สเกลทั้งสองอันต่างกันยังไงครับ เช่น A major E minor พวกนี้ เท่าที่ทราบ ต่างแค่การจัดเรียงตัวโน๊ต โดยไล่เอาตัวแรกของสเกล major มาไว้ตัวที่ 3 ของสเกล minor ใช้ไหมครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ^^
เอ่อ ตัวอย่างเช่นอันข้างบนอ่ะครับ วงนอกจะเป็น ทาง major วงในจะเป็นทาง minor ดูวนขวา ติดsharp ดูวนซ้ายติด flat ครับ
เอ่อ ตัวอย่างเช่นอันข้างบนอ่ะครับ วงนอกจะเป็น ทาง major วงในจะเป็นทาง minor ดูวนขวา ติดsharp ดูวนซ้ายติด flat ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 3
kapkonak
07/01/2018 13:59:53
30
Scale A Major จะมีสามชาร์ปนะครับ คือมี F# C# G# ครับ เพราะฉะนั้นในสเกลจะมีโน้ตA B C# D E F# G# นะครับ
Scale E minor นั้นจะมี Keysignature เหมือนG major ครับโดยมี F# แต่ ในเสกลชนิด minor จะมีสามแบบครับ คือ 1. Natural minor 2. Harmonic minor 3. Melodic minorครับ
โดยแต่ละเสกลจะมีความแตกต่างกันดังนี้นะครับ
1. E Natural minor จะคล้ายเมเจอร์ของมันเองครับ(ในกรณีนี้คือG Major) จึงมีสมาชิก E F# G A B C D E 2. E harmonic minor จะคล้าย natural minorครับ แต่ตัวที่เจ็ดของเสกล(leading - tone) จะถูกปรับให้สูงขึ้นกว่าเดิมครึ่งเสียง ในเสกลนี้จึงมี E F# G A B C D# E 3. E Melodic minor คือเอาHarmonic minorมาปรับโน้ตตัวที่หก (Submediant) ให้สูงขึ้นอีกครึ่งเสียงเนื่องจากผมกระทบของharmonic minor ทำให้ระยะห่างจาก โน้ตตัวที่หกกับเจ็ดห่างกันหนึ่งเสียงครึ่งทำให้เสกลเกิด ขั้นคู่ที่เรียกว่า Augmented 3rd ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงเวลาใส่เสียงประสาน เพราะฉะนั้นจึงมี E F# G A B C# D# E แต่ในขาลงนั้นจะตั้งเปลี่ยนเพราะเจื่องจากในขาขึ้นนี้จะมีความคล้าย Parallel Majorของมันเองซึ่งคือ E Major มันต่างกันแค่โน้ตตัวที่ สาม (ในE minorเป็น G แต่E Majorเป็น G# ) นอกนั้นสมาชิกในเสกลนั้นจะเหมือนกันเป๊ะ เพราะจะนั้นในขาลงนั้นจำเป็นต้องปรับโน้ตตัวที่หกและเจ็ด( Submediantและleadingtone) ที่เคยปรั้บขึ้นมานั้นให้ลงคืนไปครึ่งเสียงให้เหมือนใน E Natural minor ครับ ขาลงจึงมาสมาชิก E D Natural C Natural B A G F# E นะครับ สรุปในE melodic minor จะมี ขาขึ้น E F#G A B C# D# E ขาลง E D Natural C Natural B A G F# E ครับ ปล.ในเพลงคลาสสิค ในคีย์ไมเนอร์นั้น จะใช้ Harmonic minor ในการใส่เสียงประสาน ยกเว้นใช้Melodic Minorในการแต่งเติมสีสันเป็นครั้งคราวครับ
Scale A Major จะมีสามชาร์ปนะครับ คือมี F# C# G# ครับ เพราะฉะนั้นในสเกลจะมีโน้ตA B C# D E F# G# นะครับ
Scale E minor นั้นจะมี Keysignature เหมือนG major ครับโดยมี F# แต่ ในเสกลชนิด minor จะมีสามแบบครับ คือ 1. Natural minor 2. Harmonic minor 3. Melodic minorครับ
โดยแต่ละเสกลจะมีความแตกต่างกันดังนี้นะครับ
1. E Natural minor จะคล้ายเมเจอร์ของมันเองครับ(ในกรณีนี้คือG Major) จึงมีสมาชิก E F# G A B C D E 2. E harmonic minor จะคล้าย natural minorครับ แต่ตัวที่เจ็ดของเสกล(leading - tone) จะถูกปรับให้สูงขึ้นกว่าเดิมครึ่งเสียง ในเสกลนี้จึงมี E F# G A B C D# E 3. E Melodic minor คือเอาHarmonic minorมาปรับโน้ตตัวที่หก (Submediant) ให้สูงขึ้นอีกครึ่งเสียงเนื่องจากผมกระทบของharmonic minor ทำให้ระยะห่างจาก โน้ตตัวที่หกกับเจ็ดห่างกันหนึ่งเสียงครึ่งทำให้เสกลเกิด ขั้นคู่ที่เรียกว่า Augmented 3rd ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงเวลาใส่เสียงประสาน เพราะฉะนั้นจึงมี E F# G A B C# D# E แต่ในขาลงนั้นจะตั้งเปลี่ยนเพราะเจื่องจากในขาขึ้นนี้จะมีความคล้าย Parallel Majorของมันเองซึ่งคือ E Major มันต่างกันแค่โน้ตตัวที่ สาม (ในE minorเป็น G แต่E Majorเป็น G# ) นอกนั้นสมาชิกในเสกลนั้นจะเหมือนกันเป๊ะ เพราะจะนั้นในขาลงนั้นจำเป็นต้องปรับโน้ตตัวที่หกและเจ็ด( Submediantและleadingtone) ที่เคยปรั้บขึ้นมานั้นให้ลงคืนไปครึ่งเสียงให้เหมือนใน E Natural minor ครับ ขาลงจึงมาสมาชิก E D Natural C Natural B A G F# E นะครับ สรุปในE melodic minor จะมี ขาขึ้น E F#G A B C# D# E ขาลง E D Natural C Natural B A G F# E ครับ ปล.ในเพลงคลาสสิค ในคีย์ไมเนอร์นั้น จะใช้ Harmonic minor ในการใส่เสียงประสาน ยกเว้นใช้Melodic Minorในการแต่งเติมสีสันเป็นครั้งคราวครับ
ส่วนวิธีการหา Minor Scaleนะครับให้เอาMajor มาก่อนเช่น A Major แล้วให้หาโน้ตตัวที่หก ซึ่งจะได้F# เพราะฉะนั้น F# minorกับ A Major จะมีKey Signatureคล้ายกันครับ ส่วนถ้าเรารู้ minor จะหาว่าติดKaysignatureจะไร ให้นับไมเนอร์นั้นสูงขึ้นไป ขั้นคู่ minor3rd หรือสามครึ่งเสียง เช่น E minor นับขึ้นไปสามครึ่งเสียงจะได้ 1. E-F 2. F-F# 3. F#-G เพราะฉะนั้น E minorจึงมี Keysignatureคล้าย G Majorนะครับ
ส่วนวิธีการหา Minor Scaleนะครับให้เอาMajor มาก่อนเช่น A Major แล้วให้หาโน้ตตัวที่หก ซึ่งจะได้F# เพราะฉะนั้น F# minorกับ A Major จะมีKey Signatureคล้ายกันครับ ส่วนถ้าเรารู้ minor จะหาว่าติดKaysignatureจะไร ให้นับไมเนอร์นั้นสูงขึ้นไป ขั้นคู่ minor3rd หรือสามครึ่งเสียง เช่น E minor นับขึ้นไปสามครึ่งเสียงจะได้ 1. E-F 2. F-F# 3. F#-G เพราะฉะนั้น E minorจึงมี Keysignatureคล้าย G Majorนะครับ
เอ่อ ตัวอย่างเช่นอันข้างบนอ่ะครับ วงนอกจะเป็น ทาง major วงในจะเป็นทาง minor ดูวนขวา ติดsharp ดูวนซ้ายติด flat ครับ
ขอบคุณมากครับ ดูเป็นรูปภาพแล้วเข้าใจ ขึ้นเยอะเลย
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 2 - ทรงวุฒิ
เอ่อ ตัวอย่างเช่นอันข้างบนอ่ะครับ วงนอกจะเป็น ทาง major วงในจะเป็นทาง minor ดูวนขวา ติดsharp ดูวนซ้ายติด flat ครับ
ขอบคุณมากครับ ดูเป็นรูปภาพแล้วเข้าใจ ขึ้นเยอะเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8
Magsulium
07/01/2018 19:04:47
6
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 3 - kapkonak
Scale A Major จะมีสามชาร์ปนะครับ คือมี F# C# G# ครับ เพราะฉะนั้นในสเกลจะมีโน้ตA B C# D E F# G# นะครับ
Scale E minor นั้นจะมี Keysignature เหมือนG major ครับโดยมี F# แต่ ในเสกลชนิด minor จะมีสามแบบครับ คือ 1. Natural minor 2. Harmonic minor 3. Melodic minorครับ
โดยแต่ละเสกลจะมีความแตกต่างกันดังนี้นะครับ
1. E Natural minor จะคล้ายเมเจอร์ของมันเองครับ(ในกรณีนี้คือG Major) จึงมีสมาชิก E F# G A B C D E 2. E harmonic minor จะคล้าย natural minorครับ แต่ตัวที่เจ็ดของเสกล(leading - tone) จะถูกปรับให้สูงขึ้นกว่าเดิมครึ่งเสียง ในเสกลนี้จึงมี E F# G A B C D# E 3. E Melodic minor คือเอาHarmonic minorมาปรับโน้ตตัวที่หก (Submediant) ให้สูงขึ้นอีกครึ่งเสียงเนื่องจากผมกระทบของharmonic minor ทำให้ระยะห่างจาก โน้ตตัวที่หกกับเจ็ดห่างกันหนึ่งเสียงครึ่งทำให้เสกลเกิด ขั้นคู่ที่เรียกว่า Augmented 3rd ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงเวลาใส่เสียงประสาน เพราะฉะนั้นจึงมี E F# G A B C# D# E แต่ในขาลงนั้นจะตั้งเปลี่ยนเพราะเจื่องจากในขาขึ้นนี้จะมีความคล้าย Parallel Majorของมันเองซึ่งคือ E Major มันต่างกันแค่โน้ตตัวที่ สาม (ในE minorเป็น G แต่E Majorเป็น G# ) นอกนั้นสมาชิกในเสกลนั้นจะเหมือนกันเป๊ะ เพราะจะนั้นในขาลงนั้นจำเป็นต้องปรับโน้ตตัวที่หกและเจ็ด( Submediantและleadingtone) ที่เคยปรั้บขึ้นมานั้นให้ลงคืนไปครึ่งเสียงให้เหมือนใน E Natural minor ครับ ขาลงจึงมาสมาชิก E D Natural C Natural B A G F# E นะครับ สรุปในE melodic minor จะมี ขาขึ้น E F#G A B C# D# E ขาลง E D Natural C Natural B A G F# E ครับ ปล.ในเพลงคลาสสิค ในคีย์ไมเนอร์นั้น จะใช้ Harmonic minor ในการใส่เสียงประสาน ยกเว้นใช้Melodic Minorในการแต่งเติมสีสันเป็นครั้งคราวครับ
ขอบคุณมากครับ อธิบายละเอียดมากเลย แล้วถ้าเป็นพวก major จะแบ่งเป็น 3 ประเภทเหมือน minor หรือป่าวครับ แต่จากที่อ่านวิธีการหาสเกลตรงความคิดเห็นที่ 5 เข้าใจว่า ตัวของ major สเกลจะเสียงสูงกว่า minor ใช่ไหมครับ
Scale A Major จะมีสามชาร์ปนะครับ คือมี F# C# G# ครับ เพราะฉะนั้นในสเกลจะมีโน้ตA B C# D E F# G# นะครับ
Scale E minor นั้นจะมี Keysignature เหมือนG major ครับโดยมี F# แต่ ในเสกลชนิด minor จะมีสามแบบครับ คือ 1. Natural minor 2. Harmonic minor 3. Melodic minorครับ
โดยแต่ละเสกลจะมีความแตกต่างกันดังนี้นะครับ
1. E Natural minor จะคล้ายเมเจอร์ของมันเองครับ(ในกรณีนี้คือG Major) จึงมีสมาชิก E F# G A B C D E 2. E harmonic minor จะคล้าย natural minorครับ แต่ตัวที่เจ็ดของเสกล(leading - tone) จะถูกปรับให้สูงขึ้นกว่าเดิมครึ่งเสียง ในเสกลนี้จึงมี E F# G A B C D# E 3. E Melodic minor คือเอาHarmonic minorมาปรับโน้ตตัวที่หก (Submediant) ให้สูงขึ้นอีกครึ่งเสียงเนื่องจากผมกระทบของharmonic minor ทำให้ระยะห่างจาก โน้ตตัวที่หกกับเจ็ดห่างกันหนึ่งเสียงครึ่งทำให้เสกลเกิด ขั้นคู่ที่เรียกว่า Augmented 3rd ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงเวลาใส่เสียงประสาน เพราะฉะนั้นจึงมี E F# G A B C# D# E แต่ในขาลงนั้นจะตั้งเปลี่ยนเพราะเจื่องจากในขาขึ้นนี้จะมีความคล้าย Parallel Majorของมันเองซึ่งคือ E Major มันต่างกันแค่โน้ตตัวที่ สาม (ในE minorเป็น G แต่E Majorเป็น G# ) นอกนั้นสมาชิกในเสกลนั้นจะเหมือนกันเป๊ะ เพราะจะนั้นในขาลงนั้นจำเป็นต้องปรับโน้ตตัวที่หกและเจ็ด( Submediantและleadingtone) ที่เคยปรั้บขึ้นมานั้นให้ลงคืนไปครึ่งเสียงให้เหมือนใน E Natural minor ครับ ขาลงจึงมาสมาชิก E D Natural C Natural B A G F# E นะครับ สรุปในE melodic minor จะมี ขาขึ้น E F#G A B C# D# E ขาลง E D Natural C Natural B A G F# E ครับ ปล.ในเพลงคลาสสิค ในคีย์ไมเนอร์นั้น จะใช้ Harmonic minor ในการใส่เสียงประสาน ยกเว้นใช้Melodic Minorในการแต่งเติมสีสันเป็นครั้งคราวครับ
ขอบคุณมากครับ อธิบายละเอียดมากเลย แล้วถ้าเป็นพวก major จะแบ่งเป็น 3 ประเภทเหมือน minor หรือป่าวครับ แต่จากที่อ่านวิธีการหาสเกลตรงความคิดเห็นที่ 5 เข้าใจว่า ตัวของ major สเกลจะเสียงสูงกว่า minor ใช่ไหมครับ
Scale Major มีแบบเดียวครับ โครงสร้าง คือ W-W-H-W-W-W-H (W=หนึ่งเสียงเต็ม H=ครึ่งเสียง) ความสูงตำ่ของคีย์นั้นขึ้นอยู่กับว่านับจากตัวไหนครับ เช่น G Majorจะตำ่กว่า A Major หนึ่งเสียงเต็มครับ ในเพลงคลาสสิคนั้นนิยมใช้เท่าๆกันเลยครับระหว่างเมเจอร์กับไมเนอร์ โดยเฉพาะเพลงที่ค่อนข้างยาวหรือมีความจริงจังเช่น Concerto, Sonata, Divertimento หรือพวก String quartet ต่างๆนั้นจะมีการเปลี่ยนคีย์ระหว่างเพลงเยอะมากครับ อาจเปลี่ยนมากกว่าสองคีย์ด้วยซำ้แต่โดยส่วนมากจะเปลี่ยนไปในคีย์ที่ใกล้กันเช่นเพลงที่มีคีย์ซิกเนเจอร์ไม่ต่างกันมาก เช่น G major(1sharp)กับ D Major(2sharp) ทั้งนี้ต้องดูยุคของเพลงด้วยครับเพราะยุคต้นๆเช่น Rainassiance, Baroque จะเปลี่ยนคีย์ไม่ซับซ้อนมาก (แต่ของ J.S. Bachนี่ซับซ้อนครับเนื่องจากเป็นดนตรีศาสนาและใช้ virtuoso ในกรเล่น) และถ้าเริ่มไปหลังๆเช่น ยุคRomantic เป็นต้นไป การเปลี่ยนคีย์จะไกลกันมากคับ เช่น C Major(no sharp,flat)ไป Gb Major (6flat) อย่างไรก็ตามทฤษฎีดนตรีหรือประวัติศาสตนร์ดนตรีไว้ศึกษาหลังจากที่มีเพลงที่ชอบจะดีจะคับเพราะถ้าศึกษาค้นคว้าเยอะอาจฟังเพลงที่มีมุมมองต่างไปจากเดิมที่ชอบนะครับแต่ถ้าเรารู้เบื้องลึกเบื้องหลังจะทำให้เราเข้าถึงเพลงได้มากขึ้นและซึมซับความเป็นบทเพลงของแต่ละเพลงได้ดีขึ้นนะครับ// ฟังเพลงให้มีความสุขนะครับ
ขอบคุณครับ ^^ แต่ เอ๋..... ในแต่ละเพลงจะกำหนดไว้ไม่ใช่หรอครับ เช่น Violin concerto in E minor, Piano sonata in A major ผมคิดว่ากำหนดไว้แน่นอนซ่ะแล้วอีก มีการเปลี่ยนไปมาในเพลงแล้ว ที่เขียนไว้ในชื่อเพลงนี้ คือ อะไรหรอครับ
Scale Major มีแบบเดียวครับ โครงสร้าง คือ W-W-H-W-W-W-H (W=หนึ่งเสียงเต็ม H=ครึ่งเสียง) ความสูงตำ่ของคีย์นั้นขึ้นอยู่กับว่านับจากตัวไหนครับ เช่น G Majorจะตำ่กว่า A Major หนึ่งเสียงเต็มครับ ในเพลงคลาสสิคนั้นนิยมใช้เท่าๆกันเลยครับระหว่างเมเจอร์กับไมเนอร์ โดยเฉพาะเพลงที่ค่อนข้างยาวหรือมีความจริงจังเช่น Concerto, Sonata, Divertimento หรือพวก String quartet ต่างๆนั้นจะมีการเปลี่ยนคีย์ระหว่างเพลงเยอะมากครับ อาจเปลี่ยนมากกว่าสองคีย์ด้วยซำ้แต่โดยส่วนมากจะเปลี่ยนไปในคีย์ที่ใกล้กันเช่นเพลงที่มีคีย์ซิกเนเจอร์ไม่ต่างกันมาก เช่น G major(1sharp)กับ D Major(2sharp) ทั้งนี้ต้องดูยุคของเพลงด้วยครับเพราะยุคต้นๆเช่น Rainassiance, Baroque จะเปลี่ยนคีย์ไม่ซับซ้อนมาก (แต่ของ J.S. Bachนี่ซับซ้อนครับเนื่องจากเป็นดนตรีศาสนาและใช้ virtuoso ในกรเล่น) และถ้าเริ่มไปหลังๆเช่น ยุคRomantic เป็นต้นไป การเปลี่ยนคีย์จะไกลกันมากคับ เช่น C Major(no sharp,flat)ไป Gb Major (6flat) อย่างไรก็ตามทฤษฎีดนตรีหรือประวัติศาสตนร์ดนตรีไว้ศึกษาหลังจากที่มีเพลงที่ชอบจะดีจะคับเพราะถ้าศึกษาค้นคว้าเยอะอาจฟังเพลงที่มีมุมมองต่างไปจากเดิมที่ชอบนะครับแต่ถ้าเรารู้เบื้องลึกเบื้องหลังจะทำให้เราเข้าถึงเพลงได้มากขึ้นและซึมซับความเป็นบทเพลงของแต่ละเพลงได้ดีขึ้นนะครับ// ฟังเพลงให้มีความสุขนะครับ
ขอบคุณครับ ^^ แต่ เอ๋..... ในแต่ละเพลงจะกำหนดไว้ไม่ใช่หรอครับ เช่น Violin concerto in E minor, Piano sonata in A major ผมคิดว่ากำหนดไว้แน่นอนซ่ะแล้วอีก มีการเปลี่ยนไปมาในเพลงแล้ว ที่เขียนไว้ในชื่อเพลงนี้ คือ อะไรหรอครับ
ในชื่อเพลงเหมือนที่ว่าเลยครับมันดีะบอกชื่อคียี์ เช่น Mendelssohn : Violin concerto in e minor บรรไดเสียงหลักคือ e minor ครับ คือท่อนแรกเปิดเพลงกับmovementสุดท้าย(ท่อนที่3) ช่วงสุดท้ายจะไปลง e minorครับ แต่กลางเพลงคียืจะเปลี่ยนครับเช่นท่อนเชื่อมระหว่างท่อนสองกับสามจะมีท่อนช้ามาคั่นส้นๆซึ่งมันอยู่ในคีย์ a minorนะครับ
ในชื่อเพลงเหมือนที่ว่าเลยครับมันดีะบอกชื่อคียี์ เช่น Mendelssohn : Violin concerto in e minor บรรไดเสียงหลักคือ e minor ครับ คือท่อนแรกเปิดเพลงกับmovementสุดท้าย(ท่อนที่3) ช่วงสุดท้ายจะไปลง e minorครับ แต่กลางเพลงคียืจะเปลี่ยนครับเช่นท่อนเชื่อมระหว่างท่อนสองกับสามจะมีท่อนช้ามาคั่นส้นๆซึ่งมันอยู่ในคีย์ a minorนะครับ