ดนตรีและสื่อผสม KMITL

แนะนำเรียนที่นี่เลยครับความรู้แน่น
https://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=21993

จบแล้วมาทำได้ที่มั่นคงเลยครับ 555 (จริงๆน้า)

electrical engineering, audio engineering ครับ

เพื่อนผมจบวิศวะ อิเล็กทรอนิกส์
ทำแอมป์บ้าน แอมป์นอกสถานที่ ตู้ลำโพง แอมป์หูฟัง ทำหูฟัง planar magnetic ได้ครับ

ถ้าจะเรียนเพื่อมาเป็นลูกจ้างเค้าอย่าไปเรียนครับ
กลับไปเลี้ยง ควายทำงานการเกษตรที่บ้านดีกว่า

เพราะว่า... ในอนาคตอีกไม่กี่ปีต่อไปนี้
ตามบริษัทห้างร้านเล็กๆ จนถึงระดับกลางๆ จะไม่สามารถ 
หรือไม่มีการจ้างลูกจ้างแบบประจำ. จะเป็นการจ้างแบบทำสัญญาชั่วคราว
1. เพื่อเหลียกเลี่ยง การที่ต้องจ่าย โบนัส ประจำปี ประกันสังคม และฯลฯ
2. เพื่อเป็นการปลดพนักงานออกง่ายๆ เมื่อถึงคราวที่เศรษฐกิจตกต่ำ
3. บริษัทห้างร้าน แม้แต่ธนาคาร ต่างๆ จะใช้คนน้อยลงมากๆ ในการทำงาน
คอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ ตู้จำหนายสินค้า จะเข้ามาแทนที่คนมากขึ้น
(โดยเฉพาะประเทศไทย เพราะคนไทยทำงานแบบทั้งหลบทั้งอู้ เด็กฝาก เด็กนาย
ลูกเจ้าคุณ เต้าต่าย<จะหมดไป> ตูดไต่เต้าจะเข้ามาแทนที่ เต้าไต่)
4. ภาคการเกษตร ยิ่งจะใช้คนน้อยลงมากๆ พื้นที่เป็นร้อยๆไร่ ใช้คนควบคุม
เครื่องจักร แค่ไม่เกินสามคน
5. การเหมืองเราไม่นิ่ง จะมีการปะวัดกันอีกหลายสิบๆครั้ง ทำให้ไม่มีนักลงทุน
กล้าจ้างงานแบบประจำ (ทุกวันนี้นักลงทุนคนไทย ยังขนเงินไปลงทุนต่างประเทศเลย)

*** แม้สื่อเอง ทุกวันนี้. ก็โดนนายทุนเข้าควบคุม เกือยหมดแล้ว เพราะมีคำกล่าวที่ว่า
ยุคโลกาภิวัฒน์ ใครสามารถครอบครองสื่อได้ ผู้นั้นมีอำนาจสูงสุด***
ดังจะเห็นได้จาก ทุกวันนี้ เศรษฐี.ในเมืองไทยต่างก็เป็นช่องข่าว ช่องโทรทัศน์ของตัวเอง
เพื่อะไร? เพื่อเป็นอาวุธไว้ทำร้ายคู่เเข่ง และเพื่อป้องกันตัวเอง 

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้ไป เด็กที่กำลังเรียนมัธยมก็ดี มหาลัยก็ดี หรือแม้แต่เด็กที่กำลังจะเกิด
ถ้าคิดจะเรียนมาเพื่อเป็นลูกจ้างบริษัท แต่งตัวหล่อ ใส่สูท ผูกไทท์ไปทำงาน

*** คิดผิดที่สุดครับ***

เพราะกว่าเด็กพวกนี้กว่าจะเรียนจบ หลายๆๆ บริษัท ห้างร้าน จะทยอยกันปิดตัวลง
ที่เหลือก็จะไม่รับพนักงานแบบประจำ เพราะตามกฏหมาย ถ้าต้องการเลิกจ้างพนักงาน
ประจำพวกนี้ บริษัทต้องเสียเงินเดือนล่วงหน้า 3-6 เดือน. ถ้าบริษัทจะเลิกจ้างพนักงาน
ซัก30คน บริษัทต้องจ่ายเงินเป็นล้าน. เพราะฉะนั้นต่อไปนี้. ถ้าไม่ได้เป็นบริษัท
ที่มีเงินทุนสูงจริงๆ. ไม่มีใครจ้างพนักงานแบบประจำแน่นอน

ที่สำคัญ การศึกษาไทยต่ำมาก. เรียนเหมือนไปซื้อใบประกาศหนึ่งใบ
จบออกมา คุณไม่มีพวก ไม่มีญาติเป็นใหญ่เป็นโต  คุณก็ตกงานอยู่ดี

เพื่อนผมเรียน ป.โท บริหาร(การค้า) เค้าถามผมทำไม่เรียน บริหารต่อ
ผมบอกว่า ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ครับ การบริหาร มึงต้องลงมือทำเองจริงๆ
มึงถึงจะรู้ว่า บริษัทของคุณควร....ยังไง

ความรู้ที่เรียนในหนังสือ กว่าจะจบมานะ ความรู้ตรงนั้น ก็ตกยุคไปแล้ว
โลกทุกวันนี้ไปเร็ว กว่าความรู้ในห้องเรียนมาก. มัวแต่ไปเรียนไม่ทันทำกินแน่

เด็กข้างบ้านผมนะ ผมบอกเลยเองเรียนภาษาเลย เรียนแค่ ภาษาจีน กับอังกฤษ
พอละ เรียนสองภาษานี้ให้ดี ส่วนอื่นเดี๋ยวพอเราไปเข้าสายงานนั้นๆ เดี๋ยวไปเรียน
รู้แป๊บเดียวก็เป็น

ผมไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเรียน คอม(MAC) โปรแกรม Adobe ตัดต่อ เลย
เรียกชื่อยังเรียกไม่ถูกเลย วันหนึ่งเพื่อนมา ผมถามเค้า เออ เองแต่งภาพ
ด้วยโปรแกรม ลิ้งรูม เป็นเปล่า สอนผมเบื้องต้นหน่อย มันหัวเราะ
ผมกัยใหญ่ ก็ผมเรียกชื่อโปรแกรมยังเรียกผิดเลย 

ผมอาศัยอยู่ใน Facebook กลุ่มที่เค้าคุยกันเรื่องพวกนี้
ใช้เวลา ปีกว่าๆ ตอนนี้ผมทำได้หมดเลยครับ เกี่ยวกับเครื่องMAC 
โปรแกรม PS , LR,PS , Final CUT Pro ผมทำเป้นหมดอะ
เรียกว่าเอาตัวรอดโดยไม่ต้องจ้างคนอื่น

ผมว่า หลักสูตรการศึกษา ภาคบังคับไทยต่ำมากๆครับ
ไม่ทันโลก. ยังสู้การเรียนจากสังคมโซเซียลไม่ได้เลยจริงๆ
สังคมโซเซียล พอมีการอัพเดท การใช้งานอะไรใหม่ๆเข้ามา
จะมีคนทำคลิปมาสอนมาแชร์ทันที. ครูที่สอนตามเพจนี่
เค้าสอนมาจากประสบการณ์การทำงานปัจจุบันจริงๆ ไม่มีล้าหลัง

เพราะฉะนั้น การเรียนภาคบังคับ ในปัจจุบัน มีประโยชน์น้อยมาก
ทำให้เราติดอยู่ในแนวความคิดเดิมๆ แบบล้าหลังเดิมๆ โง่เดิมๆครับ
สู้การลงมือทำทันทีไม่ได้

อาชีพที่หาเงินได้เป็นก้อนใหญ่ไม่มีวันจน ในอนาคตของไทยคืออาชีพ
 หมอครับ เพราะคนไทยกินแต่สารพิษ ยาฆ่าแมลง ยาเร่งการเจริญในสัตว์
คนไทยจะป่วยกันเยอะมาก หมอจะร่ำรวยมาก

และ พวกค้าขายออนไลน์ อีคอมเมอร์ 
ความปลอดในชีวิต และทรัพย์เราน้อยลง คนกลัวจะออกมา
ใช้จ่ายนอกบ้านน้อยลง. การสั่งสินค้าออนไลน์ เป็นทางเลือกหลักของคนไทย
ห้างจะแย่ลงเรื่อยๆ

ถ้าจะเรียนอะไร ให้มองข้ามออกไปในอนาคตอีกสามสี่ปีกว่าที่เราจะจบ
ว่าถ้าถึงตอนนั้น อะไรจะมา อะไรจะตกต่ำลง. 
** คนเรา เมื่อเราโตขึ้น ความคิดเราจะโตตาม จะเปลี่ยนไปตามอายุครับ***
การศึกษาไม่ได้มีแต่ในชั้นเรียน การศึกษาที่แท้ คือคุณต้องเรียนรู้ชีวิตที่เป็นอยู่เสมอๆ
ต้องไม่ตกยุคครับ. หูฟังเครื่องเสียง เจริญรุ่งเรืองสุดๆๆยากครับ
ขอให้โชคดี

ผมขอเพิ่มความเห็นที่ขัดกับคุณ yamano ว่าถ้าคุณ จบกท อยากเป็นวิศวะคุณต้องไปเรียนครับ ไม่ใช่อ่านในกลุ่ม fb

ผมเองก็เรียน bba อยู่ ก็เห็นด้วยครับว่าหลายๆอย่างฝึกเองได้ก็ดีครับ แต่สำหรับบริหารธุรกิจ ยิ่งระดับใหญ่โต ไม่ใช่แค่ร้าน มันมี tools หลายอย่างที่มีสอนในมหาลัยครับโดยอาจารย์ที่เป็นบอร์ดบริษัทมหาชนต่างๆ พร้อมแนวคิดและเคสที่เขาเคยเจอครับ ธุรกิจปัจจุบันมันไม่ใช่แค่ซื้อมาขายไป หรือ zero stock หรือ 4 ps หรือ total quality management แล้วครับ

จะอ่านใน investopedia เอาก็ได้ครับถ้าอยากทำด้วยตนเอง แต่การเรียนมหาลัยมันมีการสอบ คุณจะรู้ตัวเองว่าอยู่ตรงไหน

ดีที่สุดคือเรียน แล้วหาอ่านเองเพิ่มไปด้วยครับ คุณจะได้อาวุธที่ครบมือ ไม่ขาดตกบกพร่องครับ วิศวะฝึกเอง ผมไม่เรียกว่าวิศวะครับ ไม่เรียกว่าช่างด้วยซ้ำ

คิดแบบนี้ไม่ต้องเรียนอะไรกันแล้ว ประเทศไทยนะครับยังไงการจะเข้าทำงานไม่ว่าที่ใดมันก็ต้องใช้วุฒิการศึกษาครับ หรือถึงมีเงินรวยมากพ่อแม่มีกิจการใหญ่โตบางคนยังต้องเรียนสูงเพื่อไม่ให้ลูกน้องมันดูถูกเลยว่ามึงมาสั่งกูแล้วตัวมึงจบมาระดับใหนกัน

ส่วนการจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองไม่อยากเป็นลูกจ้างถ้าบ้านไม่รวยจะเอาเงินจากใหน หรือธนาคารใหนเค้าจะให้กู้ถ้าคุณไม่มีหลักประกันอะไรเลยไม่เคยมีประสบการณ์เป็นลูกจ้างเค้ามาก่อนล่ะครับ

ในทุกสังคม แต่ละคนมีหน้าที่และบทบาทแตกต่างกันครับ ถ้าทุกคนเชื่ออย่างที่คุณว่ามา ในสังคมก็จะมีแต่หมอและคนขายของออนไลน์ สังคมมันจะเดินหน้าไปได้อย่างไรครับ และที่สำคัญ ความร่ำรวยไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของคนทุกคนเสมอไป การเป็นลูกจ้างมันก็ไม่ได้แย่เสมอไปครับ เห็นมาเยอะแล้วพวกที่ลงทุนค้าขายออนไลน์สุดท้ายไปไม่ไหวต้องกลับมาเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม ถ้ารู้จักใช้รู้จักเก็บ เป็นลูกจ้างก็มีกินมีใช้สบาย ๆ ได้ครับ
และที่บอกว่าบริษัทห้างร้านจะเลิกจ้างลูกจ้างประจำและหันมาใช้การจ้างแบบชั่วคราวแทน อันนั้นคุณรู้ไม่จริงครับ แนวโน้มในปัจจุบันจนถึงอนาคต บริษัทห้างร้านนิยมใช้บริการ Outsource ซึ่งเป็นการจ้างองค์กรภายนอกเข้ามาทำงานในส่วนที่ไม่ใช่งานที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ เช่น แม่บ้าน รปภ ช่างซ่อมบำรุง ด้วยเหตุผลตามที่คุณว่ามานั่นแหละ แต่สำหรับงานที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลัก เช่น วิศวกรโยธา สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักบัญชี สำหรับธุรกิจการตรวจสอบบัญชี ยังไงบริษัทห้างร้านก็ต้องจ้างเป็นประจำล้านเปอร์เซ็นต์ครับ และกฎหมายแรงงานปัจจุบันก็ออกกฎมาเพื่อรองรับปัญหานี้แล้ว ถ้าบริษัทห้างร้านจะหลีกเลี่ยงในสิ่งที่คุณว่ามา เค้าต้องเลิกจ้างพนักงานทุก ๆ 120 วัน แล้วห้ามต่ออายุสัญญาด้วย ต้องจ้างคนใหม่เลย คุณคิดว่าธุรกิจต่าง ๆ เค้าจะยินยอมเริ่มนับหนึ่งงานใหม่ทุก ๆ 120 วันหรือครับ การเทรนนิ่งพนักงานแต่ละคนไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และทุก ๆ ธุรกิจต่างก็ยังไห้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอยู่ บริษัทชั้นนำอย่าง Apple หรือ Google ก็จ้างพนักงานประจำครับ ไม่มีธุรกิจไหนใช้วิธีจ้างงานแบบที่คุณจินตนาการแน่นอนไม่ว่าจะอีกกี่ปีก็ตาม
:)

คุณเก่งมาจากใหนกันถึงไล่ให้คนอื่นไปเลี่ยงควาย เคยรู้จักคำว่าแรงบันดาลใจไหมชอบหูฟังแล้วไปเรียนวิศวะไม้ได้หมายความว่าจบมาต้องมาทำอะไรเกี่ยวกับหูฟังหรือเครื่องเสียงเท่านั้น ถึงวันที่เค้าจบการศึกษาเค้าอาจไปทำอย่างอื่นก็ได้เพราะการชอบหูฟังหรือเครื่องเสียงมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นที่จะนำพาไปสู่สายอาชีพที่เราชอบตังหาก ประเทศไทยถ้ามีแค่หมอกับขายของออนไลน์มันก็ไปไม่รอดหรอก แล้วอีกอย่างขายของออนไลน์ใครเค้าก็ขายกันทั้งนั้นนับวันจะมีคู่แข่งถ้าต่อไปเปิดเฟสบุ๊คมีแต่คนขายของเหมือนๆกันหมดตัดราคากันเป็นว่าเล่นแล้วใครล่ะจะมาซื้อหรือพ่อค้ามาซื้อกันเอง

@น่าคิด
อันนี้ต้องขอโทษด้วย ที่พาดหัววะแรงไป55
แต่มันคือหลักการ เขียนงาน ต้องพาดหัวข่าวให้
คนเข้ามาอ่าน มาวิจารณ์ ถ้าเขียนแล้วคนไม่มาคอมเมนต์ใดๆเลย
ถือว่า ไม่ประสบความสำเร็จ ครับ 55 ขออภัยจริงๆ

@ taung2611
จริงๆผมก็บอกแล้วนะว่า บริษัทใหญ่ๆถึงจะมีการจ้างพนักงานประจำ

-- เป็นเพียง รูป วิเคราะห์ เศรษฐกิจ และอนาคตเฉยๆครับ
ไม่มีใครสามารถรู้อนาคตได้

การโยลา

ก้คงเหลืออีกไม่กี่ประเทศครับ ที่....
ทุบถนน >> วางท่อ >> ทุบถนน
ลงเสาไฟ >>> ทุบถนน >> ทุบถนน >> วางท่อ
ตัดต้นไม่ข้างทางโกน>>  ลงเสาไฟ >> วางท่อ >> ทุบถนน

หลายประเทศ เขาทำถนน ซ่อมถนน เหมือนตัดขนมชั้นละครับ
ใช้เครื่องตัด เป็นชิ้นเเล้ว หล่อปูนเทลงไปเดี๋ยวนั้น ใช้เวลาไม่ถึง
ชั่วโมงต่อคนหนึ่งคน รถหนึ่งคัน

ทุกๆสังคม ก็ต้องมีทั้งคนดี และคนไม่ดี
คนฉลาดมาก และ คนฉลาดน้อย
มันก็อยู่ที่ว่า.
เราจะเลือกเป็นปลายหว่งโซ่อาหาร
หรือ เราจะอยู่เหนือหว่งโซ่อาหารครับ

ในอนาคต ผมว่าคนเราจะมีแค่ อาชีพหลัก อาชีพเดียวไม่ได้
คนๆหนึ่ง จะต้องมีอาชีพเสริม ไม่ต่ำกว่าสามอาชีพ ถึงจะอยู่รอด
ในสังคมไทยได้

ผมว่า
*** การดำเนินชีวิตของคนเรา มันอยู่ที่มุมมองครับ
อาชีพเดียวกัน หน้าที่เดียวกัน วิถีแบบเดียวกัน
มุมมองเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน 
ความคิดเปลี่ยน ประพฤติกรรมเปลี่ยน
ประพฤติกรรมเปลี่ยน วิถีชีวิตเปลี่ยน
วิถีชีวิตเปลี่ยน อนาคตก็เปลี่ยน ครับ*** 

ขอบคุณที่วิจารณ์ และขอโทาถ้ากล่าวล่วงเกินไป
ผมชอบอ่าน ชอบเขียนครับ ขอบคุณ

สำหรับคุณ yamano ผมเข้าใจคุณนะครับ แก่นแท้ที่คุณอยากสื่อคือ never stop learning หรือพูดแบบ jobs คือ stay hungry, stay foolish แต่ในขณะเดียวกัน การได้เรียนมหาลัยดีๆก็เป็นที่สะสมความรู้ที่ดีเช่นกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าการศึกษาเองตามเน็ตเลยครับ คนที่อยู่บนห่วงโซ่อาหารส่วนใหญ่ก็เรียนทั้งนั้นนะครับ
Cook เองเรียนวิศวะไปแล้ว ยังเรียน mba เลยครับ ไม่งั้นการบริหารองค์กรที่ใหญ่กว่าประเทศไทยแบบแอปเปิลคงเป็นไปได้ยากถ้า ceo ไม่มีความรุ้การเงินการบัญชีการตลาดเศรษฐกิจภาษีและพฤติกรรมผู้บริโภค

สุดท้ายนี้คือสิ่งที่ผมอยากบ่นเองครับ ไม่เกี่ยวกับคุณ yamano นะครับ คงจะมีแต่บ้านเราที่ชอบเปรียบว่าคนจบ ม3 บ้าง ม6 บ้าง จบออกมาทำงานเลย เป็นเศรษฐีได้เพราะขยันและตั้งใจทำงาน แตลืมมองไปว่าเศรษฐีที่เหลือนั้นก็เรียนกันทั้งนั้นครับ 555555555

เวงกำ ที่ตรูเรียนมาเกือบ 20 ปีมานี่เสียเเปล่าหมด แถมยังโง่ลงด้วย แต่ถ้าเทียบกับที่ไม่ได้เรียนมาไม่รู้ป่านนี้ตรูไปอยู่ส่วนไหนของโลก ตรูจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้  อย่างน้อยการเรียนให้ได้วุฒิหรือดีดรีมารับรองเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงต่อชีวิตการทำงานของคุณเองครับ เรียนแล้วไม่ใช้หรือไม่ได้ใช้นั่นอีกเรื่องหนึ่งครับ 

เรียนวิศวะ อิเล็คทรอนิกส์นี่แหละครับ จะเป็นพื้นฐานให้ไปต่อในด้านการออกแบบอุปกรณ์ไฟฟ้า และโยงเข้าหูฟังได้

สมัยที่ผมเรียน มีวิชาพวกนี้  คิดว่าคุณก็คงได้เจอ
อิเล็คทรอนิกส์ 1 2 3 ..... หรือ เซอร์กิต 1 2 3 ....  พวกนี้ สำคัญมากต้องเข้าใจทั้งหมด
แค่ปี 1 เล่ม 1 คุณก็ได้เรียนพื้นฐาน DAC แล้ว R2R คืออะไร 16bit คืออะไร  แต่เรียนจนจบจะไม่พบคำว่า delta zigma ไม่พบคำว่า non oversampling หรือซับที่วงการ DIY เขาคุยกัน (หรือผมหลับตอนเรียนก็ไม่รู้)

ในวิชาพวกนี้ยังมี ทรานซิสเตอร์ หลอด มอสเฟ็ต igbt อ๊อพแอมป์  สัก ปี2 จะเข้มข้น

แล้วก็มา อิเล็คโตรแม็คเนติกส์  สายสัญญาณ อิมพีแดนซ์ R L C แบบที่เข้าใจยาก เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากในเว็บบอร์ด มันอธิบายยาก  ใครจะมาวาดไดอะแกรมให้ดู  ใครจะสอนใช้กราฟที่หน้าตาเหมือนแผนที่ดวงดาว....ไม่มีครับนอกมหาลัย

หม้อแปลงไฟ หม้อแปลงเอ๊าท์พุท อยากเรียนไหม  ไม่มีสอนนะ  ต้องค้นเอง แต่ใช้พื้นฐานปี 1 ปี 2 ไปลุย
ทำไมคนไทยทำหม้อแปลงเอ๊าท์พุทดีๆไม่ได้  ผมก็ตอบไม่ได้  รู้แค่มันสู้ฝรั่ง สู้ญี่ปุ่นไม่ได้ 
ไม่งั้นพวก DIY เขาจะไม่ซื้อหม้อแปลงจากนอกมาเล่นกันหรอก

ผ่านพวกนี้ จะทำให้คุณออกแบบแอมป์แบบที่แตกต่างจากเด็กมัธยมได้  เพราะความเข้าใจที่มากขึ้น ลงลึกกว่า

ยังไม่แตะหูฟังเลย...........

หูฟัง ลำโพง  ถูกมองให้เป็นโมเดลทางคณิตศาสตร์  เขียนสมการของพลังงานกล จะบ้าตายใครจะสอนทางเว็บ
thiel small parameter คืออะไร ตอนนี้แหละ  ใช้ความรู้ปี 3 มาลุย ลุยเองนะ  เพราะตัวอย่างในบทเรียนเป็นแบบจำลอง ไม่มีใครเอาลำโพงมาสอน  ต้องเทียบไปเอง

หูฟัง ลำโพง แอมป์หูฟัง  ไม่มีในวิชาพวกนี้  มันเป็นสิ่งที่ใช้พื้นฐานที่เรียนไปค้นต่อเอง 
ไม่มีอาจารย์คนไหนสอน  เนื้อหาที่ต้องเรียนแต่ละปี มันจะมากขึ้น มันจะยากขึ้น  
นี่ยังไม่รวมการเขียนโค้ด การทำโปรแกรมต่างๆควบคุมบอร์ด ควบคุมฮาร์ดแวร์
หน้าจอเครื่องเสียงแสดงผลเป็นจุด เป็นตัวหนังสือ พวกนี้เป็นส่วนที่ต้องมีอาจารย์ มีตัวอย่างถึงจะทำต่อได้

ผ่านภาคอิเล็คทรอนิกส์ไปแล้ว  อยากทำหูฟัง ไปต่ออคูสติก เรื่องวัสดุต่างๆ เอาให้ถึงแก่น
ความแข็ง ความอ่อน เรโซแนนซ์ ความยืดหยุ่น เด้งไม่เด้ง สั่นไม่สั่น ผมคิดว่ามันไม่ใช่วิศวะแล้ว
อาจต้องเดินไปถามอาจารย์สายวิทยศาสตร์ เกี่ยวกับวัสดุ ...

แต่ถ้าคิดว่า จะแค่ เปลี่ยนตะกั่วบัดกรีแล้วให้เสียงเปลี่ยน
เปลี่ยนสายแล้วเสียงเปลี่ยน แบบนี้ไม่ต้องเรียน ใครๆก็ทำได้

ตอบหยาบๆ  ไปเริ่มต้นในวิศวะ ภาคอิเล็คทรอนิกส์แล้วถามทางไปต่อจากที่นั่นแหละครับ
ถ้าคุณโชคดี คุณจะเจออาจารย์ที่ไกด์คุณได้  

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_686519

ก็นั่นแหละครับ ถ้าเป็นคนงานก็จะโดนปลด จขกท จึงควรมีความรู้มีวุฒิติดตัวเป็นอาวุธครับ คนที่โดนปลดคือเกี่ยวข้องกับสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นการรวมตัวของคนงานและคนงานการผลิตครับ http://www.thailabordatabase.org/th/union.php?c=about