ตะแกรงหาย ฮา..... ทำไงดี อ่านกำวิธีส่งคืนของ Shoppee ก็งงๆ อยู่

จริงๆก็ไม่น่าจะมีผลอะไร มั้งถ้าไม่ได้ขายต่อ หรือ จะยังไงดี

ดูเหมือนว่าตะแกรงหายจะเป็นเรื่องปรกติของรุ่นนี้ ส่งแมสเสจไป ผู้ขายก็ส่งกลับมาว่าจะให้ส่งตัวใหม่มาเปลี่ยน หรือ ให้ส่งเฉพาะตะแกรง

รอตะแกรง หวังว่าไม่เบี้ยว

ลอง Duet เล่นๆ แบบต้องตัดอคติออก แล้วทำใจเเบบกลางๆ ฟังหลายๆมิติ

Ostry KC09 VS KZ ZS6
3690 VS 1063 บาท
1DD VS 2DD + 2BA

Ostry KC09 ที่ราคาแพงกว่ามาก กับ KZ ZS6 ที่ราคาถูกกว่าเยอะ ทำคะแนนได้ไม่หนีกัน ราคาแพงกว่ากินไม่ลง

KZ ZS6 ที่มีไดร์เวอร์มากกว่า แถมเป็นไฮบริดด้วย กับ Ostry KC09 แบบไดร์เวอร์ตัวเดียวเเบบเดิมๆ ไดร์เวอร์มากกว่าก็เคี้ยวไดร์เวอร์ตัวเดียวแบบโบราณๆไม่ลงเหมือนกัน

อันนี้โดยภาพรวมๆ คุณภาพเสียงมีความแตกต่างกันบ้างแต่ว่ามันก็มีจุดเด่นจุดด้อย หลังจากเกลี่ยๆแล้วก็ไม่ได้ชนะกันแแบบเด่นชัด

ZS6 เป็นหูฟังที่ความต้านทานต่ำ ความใวสูง การฟังโดยโวลุ่มปรกติ เสียงจะเพี้ยนง่าย ลองลดขนาดโวลุ่ม เสียงเนียนขึ้นเยอะ

ตะแกรง สอบถามไปทางผู้ขาย ทราบว่าส่งทาไปร์ณีย์มาแล้ว รอ...... เบื้องต้นก็ถือว่าผู้ขายรับผิดชอบดีนะ ถามไปก็ตอบ และ รับผิดชอบกับความบกพร่อง ไม่ได้โยเยอะไร

จุกปราบเสียงเสียดหู ก็เดินทางมาถึง งวดนี้ลองสั่งรุ่น OS200 ซึ่งโฆษณาว่า เสียงสมดุล ลองฟังเเว๊บ เสียงกลางเเหลม เมื่อเทียบกับรุ่น OS100 ความคมชัดดร๊อบลงไปพอรู้สึกได้ ทำให้รู้สึกว่าเสียงออกเเนวไดร์เวอร์แบบ DD มากกว่า BA 
เสียงเบสก็ดูเหมือนลดความละเอียดลงไปเหมือนกัน 

ขอปรับตัวกับ OS200 ก่อน สรุปตอนนี้จะเร็วไป 

สำหรับท่านที่อยากหลีกเหลี่ยงเรื่องความคมของไดร์เวอร์ BA คิดว่า OS200 น่าจะช่วยได้เยอะ 

ตอนนี้ วอร์มมาได้ เกือบ 100 ชัวโมงแระ จะว่าไปเสียงเสียดหูไม่เจอนะ แต่แรกช่วง 10 - 50 ชั่วโมงจะ คมๆบ้าง ถ้าไม่ปรับโวลุ่มแรงจนมันเพี้ยน เบื้องต้นก็ต้องบอกว่าปรกตินะ แต่ลองๆจุกที่แถมมา เบสหายไปพอควร แหลมใสกว่า อาจเป็นสาเหตุให้รู้สึกว่าเสียงเสียดหูก็ได้

รอวอร์มสัก 200 - 300 ชั่วโมง ถ้าไม่ลืมจะมาสรุปอีกที โดยธรรมชาติของ BA จะวอร์มนานกว่า DD มาก กว่าจะเข้าที่

ผู้ขายส่งตะแกรงมาให้จริงๆด้วยแต่เสียดาย คนละรุ่น แจ้งกลับไปแล้วเขาให้ส่งคืนจะเปลี่ยนให้ใหม่

วอร์มมาตั้งไกล ไม่คืนหรอก ตะแกรงไม่มีผลกับชีวิต

ผู้ขายเค้าก็ดีนะ ชอบๆ

หลังจากล้มเหลวกับ เงาเสียง Nordost Valhalla เนื่องจากสายเเข็งเกินไป
ในที่สุดก็สำเร็จสะทีกับ Blue Heaven กับความตั้งใจที่จะเอา เงาเสียง Nordost มาทำสายหูฟัง 

(กว่าจะสำเร็จ สมหวัง โดนถล่มยับไปเหมือนกันว่า จะมาหลอกขายสาย หรือ กลัวไปทำแข่ง)

หลังจาก จุกยาง Ostry OS200 กดเสียงกลางแหลมลงไปพอควร พอเปลี่ยนจากสายเดิมๆ มาเป็น เงาเสียง Nordost Blue Heaven ซึ่งเป็นสายทองแดงเคลือบเงิน เสียงที่ดูทึมๆลงไปจาก Ostry OS200 กลับเปิดสว่างขึ้น ฟังไปแว็บเดียว จับไปวอร์มก่อน

ขนาดเงาเสียง Blue Heaven  ที่เป็นทองแดงเคลือบเงิน เสียงยังเปืดขึ้นมา ไม่น่าสงสัยเลยว่า พวกที่อัพเกรดเป็นสายเคลือบเงินราคาถูกไม่กี่ร้อย คนที่ซื้อมาจะเจออะไร ที่บ่นๆกันจนขายทิ้งกันเป็นแถว น่าจะพอคิดได้ว่า มันถูกต้องแล้ว ฮา...

จะว่าไปสายเดิมก็เสียงดีนะ แค่จับๆมันเหนียวๆ ยังไงพิกล กับ มีเสียง Mictorphonic เข้ามาในสาย

หลังจากล้มเหลวกับ เงาเสียง Nordost Valhalla เนื่องจากสายเเข็งเกินไป
ในที่สุดก็สำเร็จสะทีกับ Blue Heaven กับความตั้งใจที่จะเอา เงาเสียง Nordost มาทำสายหูฟัง 

(กว่าจะสำเร็จ สมหวัง โดนถล่มยับไปเหมือนกันว่า จะมาหลอกขายสาย หรือ กลัวไปทำแข่ง)

หลังจาก จุกยาง Ostry OS200 กดเสียงกลางแหลมลงไปพอควร พอเปลี่ยนจากสายเดิมๆ มาเป็น เงาเสียง Nordost Blue Heaven ซึ่งเป็นสายทองแดงเคลือบเงิน เสียงที่ดูทึมๆลงไปจาก Ostry OS200 กลับเปิดสว่างขึ้น ฟังไปแว็บเดียว จับไปวอร์มก่อน

ขนาดเงาเสียง Blue Heaven  ที่เป็นทองแดงเคลือบเงิน เสียงยังเปืดขึ้นมา ไม่น่าสงสัยเลยว่า พวกที่อัพเกรดเป็นสายเคลือบเงินราคาถูกไม่กี่ร้อย คนที่ซื้อมาจะเจออะไร ที่บ่นๆกันจนขายทิ้งกันเป็นแถว น่าจะพอคิดได้ว่า มันถูกต้องแล้ว ฮา...

จะว่าไปสายเดิมก็เสียงดีนะ แค่จับๆมันเหนียวๆ ยังไงพิกล กับ มีเสียง Mictorphonic เข้ามาในสาย

ตอนนี้วอร์มมาได้ 200 ชั่วโมงแล้ว เหมือนว่าเบสจะบางลง กลางแหลมเนียนขึ้น แต่รวมๆเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก

Ostry OS 100 จะให้เสียงเคลียร์ คมชัดมากกว่า สำหรับคนที่ใวต่อเสียงกลางเเหลม อาจมีความรู้สึกว่าคมๆบ้าง รวมๆทุกย่านความถี่เหมือนจะยังเยอะไปนิด

Ostry OS 200 เสียงจะ Roll Off ทุกย่านความถี่ แต่ฟังสบายขึ้น แต่จะสูญเสียเคลียร์และความคมชัดของเสียงไป เสียงเสียดแทงจะไม่มี รวมๆทุกย่านความถี่ ดูเหมือนจะน้อยไปนิด

จุกที่แถมมา เสียงเบสบาง กลางเเหลมสดใส

ลองงัดจุกแถมของ KC09 Havi Nagamichi Sony มาลองเสียงก็เปลี่ยนแปลงไป จุกที่นุ่มๆ ซีลรอบหูแน่นๆเบสตรึม กลาวแหลมต้องไปลุ้นเอา สงสัยเข้าทำนอง รักพี่เสียดายน้อง 

จุกของ Ostry จะมีท่อจูนเสียงซ่อนอยู่ข้างใน ดันออกมาเอาไปใส่ในจุกรุ่นอื่นได้ ตอนนี้เอามาใส่ในจุก Sony 
จุก Sony เบสล้นๆ แต่มันนุ่มๆ ไม่หนักแน่น

ปัจฉิมบท KZ ZS6

โดยทั่วไปสำหรับหูฟังที่

- บอดี้เป็นโลหะ ไม่ใช่ เรซิ่น
- 4 ไดร์เวอร์
- 2 ไดนามิค ไดร์เวอร์ + 2  บาลานซ์ อเมเจอร์

ท่านคิดว่า มันควรมีค่าตัวสักเท่าไหร่ดี อย่างน้อยๆก็ไม่น่าต่ำกว่า 4 พัน แต่ถ้าเราได้รับส่วนลดหาซื้อได้ในราคาประมาน 1 พัน ส่วนลดเกือบ 3 พันเราควรเอาไปทำอะไรดี (คาดว่าส่วนใหญ๋เอาไปเปลี่ยนสายอัพเกรด ในราคา 300 บาท)

ตรงนี้มันก็น่าแปลกที่ว่า นอกจาก KZ ZS5 กับ ZS6 แล้ว ยังไม่เห็นมีใครอัพเกรดสายหูฟังในราคาหลัก 100 น่าสงสารทั้ง 2 รุ่นนี้จัง

จริงๆมันก็เกือบๆจะตกรุ่นไปแล้ว ราคาก็ไม่เเพง ลองสอยมาฟังสะหน่อย โดนภาพรวมเห็นว่า เบสแน่น กลางแหลมรายละเอียดดี แถมเป็นหูฟังในราคาแค่พัน ที่มีมิติด้านลึก รวมถึงอยากรู้ว่าที่บ่นกันว่า เบสไม่มี กลางแหลมเสียดหู มันยังไงกัน

ตอนนี้ผ่านการวอร์มอัพมาได้ 300 ชั่วโมง น่าจะเพียงพอแล้ว โปรแกรมที่ใช้วอร์ม IsoTek - Rejuvenation 

ช่วง 0 - 100 ชั่วโมง    ผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่มันส์สุด เบสมาเป็นลูกๆ กลางแหลมสดใส แต่จะหยาบๆ คมๆหน่อย แต่ข้อเสียคือถ้าเปิดดัง เพี้ยนง่าย แทงหูแน่นอน 

สายเดิม ผมว่าเสียงดีสุดแล้ว เบสแน่น กลางแหลมไม่คมมาก สายเคลือบเงิน แนวๆสายอัพเกรด เบสบางลงพอควร กลางแหลม วัดดวงเอา
จุกเดิมๆที่เเถมมา เบสบางลงพอควร

แต่ที่เห็นๆ ขายทิ้งกันช่วงนี้แระ 

ช่วง 100 - 200 ชั่วโมง   ในแง่เสียงไม่มีออะไรแตกต่าง เหมือนเดิม แต่ช่วง 150 ชั่วโมงขึ้นไปจะเริ่มรู้สึกว่า เบสนุ่มขึ้น กลางเเหลมเริ่มเนียนขึ้น แต่ก็ยังหยาบอยู่ เกิน 100 ชั่วโมงกลางเเหลมเริ่มไม่โหดแต่ก็ยังดีขึ้นไม่มาก เปิดดังก็ยังเพี้ยนแทงหูอยู่บ้าง

เรื่ิองเสียงเสียดหู นอกจากมาจาก จุกหูฟังแล้ว การเปิดดังในระดับปรกติ พวกกำลังขับสูงๆ โอกาศเพี้ยนง่าย ลองลดโวลุ่มดู จะพบว่าเสียงเนียนน่าฟังทีเดียว

ช่วง 200 - 300 ชั่วโมง ช่วงประมาน 250 ชั่วโมง ถึงแม้เสียงจะไม่เปลี่ยน แต่เริ่มรู้สึกว่าเบสบางลง จริงๆมันก็คือ มันนุ่มขึ้นเยอะ และ มีบอดี้ ไม่แข็งๆเหมือนตอนแแรกๆ อันนี้แระจะรู้สึกว่าเบสหาย ยิ่งใครใช้สายเคลือบเงิน ต้องบอกว่าบางไปเยอะมาก กลางแหลม พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่คมหยาบเหมือนตอนแรก ดูมีราคา และ คุณภาพขึ้นมาก เปิดดังก็ไม่ค่อยเพี้ยนแล้ว แต่ก็นะ คนส่วนใหญ่อยู่กันไม่ถึงตอนเสียงดี

ในราคา 1000 นิดๆ ข้อได้เปรียบของการที่มีไดร์เวอร์เยอะ นั่นคือ 

เพลงที่มีความซับซ้อนของดนตรีเยอะๆ ไม่มั่ว ช่องไฟและความชัดเจนแยกเยอะได้เด่นชัด ไดนามิคไดร์เวอร์ 2 ตัว ทำให้เบสลึกและชัดเจน (เสียอย่างเดียวนุ่มไหปหน่อย ชาวขาโหดจะไม่ค่อยชอบ) ดนตรีแต่ละชิ้นแยกเยะต่ำแหน่งฟังออกได้ไม่ยาก แถมด้วยมีความเป็น 3D ไม่แบนๆเป็นระนาบ รายละเอียดขุดขึ้นมาเกือบหมด

อย่าง Ostry KC09 ที่ราคาเเพงหว่าหลายเท่า ก็กินไม่ลง แต่ก็นะ คุณภาพเสียงที่ได้อยู่ในระดับปานกลางถึงดี คุณภาพอาจไม่เทียบเท่าแบรนด์ดังๆ ที่เกิน 6 พันขึ้น แต่เมื่อเทียบกับเเบรนด์จีนด้วยกันที่ราคาแพงกว่า หรือ แบรนด์ที่ราคาไม่สูงแต่แพงกว่า ก็ต้องบอกว่า ราคา 1000 บาทก็ทำแบบราคาที่สูงกว่าได้ แถมได้ 4 ไดร์เวอร์ บอดี้โลหะ ซึ่งจ่ายแพงกว่ายังไม่ได้เลย ฮา>>>> แต่ก็นะกว่าจะเสียงดี ก็ต้อง 250 ชั่วโมงขึ้น

ความชอบส่วนตัวอันนั้นก็เรื่องหนึง แต่ความคุ้มค่าเงินต้องบอกว่า จ่ายต่ำกว่า 1000 ก็เพิ่มอีกนิดเดียวก็ได้ของดีกว่า จ่ายเกิน 2 พัน ก็ไม่แน่ว่าจะเหนือกว่า

จบแระ

ชอบใจการเล่าสู่กันฟังครับ ขอบคุณ