เพราะเรื่องพกพานี่แหละครับ เหมือนกับรถกระบะลุยได้ดีกว่ารถเก๋ง แต่ทำไมรถเก๋งแพงๆ ยังขายได้

ไม่นับเรื่องพกพา เท่าที่พอจะนึกออกก็

1. In Ear ให้โฟกัสและแจงรายละเอียดได้นิ่งกว่า ส่วน Full Size จะได้เรื่องขนาดของมวลเสียงและเวทีเสียง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แทนกันไม่ได้
2. In Ear เบากว่ามาก Full Size สำหรับบางคนมันปวดคอเลยล่ะ
3. In Ear + DAP ก็จบได้ แต่ Full Size อาจต้องเพิ่มแอมป์ ต่อให้ขับง่ายก็ตาม เท่าที่ผมเคยลอง Full Size ต่อแอมป์แล้วเสียงเปลี่ยนมากกว่า In Ear เยอะเลย
4. In Ear ตัวเลือกเยอะมากกว่า Full Size เลยทำให้โอกาสที่จะเจอเนื้อคู่จะอยู่ในกลุ่ม In Ear มากกว่า

ส่วนตัวผมเปลี่ยนจาก In Ear มาเป็น Full Size เพราะต้องการมวลเสียงที่ใหญ่ขึ้น ซึ่ง In Ear ในงบที่เล่นไหวให้ไม่ได้เลย
แต่หลายๆความรู้สึกที่ได้จาก In Ear ก็หาจาก Full Size ไม่ได้เช่นกัน

จุดแข็งเลยก็คือเรื่องการพกพานี่แหละครับ 

เคยจอดแมงกะไซติดไฟแดงอยู่เพลินๆ สามล้อเครื่องคันหนึ่งวิ่งมาจอดเทียบข้างแล้วตะโกนถามราคารถ
ผมตอบไปตามจริง ลุงคนนั้นถามมาอีกครั้งอย่างรู้สึกผิดหวังว่า " ราคาขนาดนี้ทำไมไม่ซื้อปิคอัพขับล่ะ !? "
ผมนึกคำตอบให้ลุงแกไม่ได้ ก็เลยได้แต่อมยิ้มอยู่ในหมวกกันน็อคครับ ^ ^

ผมว่าเรื่องพกพามันเกี่ยวมากเลยล่ะครับ ถ้าจะหาเหตุผลอื่น ก็น่าจะเป็น เรื่อง การซีลเสียง และโฟกัสครับ เพราะท่อมันยิงตรงเข้ารูหูเลย ผมกลับชอบอิมเมจที่ได้รับจาก in ear มากกว่า fullsize อีกครับ รู้สึกใกล้ชิดกับดนตรีกว่า อันนี้ คหสต นะครับ

นอกจากพกพาง่าย กะทัดรัด ขับง่าย ไม่หนักหู ไม่ร้อนหู ไม่บีบหู 

แพงแค่ไหนก็ซื้อถ้ามันได้ใช้งาน สุดท้าย หูฟังที่แพงจริงๆคือหูฟังที่ซื้อมาแล้วใช้น้อยครับ

ที่ยอมซื้อ inear แพงๆ เพราะมันให้คุณภาพเสียง ในแบบที่หูฟัง ตัวใหญ่ๆให้ได้  โดยที่เราสามารถพกพาไปฟังตรงไหนได้ง่ายกว่า การแบก LCD+ woo wa8 ไปฟังครับ

ถ้าจะไม่เอาเรื่องพกพามาเกี่ยว  มันก็คงไม่ได้  เพราะหูฟังฟังสองสองประเภทนี้  ถูกแบ่งลักษณะการใช้งาน อย่างชัดเจนแล้วครับ

ก็เพราะเรื่องพกพานี่แหละครับ
หูฟูลไซส์ถึงจะเสียงดีมากแค่ไหน ถ้าให้ผมพกออกนอกบ้านผมขอบายครับ

ก็อารมย์เดียวกับ Smart Phone และ Tablet นั่นแหละครับ

Tablet เหนือกว่า Smart Phone ทุกด้าน จอใหญ่ใช้งานสะดวก แบตอึด โทรได้เหมือนกัน(ถ้าไม่นับiPad/Surfaceนะ) มีอยู่ช่วงนึงแห่กันออกมาประโคมขายมันทุกยี่ห้อ สุดท้ายตลาดTablet เดี๋ยวนี้เงียบเป็นป่าช้า ชาตินึงออกรุ่นใหม่ทีนึง แทบไม่ต่างกับหูฟังFullSize เลยครับ

เหมือนเคยได้ยินทาง Sennheiser บอกว่าหูฟังที่เสียงดีที่สุดในราคาเท่าๆ กันคือ In-ear นะครับ แต่พยายามหาว่าอ่านมาจากไหน จะได้แปะเป็น reference ให้แต่หาไม่เจอครับ (แต่อันนี้ก็เป็นแค่ความคิดเห็นของทาง Sennheiser นะครับ)

เหมือนถามคนที่ซื้อรถสปอร์ตขับว่าทำไมไม่ซื้อรถตู้ล่ะ 555

เอาจริง ๆ หูฟังก็เป็นสินค้าแฟชั่นอย่างหนึ่งนะครับ นอกจากเรื่องเสียงแล้ว เรื่องดีไซน์ รูปทรง เทคโนโลยี หรือยี่ห้อ ก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ใช้งานเหมือนกัน บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของความสุขทางใจล้วน ๆ ไม่งั้นหูฟังแฟชั่นอย่าง beats หรือ skullcandy ที่นักเล่นหูฟังหลายคนถ่มถุยคงขายไม่ได้แน่ ๆ

แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง รถสปอร์ตยังไงสมรรถนะก็ดีกว่ารถตู้อยู่แล้ว หูฟังอินเอียร์ราคาเหยียบแสนยังไงก็ต้องมีคุณสมบัติหรือเทคโนโลยีเหนือกว่าฟูลไซส์ราคาหมื่นต้น ๆ เช่นกัน เพียงแต่ทั้งรถสปอร์ต/รถตู้ และอินเอียร์/ฟูลไซส์ มันมีคาแรคเตอร์ต่างกัน วัตถุประสงค์การใช้งานก็ต่างกัน ปกติเลยไม่ค่อยมีใครยกมาเปรียบเทียบกันครับ

อีกอย่างมันไม่ต้องใช้ระบบเยอะเท่า fullsize ด้วยมั้งครับ

สนับสนุนความเห็น11 ครับ
ทีแรกว่าจะไม่พิมพ์แต่ก็อดไม่ได้ ^ ^ คือ ถ้ามองในเชิงปริมาณ ฟูลไซส์ในงบพอๆกัน(แต่จุดstart มันต่างกันนะครับ ฟูลไซส์น่าจะเริ่มที่สักสี่พัน) มีหลายอย่างให้ได้มากกว่าอินเอียร์  แต่เมื่อถึงราคาระดับหนึ่ง ฟูลไซส์จะมีศักยภาพสูงพอสมควร...สูงขนาดที่ต้องการชุดที่ใหญ่พอจะให้มันแสดงคุณภาพออกมาได้ ไม่งั้น แม้เทียบกับฟูลไซส์ด้วยกันแต่รุ่นรองลงมา มันอาจแค่ ต่าง  แต่ยังไม่ให้ความรู้สึก "เหนือ" ได้ชัดเจน

จนถ้าได้ต่อฟังกับชุด(ส่วนใหญ่ตั้งโต๊ะ)ที่คุณภาพสูงพอ คราวนี้จะเห็นได้ง่ายว่า รุ่นใหญ่ ทำไมต้องจ่ายแพงกว่า
ตัวอย่างง่ายๆ แม้แต่พวกที่ถือว่าขับไม่ยากนักอย่าง Grado  พวก RS1,MS Pro  เทียบกับตัวที่รองลงมาหน่อยอย่าง PS500  ฟังชุดพกพา กับต่อชุดตั้งโต๊ะนี่ ผลลัพธ์ต่างกันมากนะครับ เวลาฟังชุัดเล็ก  RS1 อาจเหนือกว่า PS500 ไม่มาก(ไม่ใช่ความต่างในแง่คาแรกเตอร์ แต่หมายถึงคุณภาพ น้ำเสียง ความเป็นตัวตนของชิ้นดนตรี ช่องว่างระหว่างชิ้น ฯลฯ) แต่ด้วยชุดระดับสูงหน่อย...ถือว่าคนละระดับได้ครับ ก็ตามราคา

ทีนี้ ด้วย"ชุดที่มีคุณภาพสูง" เวลาเอาเข้าจริง มันมากกว่าที่คิดเยอะครับ คนโดนมาแล้วหรือเล่นคงเข้าใจดี  ทั้งสายต่อ สายไฟ ปลั๊กไฟ แล้วลามไประบบไฟ....เป็นการแสวงหาความสุขที่เจือปนด้วยความทุกข์ไม่ใช่น้อย ^ ^

ในขณะที่อินเอียร์นี่ยังจบการจัดชุดง่ายกว่ามากครับ  ไม่ใช่ด้วยงบประมาณที่น้อยกว่า เพราะชุดพกพาที่ใช้กับอินเอียร์ที่เห็น ที่ได้อ่านการทดสอบ มันก็อาจไม่ได้จ่ายน้อยกว่าชุดใหญ่ฟูลไซส์  แต่ มันจบง่าย และพกพาได้ครับ

ประเด็นหนึ่งคือ คนที่มีปัญญาจัดชุดใหญ่ อาจมีเวลาในชีวิตประจำวัน ไม่ค่อยพอกับการมานั่งชื่นชม"ชุดใหญ่"ที่จัดไว้
ในขณะที่ชุดอินเอียร์(แพงไม่แพงไม่รู้ละ) สามารถเอาไปนั่งชื่นชม ฟังเพลง หรือแม้เพียงลูบคลำให้อุ่นใจได้...แม้ที่โต๊ะทำงาน 555 T^T (ผมว่ามีแน่  นั่งทำงานหลังเลิกงานแล้วนั่งจับ นั่งลูบคลำชุดพกพาไฮเอนด์ แล้วก็คร่ำเคร่งกับการทำงานไปด้วย)

เป็นเรื่องของความสะดวกสบาย
ประสิทธิภาพกับราคา ดูเหมาะสม
เข้าถึงได้ง่ายกว่า 

(ขอถามถึงในแง่เสียงอย่างเดียวนะครับ เรื่องพกพาขอไม่นับเกี่ยวกับเรื่องนี้)

ตอบคำถามนี้ง่ายมากครับ เพราะมีคนชอบเสียงที่ได้รับจาก inear ไงครับ เลยขายได้เพราะมีคนซื้อ

เรื่องความชอบมันเป็นสไตล์ของแต่ละคน เสียงของ FS ที่ดีกว่าอาจจะไม่ได้เป็นที่ต้องการสำหรับคนบางคนก็ได้ ต่อให้เสียงอาจจะสู้ไม่ได้ดีไม่เท่าในแง่ของคุณภาพ แต่มันถูกจริตของผู้ซื้อ ตลาดมันเลยยังมีช่องทางอยุ่ครับ แพงแค่ไหนถ้าถูกใจก็จับจ่ายได้

1. เบากว่ามากๆ
2. ไม่ร้อนหู
3. ดูแลง่ายกว่า เช่นเดินๆอยู่ฝนเริ่มตก ดึงถุงซิบล็อกจากเป๋าตังเอาหูฟังใส่ถุงแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นฝนเชิญเทลงมาเลย พร้อมแล้ว
4. ใส่หูเดียวได้ สำคัญมากเวลาเดินถนน/นั่งทำงาน ผมจะใส่หูฟังแค่ข้างเดียวเพื่อความปลอดภัยต่อตัวเองและหน้าที่การงาน 555
5. เรื่องพกพาครับ ผมว่าน่าจะมีหลายๆคนเหมือนผมนะ ชอบพกหูฟังไปข้างนอก2-3ตัว ซึ่งถ้าจะทำแบบนั้นกะหูฟังFullsize คงต้องแบกเป้ไปทำงานทุกวัน

สะดวก และ สบาย ผิดกัน

วัตถุประสงค์ในการใช้งานต่างกัน ... แม้ว่าจะใช้ฟังเพลงเหมือนกันก็ตาม

คุณภาพเสียงไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการเลือกซื้อหูฟัง

ยังไม่เคยฟัง full size จริงๆ จังๆ แลวก็ยังไม่คิดจะมีในครอบครองด้วย เหตุผลก็คือถึงแม้จะเสียงดีกว่า in Ear แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ของตัวเองเรื่องความสะดวกในการพกพาครับ

ผมใช้ inear ในบ้านและนอกบ้านนะครับ  fz ใส่แล้วไม่ถนัดสักทีไม่ว่าจะแบบ เปิดหรือปิด

ผมใช้ทั้ง 2 อย่าง

In Ear ไม่ว่าแพงแค่ไหน เสียงก็สู้ Full Size ไม่ได้ โดยเฉพาะด้านความใหญ่ของอิมเมจชิ้นดนตรี มวลเบส และภาพรวม ผมฟังมากี่ตัวๆก็สู้ Full Size ไม่ได้จริงๆ

แต่ In Ear ก็ชนะตรงที่ เราต้องการใช้งานแบบ "พกพา" และ "เก็บเสียง" นี่แหละครับ  รวมถึงรายละเอียด ซึ่งมักจะทำได้ดี

ขายได้เพราะ มันตอบโจทย์ด้านการใช้งานแหละครับ

ต่างคนต่างไป
ส่วนผมราคาเดียวกันfull size กิน custom ไม่ลง (ต่างจากคนอื่น)
(เสียงมันเยอะไปอีก)พกก็ไม่ได้ ดีเทลสู่ custom ไม่ได้ อิมเพค fullsize ฟังดูแปลก
หรือฟัง inear มาตลอดก็ไม่รู้

+1 ครับ ผมเองเริ่ม จาก Momentum over ear แล้วพกลำบาก เลยอยากได้ in ear เลยไปโดน layla ii โดยตอนนั้นฟังแล้วขนลุก เสียงไม่ต้องพูดถึงนะครับ อาจารย์ Ahura บรรยายซะ เคลิ้ม ในรีวิวแก แล้วก็ตามสูตร คือ ak380 + Freyja 8  ถึงตอนนี้ จบเลย คิดว่าไม่น่า มีอะไรให้ไปต่อแล้ว ใช้ได้ทั้งพกพา ทั้งฟังที่บ้าน แต่เอาจริง ๆ ไม่กล้าพกไปไหน มันทั้งหนักทั้ง กลัวหาย แต่คิดว่าเสียงชุดเราจบแล้ว แต่แล้ววันนึง ไปอ่านเจอว่าด้วยเงินที่เท่ากัน Full size น่าจะให้เสียงที่ดีกว่า เลยไปลอง ครับ ตอนแรก กะ เอาแค่ LCD 2 หรือ X มาต่อ AK แต่ตอนได้ลอง รู้สึกไม่ชอบ ครับ คิดว่า Layla ทำได้ดีกว่า จนได้พบกับ 800s ถึงกับอึ้ง กับมิติ ที่ 800s ถ่ายทอดออกมา จนยอมมอบตัวครับ และเหมือนที่คุณเหน่งบาบอกเลยครับ คุณภาพเสียงมันยกระดับตามชุดที่เรา จัดให้กับมันครับ จนทุกวันนี้ แทบไม่ได้ฟัง Layla เลย เอาไว้ฟังเวลาไปข้างนอกอย่างเดียวเลยครับ เพราะอยู่นอกบ้านเราก็อยากฟังชุดที่ให้คุณภาพใกล้เคียงกับชุด fullsize ซึ่ง Layla ii ทำได้ดีกว่า fullsize หลายๆตัวนะครับ เพราะ จริงๆ ถ้าผมไม่เจอมิติ ของ 800s คงไม่มอบตัวครับ แต่เหมือนคุณแชมป์ครับ ตอนนี้ส่วนตัวชอบ full size มากกว่า 

ถ้าไม่ได้คิดจะมีหูฟังอันเดียว และไม่ได้รวยจัดแบบซื้อเป็นว่าเล่น เวลาซื้อหูฟังผมจะเลือกให้เหมาะกับการใช้งานครับ นั่นคือไม่ใช่แค่เสียงดี แต่ต้องดูการสวมใส่ การกำจัดเสียงรอบข้าง (เปิด/ปิด/nc)  ความไว ด้วยครับ

เพราะ Full size มันหนัก
ใส่ฟังข้างเดียวไม่ได้
โยกหัว เต้น ตีลังกา แล้วหลุด

Full size บางตัวต้องใช้ AMP แรงมากจึงจะขับได้ ซึ่ง IEM น้อยมากที่จะทำหูฟังแบบนั้นออกมา

In-ear แพงๆยังขายได้ ก็เพราะยังมีคนซื้อครับ ตอนแรกก็คิดคล้ายๆ จขกท. ว่า fullsize เสียงดีกว่า in ear ในราคาที่สูงกว่า ก็มีส่วนถูกอยู่ แต่ต้องดูเป็นรุ่นๆไป เช่นตระกูล hd6xx ก็ว่าเสียงดีรายละเอียดมากละ พอมาฟัง isine20 (ต่อกับตั้งโต๊ะทั้งคู่) ก็ให้รายละเอียดและเสียงขึ้นไปอีกขั้น มันแล้วแต่รุ่นจริงๆ ที่ต่างชัดเจนคือ inear พกพาง่ายกว่ามากครับ

ใส่ Full Size แล้วหนักหัว+ร้อนหูครับ ส่วนตัวหูฟังให้เสียงดีขนาดไหน แต่ใส่ไม่สบายจะกลายเป็นหูฟังราคาแพงครับ

ช่วงนี้ กระแส custom มาแรงด้วย อะไรๆก็ต้องถอดสายได้ อัพเกรดสายได้