"ผมชอบฟัง Flat"
"หูฟังที่ดีมันต้องให้เสียงที่เป็น Natural Tone"
"มันต้องถ่ายทอดความต้องการของศิลปินออกมาแบบที่เค้าต้องการ"
"ไม่ color ไม่เพิ่ม ไม่ลด อัดแบบไหนเล่นออกมาแบบนั้น..."

ผมเคยมีความคิดแบบนี้มาน่าจะ 10 ปีได้...

แต่พอมาสังเกตุตัวเองดีๆอย่างเป็นกลาง ไม่ว่าหูฟังหรือระบบเครื่องเสียงนั้นๆมันจะบอกว่า flat แค่ไหน natural แค่ไหน มันก็จะมีแนวเสียงที่ผม "ชอบ" กะ "ไม่ชอบ" อยู่ดีนั่นแหละ!
สุดท้ายผมก็จะเลือก flat แบบที่เสียงเบสน้ำหนักกำลังดีในแบบของผม เสียงกลางในแบบที่ไม่รุกเร้าเกินในแบบของผม เสียงสูงที่ไม่บาดหูเกินไปในแบบของผม สุดท้าย ผมก็เลือกเสียงในแบบของผม แล้วผมก็จะยังบอกตัวเองและคนอื่นว่า ผมฟัง flat อยู่ดี 

ไม่ว่ามันจะ flat แค่ไหน มันก็ flat ในแบบของผมอยู่ดี

ละสุดท้ายแล้วนิยามของ flat หรือ natural นี่มันคือตรงไหนกันแน่ ใช้อะไรเป็นเครื่องมือในการวัด ค่ามาตราฐานของมันอยู่ที่ไหน วัดค่าได้ไหม และด้วยหน่วยอะไร ?

หูฟังบางตัวผมก็ซื้อเพราะหน้าตาสวยดี บางตัวก็เพราะเสียง บางตัวก็เพราะความสะดวกสะบาย บางตัวก็เพราะมันราคาถูก บางตัวก็เสียสติซื้อมา...
แล้วแต่ละตัวมันก็ให้เสียงที่ต่างกันหมด และแต่ละเจ้าก็บอกว่าของมันดีที่สุด เสียงดีสุด ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด!

แต่ !

แต่ผมก็มีแนวเสียงที่ผมชอบมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นหูแบบไหนก็ตาม และยิ่งไปกว่านั้น แต่ละแนวเพลงที่ผมฟัง ผมก็มี sound preference เฉพาะของแต่ละแนวเพลงที่ผมชอบมากที่สุดอีก! ตัวอย่างเช่น
Daft Punk ถ้าจะฟังทั้งทีเบสต้องตึบ! ลงลึก กระชับ เก็บตัวเร็ว กลางต้องคมไม่หวาน แหลมต้องไม่บาดหูจนเกินไป 
ถ้าฟังเพลง Classic ทุกอย่างต้องออกมาเรียบ เบสบางแต่มี body ลงไปได้ลึกแบบสุดและนิ่มๆ decay เสียงยาวๆ กลางนี่ต้องบางๆแต่มีเนื้อ กว้างๆเข้าไว้ ส่วนแหลมนี่ต้องไปให้สุดเลยยิ่งสุดยิ่งดีไม่มีบาดหู
ส่วนถ้าไป Jazz เบสนี่ลงไม่ต้องสุดก็ได้แต่หัวเบสต้องมา กลางสำคัญแต่ต้องไม่ล้นจนเกินไป ส่วนแหลมไม่ต้องเยอะมากแต่ขอรายละเอียด 

ถ้าเป็นงี้ ผมจะฟังเพลงแต่ละแนวผมก็ต้องเปลี่ยนหูฟังให้เหมาะกะแต่ละแนวเพลงสิ... หูไหนมี character ตรงกับ sound preference ที่ผมตั้งไว้ก็จะถูกนำมาใช้ฟังเพลงแนวนั้นๆ...

ชิบหายหละสิ...งี้ผมก็ต้องพกหูอย่างน้อย 3 หูไปไหนด้วยดิ ละถ้าวันนั้นไม่ได้เอาหูที่เหมาะไปก็ฟังเพลงไม่เพราะอะดิ...

หลายๆท่านอาจจะงงว่าที่ผมเขียนมาด้านบนทั้งหมด 286 ตัวอักษรนี่เพื่อจะบอกอะไร...?

ที่เขียนมาทั้งหมดก็เพื่อจะบอกว่า นั่นคือเหตุผลที่ผมซื้อ PowerBank 4000mAh ตัวนี้มานี่เอง! เจ้า RHA PowerBank ตัวนี้นอกจากจะใช้ชาร์ทอุปกรณ์ของท่านหรือใช้เป็นที่ทับกระดาษได้แล้วยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีกด้วย 

มันคือ DAC/AMP ที่ปรับ Bass และ Treble ได้ถึง 12 ระดับ ตั้งแต่ -3 ถึง +9 กันเลยทีเดียว
โอ้ววววววว มันยอดปะหละ ผมเชื่อว่านี่น่าจะเป็น PowerBank รุ่นแรกในโลกที่สามารถทำแบบนี้ได้เลย ยิ่งถ้ามองไปถึงวัสดุ ขั้นตอนการผลิต รูปทรง และความสวยงามนั้น บอกได้เลยว่า สมแล้วที่ designed in UK. PowerBank ก้อนนี้มันคือ innovation ชัดๆ

ละไงวะ? ปรับเบสปรับแหลมได้ละไง? ผมก็ชอบครับกับแนวคิดที่มันออกแบบมาให้ปรับเบสปรับแหลมได้ แต่ในหัวผมก็มาละ มันจะทำได้ดีสักแค่ไหนกันวะ เสียงออกมาฟังไม่ได้ก็เท่านั้น เบสปรับได้แต่บวม ล้น แห้ง ก็จบ แหลมปรับได้แต่เสียดหู สาก ไม่สมดุลกะกลาง ก็จบ... 

Sir Issac Newton ผู้คิดค้นทฤษฎีแรงโน้มถ่วงได้กล่าวไว้ว่า "ถ้าสงสัย ก็ไปพิสูจน์"
ผมเป็นลูกสิทธิ์ท่านครับ ผมจึงต้องพิสูจน์... ว่าแล้วเราก็มาเริ่ม review กันเลยดีกว่าครับ อย่าให้มันเปนการเสียเวลาเสียตัวหนังสือเสียสายตาเสียหน้าเพจไปมากกว่านี้เลยครับ นี่ก็ล่อมาจะครึ่งวันละยังไม่ถึงไหนเลยครับ...

----
Review RHA DACAMP L1 (4000mAh)
----

Package (4/5)
เรื่องกล่องและความสวยงามนี่ไม่ขอพูดอะไรมากนะครับ เดี๋ยวนี้นาทีนี้ราคาระดับนี้เค้าก็ทำออกมา ดูดี หมดแหละครับ กระดาษที่ดูดีครับ มีหลายๆชั้นเข้าไว้ สีโทนเดียว ด้านๆแต่มีไฮไลท์เงาตัดหน่อย มีกล่องในกล่องอีกที ลูกค้าก็ปลื้มละครับ

Design (4.5/5)
อันนี้ต้องขอเล่าครับ คือ... มันงามมากอะสำหรับผม อาจจะเพราะว่าผมจบ Industial Design มาด้วยก็เลยมีความหลงไหลในการออกแบบและผลิตอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่นี่มัน work of art ชัดๆครับ! มันเป็น PowerBank ที่สวยที่สุดในโลกละครับสำหรับผม ไม่ว่าจะเป็น extrusion space grey anodized aluminium housing ที่ให้ทั้งความสวยงามความแข็งแรงรวมถึงการระบายความร้อน ขนาดและน้ำหนักที่กำลังพอดีมือเหมือนถือ PowerBank ขนาดกำลังเหมาะยังไงอย่างงั้น หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กๆอย่างปุ่มต่างๆหรือแม้แต่หัวน๊อต! ทุกอย่างได้ถูกออกแบบและคัดเลือกมาอย่างลงตัวให้เหมาะสมกับการใช้งานโดยคำนึงถึงความสวยงามในแบบที่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว
รวมๆแล้วผมชอบความรู้สึกที่มันอยู่ในมือผมมากครับ 

Sound (4.5/5)
ในที่สุดก็มาถึงเรื่องนี้... "เสียงเป็นไงวะแม่งพล่ามอยู่ได้" คงเป็นเสียงในหัวของหลายๆท่านที่อ่านมาจนถึงจุดนี้ >< ถ้าเอาประโยคเดียวสั้นๆก็คือ "ถูกใจหวะแม่งทำได้ไงวะ" 

***ยังไม่พ้น burn นะครับ เรียกได้ว่าเสียงจากแกะกล่องเลยครับ***

ผมเริ่มจากการปรับ bass/treble เป็น 0 ก่อนนะครับ หูแรกที่เสียบคือหูอินโด EliAudio Saida V1 เนื่องจากช่วงนี้ฟังตัวนี้บ่อยครับ เสียบเข้าไปปุ๊บความรู้สึกแรกคือ "เออใช้ได้หวะ" ใช้ได้ของผมคือเสียงออกครบ มีมวล มิติกะเวทีเสียงกว้างกำลังดีไม่รู้สึกเหมือนโดนบีบเสียงเข้ามาใกล้ๆหัว ฟังละโยกหัวตามเพลงได้ไม่ยากนัก... แล้วผมก็เริ่มเล่นกับปุ่มกระสันที่มีให้มาถึง 2 เม็ดครับ (+18 ใครไม่เข้าใจถามคุณสมเจตน์นะครับ) อ้อลืมบอกผมเล่นผ่าน iPad ต่อแบบ Lighting to USB เข้า L1 เลยนะครับ เล่นโดยใ้ช้ Apps Qobuz ที่ 16/44 CD quality ครับ กลับมาเข้าเรื่องต่อนะครับ ผมก็เริ่มปรับเบสครับแต่ผมล่อที่นึง 4 คลิ๊กเลยครับ "อืมๆๆ ก็เยอะขึ้นนะ" ละผมก็ดันไปสุดหลอด +9 เลย "โอ้วววววเริ่มบวมๆ" ละก็ปรับลงมาที่ 0 เหมือนเดิม ต่อไปก็ปุ่มแหลม อัดไป 4 คลิ๊ก "โอ้วพุ่งๆๆๆ" พอจัดมิดด้าม "เริ่มเสียด(หู)ละๆ" ละก็ปรับกลับมา 0 ใหม่ เอาใหม่ คราวนี้ผมปรับทีทั้งสองปุ่มเลยครับ เบส 7 แหลม 6 "โอ้วววววว นี่มัน โอ้วววววววว นี่มัน" charactor เสียงมันเปลี่ยนไปเลยครับ มันไม่ใช่แค่ บูสเบสหรือบูสแหลมครับ แต่มันยกขึ้นมาทั้ง curve เลยครับ คือตอนนั้นเห็นภาพเลยว่า EQ curve 20 bands มันถูกยกขึ้นมาแบบสวยงามมากครับ เส้นโค้งของกร๊าฟนี่แบบ นมเป็นนมตูดไปตูดอะครับ สวยงามมาก !!! พอผมเห็นดังนั้นผมเลยเปลี่ยนหูฟังครับ เอาตัวเอาใจยากมาลองครับ เอาจิงๆผมยังหาแอมที่เข้ากะหูตัวนี้ไม่ได้สักทีครับ...

มันคือ BeoPlay H6 ครับ (ตัวสีเขียวเข้มๆกลมๆด้านซ้ายครับ)
H6 เป็นหูฟังที่ขับด้วย iphone ไม่หมด เปิดเสียงสุดละบางทีก็ยังดังไม่พอ เบสเหมือนจะมีแต่บางทีก็ไม่มีเพลงที่มีก็มีเพลงที่ไม่มีก็ไม่มี ขี้ฟ้องพอสมควร ฟังเพลง classic ดีครับแต่ฟังเพลงมันส์ๆละไม่ค่อยมันส์ครับ พอเสียบเข้ารูเท่านั้นแหละ "โอ้วใช้ได้ๆ ขับได้หมดไม่ต้องเค้น" ลองปรับเบส +6 "เห้ย นี่มัน...ไอ้หูเวรนี่มันมีเบสด้วยหรอวะ มันลงไปได้ขนาดนี้เลยหรอวะ" คือ...มันไม่เหมือนกะผมติด sub woofer นะครับ แต่มันเหมือนผมเพิ่มลำโพงดอก 8นิ้ว 10 นิ้ว 12 นิ้วเข้าไปตามจำนวนคลิ๊กที่ผมเพิ่มไปตั้งแต่ +4 ถึง +9 ปรับเป็น 0 นี่เหมือนผมฟังลำโพง ดอก 4 กะ 6 นิ้วดีๆนี่เอง 
แล้วผมก็ลองปรับช่วงย่านสูงดูบ้าง "เห้ย ใช้ได้ๆ เดี๋ยวะ มันขึ้นมาทั้งยวงเลยหนิหว่า" การปรับย่านแหลมมันดึงย่านกลางขึ้นมาหน่อยนึงด้วยครับ และ overall ความดังโดยรวมก็ดังขึ้นด้วยครับ เหมือนกะมันเร่ง volume ขึ้นมาด้วยครับ การบูสแหลมของตัวนี้มันไม่ได้มาแค่ช่วงบนๆครับ เสียงด้านกลางสูงมันเปิดขึ้นด้วยครับ มันสว่างขึ้น ใสขึ้น มีมวลมากขึ้น แต่ผมปรับได้ถึง +6 นะครับ เกินกว่านี้ผมจะเริ่มรำคารละเพราะมันเริ่มบาดหูผม...

ผมลองเทสกับเพลงสามัญประจำบ้าน Hotel Califonia อัลบัม Hell Frezze Over
ท่าเทียบให้เห็นภาพง่ายๆระหว่างปรับกับไม่ปรับก็เหมือนกับ ฟังเพลงนี้ในแบบ version studio กับ version live ครับ (bass+8 / treble +6) มันเหมือนย้ายผมไป concert hall ครับ เสียงทุกอย่างมันจะสดขึ้น หนักแน่นขึ้น พุ่งขึ้น สะใจขึ้น เรียกได้ว่านอกจากนิ้วตีนจะกระดิกแล้ว ทั้งขาทั้งหัวมันก็โยกไปด้วยครับ และที่สำคัญคือผมฟังได้จบเพลงโดยไม่ต้องลดเสียงหรือปรับลดตัวบูสครับ เบสไม่ได้บวมฉึ่ง แหลมไม่ได้เฉือนหูครับ สุดยอดมากเลยครับ ผมชอบมากๆกับอารมณ์เพลงที่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

แล้วก็มาลองกับ OPPO PM-1 ครับ
ตัวนี้การปรับค่าที่ L1 มีผลต่อเสียงไม่มากเท่ากับ H6 ครับ PM-1 มันเหมาะกะ ALO CDM ที่สุดละครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามจะไม่มีผลนะครับ การเพิ่มแหลมก็ช่วยทำให้เสียงของ PM-1 เปิดขึ้นครับ เพียงแต่ความต่างมันไม่ชัดเท่า H6 เท่านั้นเองครับ

แล้วก็ไปต่อที่ BeoPlay H8 ครับ ตัวนี้เดิมๆเบสเยอะครับ เรียกได้ว่าล้นเลยแหละสำหรับผม อาจจะเพราะว่ามันเป็น on-ear ก็ได้เบสเลยรู้สึกเหมือนมันอุดอู้อยู่ในหูจนผมรู้สึกอึดอัดในบางครั้ง สุดท้ายผมต้องปรับเบสเป็น -3 ครับ ส่วนแหลมเอาขึ้นได้แค่ 4 เพราะตัวนี้พอดันขึ้นเยอะกว่านี้แหลมจะบาดหูครับ เหมือนกับกว่ากร๊าฟเสียงของหูเดิมตัวนี้มันเป็น V shape อยู่แล้วอะครับ พอดึงแหลมขึ้นมันเลยเกินครับ 

สุดท้ายก็ลองวนจนครบตามรูปที่ถ่ายไปครับ เรียกได้ว่าครบ set ครับ...

รวมความได้คือ ไม่ว่าหูอะไรก็เข้ากะ PowerBank ตัวนี้ได้ครับ
ด้วยความที่มันปรับ bass/treble ได้นั่นเอง! 

ข้อเสียอะหรอครับ? มีครับ เสียงกลางมันไม่อิ่มเท่าไรครับ ไม่ใช่ไม่มีนะครับ แต่อิ่มสู้แอมป์หลอดไม่ได้ครับ สามารถพูดได้ว่ามันถอยไป 1 step ครับ อาจจะไม่พุ่งแบบช่วงแหลมที่ตัวนี้ทำได้ดีมากครับ เวลาเล่นเครื่องมีอุ่นๆนิดๆครับ โดยเฉพาะตอนชาร์ทไฟจะอุ่นกว่าปกติครับ ปุ่มเลือก source ความรู้สึกเหมือนล๊อกตำแหน่งไม่สนิท (แต่จริงๆสนิท) interface บางอย่างยังไม่ชัดเจน เช่นการปรับ gain เป็นรูปสายฟ้า ทำให้ไฟตรงเครื่องเป็นสีแดงกระพริบ ซึ่งผมก็ยังไม่รูว่าแปลว่าไรเพราะยังไม่ได้อ่านคู่มือ แล้วในเนทก็ไม่มีบอกและไม่มีคู่มือให้โหลดด้วยครับ ง่อยมาก ส่วนสาย micro-usb ที่ให้มาก็ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไรครับ เหมือนแถมมาให้มีเฉยๆครับ

----

สรุป...
ถ้าใครไม่แคร์สื่อว่าจะฟัง flat หรือ color แต่แคร์ตัวเองว่า กูชอบหรือไม่ชอบ ก็ลองไปฟังของจริงดูครับว่าชอบหรือไม่ชอบ ชอบก็ซื้อ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อครับ
ผมชอบครับ เพราะผมไม่แคร์สื่อ ผมเชื่อหูตัวเองและรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ก็เลยจัดไปโดยปริยายครับ ^^

จบบริบูรณ์