภาพและหน้าตาไม่ขี้เหร่เลย ตัวแอมป์เป็นประเภท Hybrid คือใช้ทั้ง mosfet และหลอดสุญญากาศช่วยในการขยายสัญญาณจึงสามารถการันตีได้ว่าสามารถขับหูฟังระดับ 600 ohm ออกได้สบาย ซึ่งผมเปิดสัญญาณเสียงจากคอมพิวเตอร์ในระดับ 80/100 และหมุนตัวบิดไปที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกาเสียงที่ได้นั้นดังกระหึ่มครบถ้วน ตัววงจรเป็น class A ซึ่งมาพร้อมกับหลอดจีน 12AU7 เสียงจากหลอดจีนที่มาจากผู้ผลิตนั้นถือว่าเป็นจุดอ่อนอย่างมาก เพราะขับเสียงย่านแหลมออกมาจนเกินพอดี ย่านเบสออกมาไม่ดี จึงได้ทำการถอดเปลี่ยนเป็นหลอดของ Electro Harmonix หลังจากถอดเปลี่ยนแล้วเสียงที่ได้ออกมานั้นย่านเบสมีอิมแพคขึ้นกว่าเดิม และย่านแหลมมีความพอดี เสียงฟังแล้วกลมอุ่นขึ้นอย่างชัดเจนน่าประทับใจ แต่ข้อเสียหลักของการต่อตรงกับคอมพิวเตอร์เลยก็คือปัญหาเรื่อง noise นั่นเองครับ จึงได้แก้ปัญหาด้วยการใช้ External DAC นั่นเองครับผม
คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

DAC ผลิตในประเทศเกาหลีใช้ chip Cirrus-CS4398 ซึ่งอยู่ในระดับคลาสเดียวกันกับ Wolfson – WM8740 โดยผมทำการปรับค่า AISO Buffer Size ไปที่ 8192 samples แล้วเสียบ output ออกทางช่อง aux เพื่อไปเข้า amp อีกต่อหนึ่ง
ทำการเปรียบเทียบฟังเมื่อฟังต่อตรงจากคอมพิวเตอร์ กับต่อฟังผ่าน DAC มีความเปลี่ยนแปลงต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมากคือ เสียง noise ที่เคยมีนั้นเงียบสนิทไม่รบกวนหูอีกต่อไป ในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้นดีขึ้นเปรียบเทียบราวฟ้ากับดิน DAC ตัวนี้ทำให้บรรยากาศของเพลงที่เคยเบาบางถูกขับให้มี Dynamic ออกมาอย่างชัดเจนมาก เสียงของนักร้องมีความหนักแน่นและอิมแพคมากขึ้น และ sound stage ก็กว้างขึ้นมากกว่าเดิม ทั้งนี้ในการทดสอบฟังได้ทำการควบคุมระดับเสียงให้มีความเท่ากันทั้งสอง condition ของการฟังครับผม

ในส่วนของหูฟังอันดับแรกขอกล่าวถึงลักษณะภายนอกของหูฟังก่อนครับ หูฟัง Beyerdynamic DT 880-600 ohm เป็นหูฟัง semi open ที่มาพร้อมกับกระเป๋าหิ้วหนังเทียมทรงสี่เหลี่ยมภายในบุฟองน้ำรองรับอย่างดี รูปร่างภายนอกเรียบง่ายออกไปทางแนวอนุรักษ์นิยมที่คล้ายกับเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่สวมศีรษะมีฟองน้ำซึ่งถูกบุด้วยหนังเทียม เมื่อสวมใส่ลงบนศีรษะไม่ทำให้เกิดอาการกดทับและหนีบเส้นผม ตัวก้านปรับระดับสามารถปรับขึ้นลงได้หลายระดับ ตัวครอบหูถูกบุด้วยผ้าใยนิ่มคุณภาพสูงเมื่อครอบหูแล้วให้ความรู้สึกนิ่มสบายอย่างมาก

ต่อมาเรื่องของคุณภาพของเสียงในการฟังเพลง เนื่องจากผมไม่สามารถจำความรู้สึกตอนเริ่มฟังตั้งแต่วินาทีแรกได้เพราะผ่านมาเกิน 20 วันของการฟังไปด้วยเบิร์นไปด้วย จึงขอกล่าวถึงคุณภาพในการฟังหลังจากผ่าน 100 ชั่วโมงของการฟังไปแล้วครับ หูฟังจัดอยู่ในประเภทกึ่งเปิดทำให้เสียงที่ได้มีความโปร่งเป็นพื้นฐาน เสียงที่ฟังได้จากหูฟังมีความเป็นธรรมชาติคือคงเอกลักษณ์ของเพลงไว้โดยที่ไม่มีการแต่งเติมใดๆ อาจจะสามารถกล่าวได้ว่าเพลงเพลงนั้นถูก mastering มาอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้นโดยไม่ได้มีการแต่งเติมส่วนใดๆเพิ่มเข้าไป เจ้าหูฟังตัวนี้ถูกกล่าวถึงว่าให้เสียงแหลมเด่นอยู่บ่อยๆตามเว็บไซต์รีวิวชื่อดัง ซึ่งในส่วนความคิดของผมนั้น ปกติแล้วการ compose ดนตรีทั่วไปที่ไม่รวมพวกดนตรีแดนซ์หรือEDM เสียงเบสจะทำหน้าที่เดิน groove เป็นเหมือนแกนสันหลังให้กับเพลง เครื่องดนตรีที่มีสุ้มเสียงอยู่ในความถี่ย่านแหลมก็จะทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสรรค์ melody ให้กับเพลง ซึ่งถือเป็นหน้าที่เด่นในบทเพลงจึงเป็นธรรมชาติที่จะมีความเด่นอยู่ในตัวอยู่แล้ว ในความคิดส่วนตัวของผมจึงคิดว่าเจ้าหูฟังนี้ไม่ได้ขับเสียงแหลมออกมามากจนเกินพอดีแต่ขับได้อย่างเหมาะสมดีมาก

ยกตัวอย่างการฟังในอัลบั้ม Adele 25 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่มีการ mastering ได้ดีอย่างมากเสียงของนักร้องนำอย่าง Adele ถูกมิกซ์ให้มีความใสกังวาน เสียงสูงของ Adele ถูกหูฟังขับออกมาได้อย่างไพเราะ เสียงของดนตรีที่บรรเลงย่านเสียงแหลมถูกขับออกมาเป็นเม็ดก็มีไพเราะอย่างมากเช่นเดียวกัน
ในส่วนของเสียงเบสก็ขับได้อย่างมีความเหมาะสมอย่างพอดี ยกตัวอย่างเช่น ในเพลงที่ให้เสียงเบสที่มีอิมแพคลงลึกอย่างเพลง Lose yourself to dance ของ Daft Punk หูฟังตัวนี้ทำหน้าที่ขับเสียงเบสลงได้ลึกและมีอิมแพคอย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงเสียงเบสในเพลงแจ๊สและเพลงคลาสสิกซึ่งใช้ดับเบิ้ลเบสในการบรรเลง เสียงเบสถูกขับออกมาอย่างชัดแจ้งไพเราะไม่บวมหรือเบลอ

ความถี่ย่านกลางซึ่งทำหน้าที่เหมือนสะพานตรงกลางของบทเพลงที่เชื่อมเสียงแหลมและเสียงเบสก็ถูกขับออกมาอย่างกลมกลืนทำให้เกิดความ balance ระหว่างเสียงแหลมและเสียงเบส อย่างเช่นบทเพลงซึ่งถูกบรรเลงเมโลดี้ด้วยเปียโนและแซ็กโซโฟนอยู่ตรงกลางระหว่างระหว่างเสียงอันเกรี้ยวกราดของเสียงแฉจากกลองชุดกับเสียงเบส การบาลานซ์ทำได้อย่างไม่มีที่ติ

ในส่วนของการแยกชิ้นเครื่องดนตรีก็น่าประทับใจอย่างมากเช่นกัน ในบทเพลงคลาสสิกที่บรรเลงด้วยวงออเคสตร้าขนาดใหญ่หรือเพลงแจ๊สฟิวชั่นที่มีเครื่องดนตรีบรรเลงร่วมกันหลายชนิด เสียงของเครื่องดนตรีไม่มีการบวมเบลอทับกัน ซึ่งเสียงของเครื่องดนตรีที่ไม่มีการทับกันทำให้ผู้ฟังรับรู้ได้ถึง soundstage ที่กว้างออกรอบหู ไม่กองรวมกัน

ผมไม่เคยทดลองฟังหูฟังในคลาสเดียวกันของยี่ห้ออื่นๆ เริ่มต้นฟังก็กับหูฟังตัวนี้เลย จึงขออนุญาตสรุปโดยใช้ความคิดส่วนตัวครับ หูฟังตัวนี้ให้เสียงในระดับ perfect เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงทุกประเภทที่อยากจะฟังเสียงจากการ mastering โดยที่ไม่มีการแต่งเติมใดๆ เป็นหูฟังประเภท natural sound ที่จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอนครับ ขอบคุณสำหรับพื้นที่ในการลงเนื้อหารีวิวครับผม