เพราะ eq ในเครื่องเล่น มันเป็นการปรับ แบบ ซอฟแวร์ อะไรแบบนี้ ไม่มีประโยชน ถ้าซื้อของแพงมาปรับ เค้าว่ามาแบบนี้คับ

ผมว่า ไม่เกี่ยวคับ ผลเสีย ของการ ปรับ EQ คือ ถ้า ปรับมากไป หูฟัง จะ เสื่อมเร็วคับ ไป ตามกาลเวลา เพื่อความปลอดภัย ปรับได้ แต่ อย่ามากเกินไปคับ เพราะ การ ปรับ EQ มากเกินไป จะทำให้ หูฟังทำงานหนักเกินธรรมชาติของแนวเสียงหูฟัง และ ทำให้เสียงเพี้ยนได้ คับ

จริงและไม่จริงครับ อันนี้มันอยู่แต่คนล้วนๆครับ บางเค้าเค้าอาจจะชอบ Dap ตัวนี้อยู่แล้ว แต่อยากเพิ่มเบส เพิ่มโน่นนี่ ครับ แต่ไม่อยากโม เลยปรับ EQ เอาแทนให้ตรงตามความต้องการ ส่วนบางคนก็ชอบเสียงจริงๆของมัน ก็ไม่ปรับไปเลย มันแล้วแต่ความชอบของคนเราครับ บางที Dap ตัวละ สองสามร้อย จะฟังให้เพราะ ก็ฟังให้เพราะได้ครับ อย่าไปใส่ใจอะไรมาก

ผมว่า ไม่เกี่ยวคับ ผลเสีย ของการ ปรับ EQ คือ ถ้า ปรับมากไป หูฟัง จะ เสื่อมเร็วคับ ไป ตามกาลเวลา เพื่อความปลอดภัย ปรับได้ แต่ อย่ามากเกินไปคับ เพราะ การ ปรับ EQ มากเกินไป จะทำให้ หูฟังทำงานหนักเกินธรรมชาติของแนวเสียงหูฟัง และ ทำให้เสียงเพี้ยนได้ คับ

ถ้างั้น cowon ไม่ค้องขายละครับ เพราะ eq นี่จุดเด่นเลย
ใช้ไปเถอะครับคิดมากถ้าชอบ ไม่งั้นก็ไปบอกกูรูว่า เครื่องใหม่ที่แพงนั้นให้หน่อย จะใช่ตามที่ว่าให้จะได้เทียบกัน

กำ 2 คอมเม้น มาได้ไง ว่ะ เนี้ย

ต่อให้software eqป็นตัวเดียวกัน แต่เสียงที่ได้จากhardwareของตัวเครื่องก็จะทำให้เสียงโดยรวมแตกต่างอยู่ดีครับ
ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม เราก็จะได้ใช้ประสิทธิภาพของhardwareหลักหมื่นอยู่ดีครับ

เปิดบ้างปิดบ้างเวลาต้องการเปลี่ยนอารมณ์ก็ไม่เสียหายครับ บางทีใช้ไปเรื่อยเราก็อาจจะมาอิ่มตัวที่flatก็ได้ครับ(หลายคนเป็นแบบนั้น ผมก็ด้วยครับ)

วงการนี้ มันขึ้นอยู่กัยความชอบ/ความพึงพอใจของเราเป็นหลักครับ หลักการ/ความเห็นของคนอื่นใช้เป็นเพียงข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ รวมถึงหลักการ/ความเห็นของผมด้วยครับ

ถ้าฟังแล้ว ชอบ มีความสุข ไม่มีอะไรผิดทั้งนั้นล่ะครับ เงินก็เงินเรา จะให้คำพูดคนอื่นมาเบียดบังความสุขของเราทำไม

ถ้าคุณฟังแบบแฟลตๆ แล้วไม่มีความสุข

ปรับไปเลยครับ เอาที่เราชอบ

เพราะเราฟังเพลง ถ้าฟังแล้วเครียด เราจะฟังทำไมอ่ะครับ

เห็นด้วยกับ คห8 จ้าาาา^__^

ไม่เสื่อมหรอกครับ เอาอร่อยหูไว้ก่อน +-ไม่เกิน 6DB หูฟังมันยืดหยุ่นพอ

ที่เขาไม่แนะนำให้ปรับเพราะว่า เสียงมันไม่เหมือนกะห้องอัด ไม่ธรรมชาติ ไม่Audiophile แค่นั้นเอง อยู่ท่ความชอบส่วนตัวล้วนๆ

ขอตอบเลยว่า ....
1. ปรับ EQ ได้ครับ แล้วแต่ใจเลย ^^ (ส่วนตัวผมก็มีลองปรับ แต่ส่วนใหญ่จะ "ลด" บางย่านความถี่เอา แทนที่ "บูสต์" เพิ่ม )
2. ทำใจครับ เพราะ "ผู้รู้บางคน" ย้ำ!! ว่า ผู้รู้บางคน "การเล่นหูฟังที่ถูกต้อง คือเล่นเหมือนๆเค้านั่นแหละ" โดยไม่สนว่าคนที่กำลังถามข้อมูลมี รสนิยมยังไง เน้นด้านเสียงที่สุดหรือเปล่า หรือแค่อาจจะเน้นความสวยงาม @_@"

ผมเห็นหลายทีแล้วเหมือนกันที่ "ผู้รู้บางคน" จะชอบพูดประมาณนี้
- ใช้ Beats ถือว่าเล่นหูฟังไม่เป็น (ถึงแม้ว่าคนซื้อจะชอบเบสโคตรๆ ชอบความสวยงาม ชอบการพกพาที่เท่ห์ ... ก็จะไม่วายถูกบอกว่า "ราคาแบบนี้ ยี่ห้ออื่นดีกว่านะ" )
- ปรับ EQ ถือว่าเล่นไม่เป็น ใช้งาน Chip DAC ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- ใช้ของแพงเกินความจำเป็น เช่น ใช้ AK ทำไม ในเมื่อ DX90 สเปคเจ๋งกว่า ราคาถูกครึ่ง ถือว่าเล่นไม่เป็น (ทั้งที่แนวเสียงไม่คล้าย วัสดุสวยงามต่างกัน UI ต่างกัน)

คือโดยส่วนตัว ผมไม่ได้ "อคติ" อะไรกับ "ผู้รู้" หลายๆท่านนะครับ และก็ไม่ได้ชอบ Beats หรือชอบปรับ EQ ด้วย (แต่โดน AK100ii ... T_T) .... แต่ ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบ "ผู้รู้บางคน" ที่ชอบเปรียบเทียบ ในเชิงว่า ...ทำไมไม่ใช้อันนี้หละ ...อันนี้ดีนะ ส่วนอันนั้นมันห่วย ...อันนั้นไม่คุ้มราคา ...อันนี้เล่นไม่ถูกต้อง ...ไม่โมจะเสียใจ ....... @_@" .......

คือผมคิดว่า "ทำไม" ต้องซีเรียสเอาจริงเอาจังขนาดนั้นกับการที่ "แนะนำ" คนอื่น (ถ้าผู้รู้เค้าชอบอะไร ซื้ออะไร โมอะไร อันนั้นผมเคารพสิทธิ์ของเค้า) ซึ่งไอการที่เราชอบอะไรก็แล้วแต่น่าจะ "อยู่ที่ความพึงพอใจ รสนิยม และไม่กระทบกระเป๋าตังค์ ก็น่าจะพอนะ ..."

สุดท้าย ขอย้ำ!!! ว่าแค่ "ผู้รู้บางคน" เท่านั้นนะครับ แต่โดยรวม ผมก็ยังชอบนะครับ ที่มี "ผู้รู้ส่วนมาก" มาคอยแนะนำ ให้ความรู้กับ คนเล่นใหม่ๆ ที่ได้ประโยชน์ ได้ข้อมูลที่ช่วยการตัดสินใจนิดๆหน่อยๆได้ ... ^_^

ไม่ผิดครับ เราฟังเพลงที่เราชอบ เราต้องการฟังเสียงที่เราอยากได้ยิน เราอยากได้ยินความถี่ไหนมากเป็นพิเศษ เราก็เลือกใช้บริการของเจ้า EQ ได้ ซึ่งไม่เป็นความผิดแต่อย่างใด

แต่วันหนึ่งคอยดูครับ หลังจากที่ฟังเพลงไปซักระยะ หูเราเองนั่นล่ะจะเริ่มมีทักษะในการฟัง และต้องการฟังอะไรที่มันเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้นทุกทีๆๆ คราวนี้เราก็จะเริ่มอึดอัดกับการใช้ EQ ไปเอง จนในที่สุดก็เลิกใช้ และหันมาฟังคุณภาพจากการบันทึกหรือเลือกเฟ้นไฟล์ที่คุณภาพดีมาฟัง

เชื่อผมครับ รสนิยมจะเปลียนไปเอง ตอนนี้ชอบใส่พริกป่น น้ำส้ม น้ำปลา ก็เติมลงก่อนได้ครับ วันหน้ารับรองว่าไม่ใส่อะไรแน่นอนครับ 555

ไม่ผิดแต่ไม่ถูก

ปรับอีคิวคือปรับย่านนั้นให้เสียงดังขึ้น

เช่นปรับอีคิวย่านเบส คือปรับเบสให้ดังขึ้นกว่าเดิม คือเบสไม่มากขึ้นแต่ดังขื้นในขณะที่ย่านกลางแหลมดังเท่าเดิม

หรือปรับอีคิวย่านแหลมคือปรับให้แหลมดังขึ้นกว่าเดิมในขณะที่ย่านอื่นๆดังเท่าเดิม

จากที่อธิบายคุณคิดว่าการปรับอีคิวนี่ทำให้เสียงผิดธรรมชาติมั้ยครับ

ฟังไปเรื่อยๆ หนทางยังอีกยาวไกล รอให้เรียนรู้และเสียเงิน รหว่างนี้มีโอกาสในชีวิต จงลองฟังให้หมด ของแพงๆของ hiend ของเกรด studio ลำโพงในห้องอัดเทพๆ แล้วจะได้แนวทางเอง

ผมคนนึงที่ชอบปรับ EQ เพราะจะได้เสียงที่เราชอบถูกใจ และ มีความสุข ในการฟังเพลง
แต่ก็เคยคิดไว้แบบเฮียละครับว่า อีกหน่อยหูคงล้าเบื่อกับเสียงปรุงแต่ง จนอยากกลับคืนสู่ธรรมชาติของเสียงเพลงที่ produce มาเองในที่สุด ซึ่งก็จริงอย่างน่าประหลาดใจ เพราะมีแนวโน้มการปรับ EQ น้อยลง คงเข้าใกล้ flat ในไม่ช้านี้อาจจะปีสองปีครับ

ผมว่าในหลายๆคนคงกลัวกับการเปิดEQเนื่องจากฟัง"คนอื่นพูด"มามากน่ะครับ ว่าอย่าเปิดนะ มันไม่ดี อย่าเปิดนะ เดี๋ยวหูเสีย เอาจริงๆต้องลองด้วยต้นเองแล้วจะทราบว่าการปรับEQเนี่ยมันไม่ได้เสียหายอะไรขนาดนั้น เผลอๆฟังเพราะกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เรื่องความชอบ ไม่มีผิดถูกหรอกครับ อย่าแคร์สื่อ หูใครหูมัน

แต่ส่วนตัวผมไม่เคยปรับ เพราะมีความรู้สึกว่าเสียงที่ไม่ปรุงแต่งมันถูกจริตที่สุดแล้ว

แบบที่เฮียพูดเลยครับ
สักวันหนึ่งที่ จขกท โตขึ้น

ความเป็นกลางจะเริ่มเข้ามา

simply is the best ครับ

บางชอบกินน้ำโค้ก แต่วันหนึ่งจะรู้ว่า

น้ำเปล่านี้ละ ถูก ดี มีประโยชน์ที่สุด

การปรับ EQ ไม่ผิดหรอกครับ ตอนฟังในรถผมก็ปรับให้ balance bass/mid/treble มันกลืนกันดีขึ้น แต่เรื่องที่เขาบอกคุณมามันก็คนละเรื่องกับการปรับหรือไม่ปรับ EQ นะครับ

"เค้าบอกว่าถ้าผมฟังแบบปรับ eq ผมจะไม่ได้ประสิทธิภาพของตัวเครื่องอย่างแท้จริง ของ ฮาดแวร์ ถ้าแบบนั้นจะเสียเงินเป็นหมื่นซื้อทำไม สู้ซื้อ แบบ ถูกๆ ไม่กี่พันบาท"

เขาไม่ได้บอกว่ามันถูกหรือมันผิด แต่ถ้าเครื่องมันดี มัน high fidelity การปรับ EQ ก็ทำให้การทำงานมันมีกระบวนการที่ทำให้ drop และเกิดความเพี้ยนได้มากขึ้น ถ้าเป็นพวกนักฟังแบบ purist เค้าจะไม่ปรับ EQ ครับเพราะการเพิ่ม DSP มันทำเกิด bit manipulation มันไม่ใช่ bit-perfect

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ความพอใจของเจ้าของครับ

"เค้าบอกว่าถ้าผมฟังแบบปรับ eq ผมจะไม่ได้ประสิทธิภาพของตัวเครื่องอย่างแท้จริง ของ ฮาดแวร์ ถ้าแบบนั้นจะเสียเงินเป็นหมื่นซื้อทำไม สู้ซื้อ แบบ ถูกๆ ไม่กี่พันบาท"
อันนี้ฟังเสียงเครือง -สาย-ตัวอะไหล่ ...ไม่ใช่ฟังเพลง
-------
ฟังเพลง ชอบอะไร ก็ปรับไปเถอะครับ....EQ มีให้ก็ใช้ไปเถอะครับ
EQ ปรับโทนเสียง ...ทดแทนบางอยางได้...และทดแทนบางอย่างไมได้
อย่างสายสัญญาณ รายละเอียดเสียง EQ มามาปรับทดแทนไมได้
แต่ถ้าโทนเสียง เชนชอบเพลง ร้องเน้นเสียงกลาง .ก็ดันEQ ช่วยได้
------------
bit-perfect มันไมมีจริงหรอกครับ ...เป็นจริงใช้สาย ดิจิตอลอะไรๆ...เสียงก็เหมือนกัน
ลวดโลหะ...ทางเดินสัญญาณ มันไมได้ทำให้ชุดข้อมูลเปลี่ยนไป
แตสายดิจิตอล ..เชน Coax หรือ USB ....แต่ละเส้น /ยีห้อ/วัสดุ....กลับเสียงไมเหมือนกัน

จริงๆหูคนไม่ได้แฟลทหรอกเสื่อมมากเสื่อมน้อย รับรู้ได้ต่างกันต่างกรรมต่างวาระ จะให้ได้ยินเป๊ะเหมือนหู Sound Engineer คงเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งตัวสาย หู เครื่องเล่น ไฟล์ต่างแผ่น ก็เป็นอีคิวในตัวอยู่แล้ว

ว่าจะบอกว่า ห้องอัด ก็ปรับ EQ มาครับ
ฟังให้มีความสุขครับ
อย่ากลุ้มใจไปเลย ฉี่เหลืองเปล่า ๆ

+1 กะท่าน alone ผู้รู้บางคนชอบทำตัวเป็น เทพ ทั้งที่ไม่ดู ว่าแต่ละคน ชอบเสียงต่างกัน

ขำดี ฟังเพลงให้สนุกหูเรา ครับ อย่าไปใส่ใจ คำพูดคนอื่น จนฟังเพลงใม่สนุก

หูเราเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอกครับ ว่าเราควรชอบแบบไหน อ่านไปตลกๆนะ

นี่หูผมเริ่มมีทักษะแล้วหรอนี่555
สมัยมัธยมนี่พยายามปรับeqให้ตรงกับเสียงที่ต้องการ ส่วนใหญ่ปรับแนวบุ๋มตรงกลางข้างๆยกสูง
พอมาตอนมหาวิทยาลัยนี่flatตลอด เพราะซื้อipod classicมาปรับeqมันไม่เพราะ55
จนทุกวันนี้ไม่เคยปรับeqเลย แต่ต้องหาหูฟังดีๆสักอัน ผมว่านะ

เริ่มหัดเล่นหูฟัง ชอบปรับ EQ
พอคิดว่าเล่นเป็นระดับนึง เริ่มไม่ปรับ EQ นาทีนี้เริ่มมีหูฟังหลายเส้น
พอเริ่มมีทักษะมากขึ้นจะกลับมาปรับ EQ อีกครั้ง เพื่อแก้ข้อบกพร่องของหูฟัง นาทีนี้ทุบกระปุกหมูไปหลายลูก

ปรับ EQ ไม่ผิดครับ แต่หลังๆท่านจะแฟลตแน่นอน
ผมก็แฟลต รู้สึกฟัง referrence สนุกกว่าเยอะ รสนิยมล้วนๆ lol

555 คำว่า "หูมีทักษะ" หรือเราเริ่มมี "ทักษะในการฟัง"

คำนี้ผมคิดขึ้นมาเองน่ะครับ เพราะผมคิดว่าคนเราไม่มีใครเก่งกว่าใคร ใครเป็นเซียนกว่าใครหรอกครับ คนเราเท่าๆกันหมด เพียงแต่ใครมีโอกาสได้ฟังมากกว่ากัน หรือฟังน้อยกว่าใคร และสนใจจะฟังมากกว่าครับ 555

ผมเชื่อว่าคนเล่นหูฟัง เวลาเล่นไปซักพัก ถ้าไม่เบื่อหรือเลิกไปก่อน ส่วนมากจะฟังเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นเพราะทักษะในการฟังเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ การจับลักษณะเสียงต่างๆรับรู้ดีขึ้น เริ่มแยกแยะออกดีขึ้น การจดจำลักษณะเสียงดีและความถี่เสียงดีขึ้น เริ่มเปรียบเทียบเป็นด้วยตัวเองยิ่งขึ้น

ขนาดเมียผมไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเล้ยย ผมโยนหูฟังให้ฟังแบบ AB test ทีละคู่ ยังชี้ถูกเลยว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหนน่ะครับ ตอบถูกหมดซะด้วย 555

ห้องเสียงจะมีการคัทอีคิวย่านโลว์ เพิ่มกลาง และแหลมตามสมควร กับเสียงร้อง
เสียงดนตรี และซีเควนเชียล จะมีการเพิ่มลดอีคิวตามความเหมาะสมของแต่ละประเภทดนตรี และคุณภาพของชิ้นดนตรีที่นำมาใช้งาน
(เช่นอุปกรณ์ดนตรีอาจจะพอใช้ได้ แต่อยากให้ความถี่ไหน ความกังวาลมันใกล้เคียงของดีๆแพงๆก็จัดไปทั้งeq/reverb/gate/compress/limiter)
พอผสมกันมาแล้ว ก็ไปผ่าน finalizer อีก
นี่คร่าวๆยังมั่วตั้ว ผสมปนเปขนาดนี้ การที่เรายิ่งไปเพิ่ม eq (ที่โด่งจัดหรือdropเกิน) มันก็เลยปรุงแต่งสิ่งที่ engineer ต้องการนำเสนอให้เข้าป่าเข้าดงไปอีก

เพราะงั้นอย่าหยุดที่จะลองลำโพงที่ดีๆ (เกี่ยวกันมั้ยหว่า) และเป็นไปได้ลองตามหา monitor ที่เค้านิยมใช้ๆกัน ไม่ใช่ว่าต้องแพงเข้าว่า เอายี่ห้อที่นิยมกันนั่นล่ะ

ถ้าใช้ EQ เป็นมันมีประโยชน์มาก
ฝากไว้สำหรับนักเล่นมือใหม่ที่ไม่รู้จัก pink noise และ sine wave sample ลองอ่านดูจะได้ความรู้อย่างมาก

head-fi.org/t/413900/how-to-equalize-your-headphones-a-tutorial
head-fi.org/t/615417/how-to-equalize-your-headphones-advanced-tutorial-in-progress

เทียบกับก๋วยเตี๋ยวละกัน

ถ้าเป็นคนกินทั่วๆไปเวลากินอาจจะชอบปรุง พริก ถั่ว น้ำตาล น้ำปลา อุตลุต

ไม่ถือว่าผิดแล้วแต่ชอบรสชาดไหน

แต่ถ้าเป็นนักชิมมาหน่อย จะไม่ค่อยปรุงละ คืออยากลองชิมรสชาดที่แท้จริง

ปล เกาเหลาเนื้อตุ๋นร้านที่อร่อยๆ นี่แนะนำอย่าปรุงเลยเสียดายรสชาดเขาทำมาดีอยู่แล้ว

เกี่ยวป่าวหว่า

อะไรกัน!...พี่เอก ตี2เอง หิวแล้วเหรอ? (แซวเล่นนะพี่^__^)

ถ้า เปรียบเทียบ กับ รสชาติอาหาร เข้าทางเลย

ผมเป็นคนไม่ชอบกินจืดเกินไป แต่ ชอบกินจัด + ชอบรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองสูง และ ไม่จืดเกินไป แต่ จะ ปรุุงแต่งรสชาติ เอง ตาม ความเหมาะสมของตัวอาหาร รสชาติ จะ MACHING กัน ได้ดี เหมือน หูฟัง + DAC-AMP เช่น ราดหน้า

แม่ผม จะ ใส่เครื่องปรุงจัดเกินจริงไปเลย ทั้ง น้ำส้มสายชู + พริกป่น + น้ำปลา + น้ำตาล มันมั่วไปหมด จนเพี้ยน มัน ไม่ MACHING กัน บุคลิก ราดหน้า เสียหมด

ส่วนผม ใส่ แค่ พริกไทย พอ MACHING กันได้ดีพอดี เป้ะ แล้ว

อาหาร ที่เหมาะกับ คนชอบกินจัด + ชอบรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองสูง ก้ คงจะเป็น ต้มยำ + อาหารอีสาน ลาบ ซกเล็ก อาหาร พวกนี้ ต้องมี พริกป่น + มะนาว คับ ไม่งั้น ไม่ใช่ เอกลักษณ์ของตัวอาหาร

การ MACHING กัน กับ รสชาติอาหาร เป็น เรื่องสำคัญที่สุดคับ

กำลังคิดจะพิมพ์แนวเดียวกับคุณ เอก บางแค เลยครับ
เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวร้านทั่วๆไป เราก็ปรุงให้ถูกปากถูกลิ้นเราน่ะครับ
พอไปกินร้านดังๆดีๆ รสชาดเค้าทำมาดีแล้วก็ควรลองชิมของเค้า
รีบปุงซะก่อนก็ไม่รู้รสชาดที่แท้จริง

ต่างกันที่ก๋วยเตี๋ยวกินชามเดียวจบ อะไรถูกปากมั้ยว่ากันไป
เครื่องเล่น-หูฟัง นี่ฟังกันอยู่ทุกวัน ถ้าไม่ถูกใจแล้วพอจะปรุงให้ถูกใจได้ ก็ปรุงไปเถอะครับ

ไม่ผิดคับ..เมื่อก่อนผมเองก็ชอบปรับEQเหมือนกัน แต่เรื่องแบบนี้พอเวลาผ่านไปความคิดก็อาจเปลี่ยนไปได้บ้างจากประสบการณ์หรือการค้นพบความชอบของตัวเอง ส่วนทุกวันนี้ผมเองเลิกปรับEQไปแล้วคับ ด้วยสาเหตุหลัก3อย่าง(เหตุผลของผมที่ไม่ใช่เหตุผลของอีกหลายคน) คือ

1.ผมคิดว่าโปรดิวเซอร์แต่ละคนนั้น..ไม่น่ามีใครมิกส์เพลงออกมาแบบไม่สนใจความไพเราะของเพลง ซึ่งประโยคนี้..ทุกวันนี้ผมคิดว่าจริงเหมือนเดิม ดังนั้นผมจึงชอบฟังเพลงแแบบต้นฉบับที่เค้าทำมาคับ แต่จะเน้นไฟล์losslessคุณภาพสูงแทน อีกอย่างซิสเท็มแต่ละซิสเท็มที่โชว์ในงานต่างๆ ปกติเค้าก็ไม่ปรับEQกัน แต่บางซิสเท็มผมฟังแล้วกลับรู้สึกชอบมากๆ(ฟังอะไรก็ไพเราะไปหมด) ส่วนบางซิสเท็มผมฟังแล้วไม่ชอบ ผมจึงได้พบคำตอบว่าเหตุที่ผมฟังเพลงแล้วไม่มีความสุขนั้น..ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการปรับEQ แต่คำตอบนั้นอยู่ที่การแมชชิ่งอุปกรณ์เสียงให้ได้แนวเสียงออกมาในแบบที่ผมต้องการมากกว่านั่นเอง การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์แต่ละอย่างในซิสเท็มเสียง ถ้าหากสามารถไปได้ถูกทางในแบบความชอบของเรา..เสียงที่ได้ก็จะถูกใจเป๊ะตามความต้องการของเรามากขึ้นเรื่อยๆคับ ซึ่งมันส่งผลให้เรามีความสุขในการฟังเพลงอย่างมาก แม้จะฟังเพลงในโปรแกรมที่ไม่มีEQให้ปรับอย่างบนเวปต่างๆ มันก็ฟังแล้วรู้สึกว่ามันใช่คับ

2.การปรับEQนั้น จะทำให้ช่วงความถี่ที่อยู่นอกเหนือEQนั้นดรอปไปคับ เช่นสมมุติผมเปิดEQของFoobarที่มีช่วงความถี่55-20000Hz(Enableไว้ แต่เปิดแบบFlat) อันนี้ผมฟังออกว่าเสียงจะทื่อลงและเบสดูเหมือนจะลงได้ไม่ลึกเท่าเดิม และถ้าผมลงเปิดEQของบางโปรแกรมที่มีช่วงความถี่125-8000HZ ผมฟังออกว่าเสียงมันทื่อลงมาก เสียงแหลมจะกุดลง และเบสก็ดูเหมือนกลายเป็นupper bassไป แต่พอผมDisable EQทิ้งช่วงความถี่ของเสียงก็กลับมากว้างเหมือมเดิม เบสก็ลงลึกเหมือนเดิม ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่ผมไม่ชอบปรับEQ

3.ถ้าเป็นไปได้ ปกติผมจะแนะนำให้เพื่อนผมเลิกปรับEQแล้วหันมาให้ความสนใจกับการแมชชิ่งอุปกรณ์ให้ได้เสียงที่ถูกใจแทนคับ(แต่ถ้าเค้าจะปรับEQต่อไป ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันคือความชอบที่เค้าเลือก แต่ผมแค่แนะนำอีกแนวทางให้) เพราะผมถือว่าบุคลิคทางเสียงนั้นเป็นตัวกำหนดเลยทีเดียวว่าแต่ละคนนั้นจะชอบเสียงที่ได้ออกมาหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงบุคลิคทางเสียงนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องความถี่สูงต่ำเหมือนที่ปรับในEQ แต่มันยังมีอีกหลายอย่างเช่น ซาวสเตจ, อิมแพค, อิมเมจ, ไดนามิค, เสียงใส, เสียงจัดจ้านcolor, เสียงอุ่น เนื้อหนาเนื้อบาง ซึ่งEQนั้นไม่สามารถให้ได้นั่นเอง และบางคนก็อาจยังไม่รู้ตัว..ว่าบางทีสิ่งที่ตัวเองรู้สึกว่ามันขาดไปมันไม่สามารถหาได้จากEQ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะสามารถฟังเพลงได้มีความสุขในแนวเสียงที่แต่ละคนชอบ โดยไม่ต้องปรับEQให้ไฟล์เพลงเพี้ยนไปจากต้นฉบับ ก็คือการแมชชิ่งอุปกรณ์ให้ได้เสียงออกมาถูกใจนั่นเองคับ อย่างการเปลี่ยนOpampก็เป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากเช่นกัน มันสามารถทำให้ระบบของผมกลายเป็นระบบที่แย่ที่สุดสำหรับผม และดีที่สุดสำหรับผมได้ด้วยชิปเล็กๆเพียงอันเดียว ดังนั้นทุกวันนี้สำหรับนักDIYความพิถีพิถันในการเลือกอุปกรณ์แต่ละชิ้นมาใส่ในระบบจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะซิมเท็มฟังเพลง ถ้าเลือกมาไม่ถูก ..ฟังแล้วไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่แต่แรกแล้วคับ ถึงปรับDSP,EQสุดท้ายมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ

ปรับอีคิวก็ดีครับ ช่วยพัฒนาด้านไออิวไปในตัว สมองไม่เสื่อมด้วย

แล้วแต่คนครับ ถ้าใครมายุ่งก็บอกไปเลยว่า ปรับ EQ คุณก่อนแล้วกัน

------------------------------------------------------
gclub casino gclub ผ่านเว็บ

เอาตรงๆ ผมว่าถ้าใช้ของถูกๆ แล้วปรับ EQ อันนี้ไม่น่าผิดครับ เพราะเราฟังแค่ชิลๆ ไม่ได้เน้นคุณภาพ

แต่ถ้าเล่นเครื่องเล่นเป็นหมื่น หูฟังเป็นหมื่น ของระดับนี้ มันเป็นระดับเน้นรายละเอียด เน้นคุณภาพแล้วครับ การไปปรับ EQ ที่เครื่อง มันคือการไปทำให้เสียงเพี้ยน แบบอุปกรณ์ระดับนี้จับได้ง่ายมาก ว่ามันฟังดูแย่ลง ไม่ลงตัว เพราะ EQ ที่เครื่องมันเป็นการปรับแบบหยาบ โดยปกติทุกอุปกรณ์ และอัลบั้ม เค้าจะมีการจูนเสียงมาอย่างดีโดย Sound engineer แล้วครับ เพราะฉะนั้น คุณภาพสูงสุดที่เราจะได้ยิน คือ ไม่ปรับโดย Software เลย ให้ Hardware และไฟล์เพลง มันแสดงศักยภาพเต็มที่ ที่สุดของมัน

กรณีที่ใช้ของระดับนี้แล้ว รู้สึกว่าการปรับ EQ ฟังแล้วดีกว่า ไม่ปรับ อันนี้น่าจะก้าวกระโดดมาเร็วไปครับ ถึงฟังไม่ออก ตาม คห. อื่นๆว่า หูเราจะเรียนรู้เอง ว่าอะไรที่มันดีที่สุด เมื่อประสบการ์ณมากขึ้น

สรุป ผมเห็นด้วยกับกูรูที่บอกท่านมานะ ถ้าจะลงทุนด้านการฟังเป็นหมื่น คุณต้องฟังออกก่อนว่า การไม่ปรับ EQ คือ ดีที่สุด ไม่งั้นเสียของครับ

หน้าที่ของ EQ คือมีใว้ชดเชยความถี่ของเสียงที่น้อยไปหรือมากไป เพื่อความพอใจของผู้ฟังครับ
หรืออีกนัยหนึ่งคือ มันมีใว้แก้ปัญหาคุณภาพของเสียงโดยรวมของระบบ ในขณะนั้น
เพราะเราเป็นผู้เล่นกลับ ไม่ใช่ห้องอัด จึงแหกทุกกฎของการฟัง เพื่อความสุขแบบสั่งได้ เอิ๊กๆๆๆ

จริงๆที่ผมแนะนำไป ผมแสดงความเห็นในลักษณะเพิ่มตัวเลือกให้คับ เพราะหลายคนที่ผมเคยแนะนำให้เค้าเลิกปรับEQ..แล้วหันมาลองให้ความสำคัญในการแมชชิ่งที่ให้เสียงในแบบที่เค้าถูกใจแทน ก็มีหลายคนที่รู้สึกพอใจอยู่เหมือนกัน และสำหรับคนที่ฟังแล้วยังไงๆก็ยังไม่ชอบ อันนี้ถ้าเค้าจะกลับไปฟังในแบบเดิมที่เค้าชอบผมก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร แต่ผมแค่อยากให้เค้าได้ลองหลายๆแบบเพื่อเพิ่มประสบการณ์การณ์ของเค้าและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเค้าคับ มันเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ การปรับEQนั้นไม่ผิดคับ..เพราะในคอนเสิร์ตแสดงสดเค้าก็มีการมิกส์การปรับอะไรๆต่างๆอยู่มากมาย เพียงแต่ในสตูดิโอซาวเอนจิเนียร์ก็จะทำมามิกส์มาให้เรียบร้อยแล้ว โททัลบาลานซ์จะดีอยู่แล้วคับ ผมเลยไม่อยากไปยุ่งอะไรตรงนั้นอีก และสุดท้ายผมจึงหันมาสนใจในในเรื่องสภาพแวดล้อมในห้องแทน รวมถึงการแมชชิ่งอุปกรณ์ ส่วนถ้าเป็นพวกDAPหรือมินิคอมโป ถ้าฟังแล้วไม่ชอบอันนี้ก็ปรับEQไปเลยคับ..เพราะมันแก้ไขอะไรเพิมเติมไม่ได้มากนักอยู่แล้ว มันไม่เหมือนกับพวกเครื่องเสียงชิ้นแยกที่สามารถแก้ไขได้หลายจุด

ในคลิปนี้นาที48.30ขึ้นไป ผมเห็นด้วยมากในเรื่องEQ ส่วนวิธีแก้ไขผมอาจจะเห็นต่างไปบ้าง แต่ก็ถือเป็นพวกเดียวกันในด้านมุมมองEQคับ

ถ้าสำหรับผม ฟังแล้วชอบ คือจบครับ ผมชอบปรับ EQ นะ

สรุปว่ายังไม่มีใครตอบจขกทเลย (ผมก็เหมือนกัน ฮาๆๆ) ผมขอตอบใหม่ตามประเด็นของจขกทอีกทีละกันครับ

เค้าบอกว่าถ้าผมฟังแบบปรับ eq ผมจะไม่ได้ประสิทธิภาพของตัวเครื่องอย่างแท้จริง ของ ฮาดแวร์
: การเปิด equalizer จะทำให้ระบบ DSP processing chain มีมาเพิ่มอีก อันนี้ก็แล้วแต่ความฉลาดของ software ด้วย บางรุ่น EQ off กับ EQ on แบบ flat ไม่ต่างกันเลยก็มี แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว EQ off จะฟังดีกว่าครับถ้าหูหรือ player ไม่เพี้ยนจนเกินไป อย่าง iPod รุ่นเก่าๆที่เสียงดีเวลาเปิด EQ มาเสียงแย่ลงไปเพราะ iPod มันดีพอจะฟ้องว่าเพิ่ม DSP เข้าไปแล้วความเป็น high fidelity มัน drop ลงนะ อย่าง Fiio X5 เองพอผมโมปิด DSP ไปทั้งหมดดูก็ฟังเปิดได้ harmonic มากขึ้นเหมือนกัน แต่ของพวกนี้ไม่ลองฟังกับหูตัวเองก็ไม่รู้หรอกครับ

ถ้าแบบนั้นจะเสียเงินเป็นหมื่นซื้อทำไม สู้ซื้อ แบบ ถูกๆ ไม่กี่พันบาท มาปรับ eq เอาคุ้มกว่ามั๊ย
: อันนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวนะ จะคุ้มไม่คุ้มก็แล้วแต่เงินกับความสามารถส่วนบุคคล อย่าง iBasso DX90 ที่กลางแหลมชัดๆปรับ EQ ไปแล้วเบสมาเต็มเลยไหมก็ไม่ขนาดนั้น เพราะ opamp มันให้ไม่ได้ ทำไมบางคนถึงยอมโม player แทนที่จะปรับ EQ ก็เพราะแบบนี้แหละครับ ดังนั้นเรื่องพวกนี้อยู่ที่ความพอใจส่วนตัวกับความรู้ความเข้าใจล้วนๆครับ

ดังนั้นเวลาเจอกันแลกเปลี่ยนความคิดกัน มองเป็นกลางๆไว้ เค้าแนะนำอะไรมาก็รับฟัง อะไรเราเห็นว่าลองได้ก็ลองไปจะได้เรียนรู้ คนที่ทดลองเรียนรู้ในเรื่องใหม่ๆแล้วมาค้านทีหลังเค้าพัฒนาไปได้ไกลกว่าคนที่ค้านก่อนได้ทดลองอะไรนะครับ ถ้าจขกทยังเข้ามาอ่านอยู่ก็ลองหยิบ player คู่ใจไปสักร้านดูแล้วลองปิด EQ หาหูฟังรุ่นต่างๆมาลองดูครับ บางทีคุณอาจจะได้คำตอบโดยที่ไม่ต้องมานั่งตั้งกระทู้บ่นแบบนี้ก็ได้

เครื่องไฮเอนมันก็มี EQ นะครับ
อย่าไปยึดติด ฟังเพราะก็ใช้ได้ พวกที่ฟังไม่เพราะแต่คิดว่าดี มันก็หลอกตัวเองแหละครับ

ผมว่าปรับไม่ผิดครับ มันอยู่ที่เรา อย่าไปซีเรียสครับ
ฟังเพลงให้มีความสุข

แต่ส่วนตัว ผมไม่ชอบปรับนะ เพราะทันทีที่เปิด eq ผมรู้สึกว่ากลางมันจม

พอลองไล่ดันกลางทีละน้อย เสียงร้องกลับมี sibilense

พอลองลดกลางแหลมลง รู้สึกว่าแหลมจะเสียดหูและ

ลดแหลมอีก เสียงร้องนี่ไม่เป็นธรรมชาติเลย

พอลองดันเบส ส่วนมากจะขึ้นมากลบย่านกลาง

เท่าที่ลองมาดันช่วง sub bass อย่างเดียว ผมโอเคสุดและ

รู้สึกฟังสนุกเข้าแนวตัวเอง

แต่ถ้าถามว่าชอบแบบไหน

ชอบแบบปิด eq สุดแล้วครับ -_-

เงินคุณ คุณซื้อมา คุณปรับ คุณชอบ ไม่ต้องสนใจ

เห็นด้วยกับท่าน torhifi ครับ ผมแค่เข้าใจ จขกท เพราะทุกวันนี้ก็ไม่ได้ไปยุ่งกะ EQ เลยนอกจากซนจริงๆ
แบบว่า EQ มีใว้เอามันประมาณนี้ (ชั่วคราว)เล่าไม่จบ

คราวนี้ตอบจริงๆละ

ถ้าเพลงที่ต้นฉบับทำมาดี ก็แค่ขยายเสียงเพลงนั้นให้ดังขึ้นจนพอใจ ไม่ต้องใช้EQ มันคือการจ้างนักร้องคนนั้น
มาร้องเพลงให้ฟังตรงหน้าทุกเวลาที่ต้องการ ในราคาที่แสนถูกจากเครื่องเล่นเพลงของเราที่มี (เสียงไม่ดีก็เปลี่ยนอุปกรณ์ไปเรื่อย)
แล้วท่านจะเข้าใจทั้งหมดด้วยตัวเอง ว่าทำไมสุดท้ายไม่ชอบปรับEQ จะได้ไม่ถาม ว่าปรับ EQ ผิดด้วยหรือครับ
ขอให้มีความสุขกับการได้ฟังเพลงหน้าเวที เพราะมันดีแล้ว ไม่ต้องปรับEQ คร๊าาาาาบ

ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพเป็นก๋วยเตี๋ยวครับ รสชาดเริ่มต้นไม่อร่อย ปรุงให้ตายก็เพิ่มความอร่อยไม่มากหรือไม่ช่วยอะไรเลย กับก๋วยเตี๋ยวรสชาดดีเลิศ ปรุงมันก็จะยิ่งอร่อยขึ้น ประมาณนี้ละครับ

ต้องถามว่าจะไปสายไหนระหว่าง

-Audiophile พวกที่ซีเรียสเรื่องเสียงต้นฉบับ จังหวะ ดนตรี รายละเอียดครบถ้วน กับ

-music lover พวกที่มีความสุขกับเพลงที่ฟัง ไม่สนว่าจะเหมือนต้นฉบับจริงๆ หรือไม่

ดังนั้นการปรับ EQ จึงไม่มีผลกับพวก music lover ครับ เพราะตราบใดที่ฟังแล้วเพราะ รับได้อยู่แล้ว

แตกต่างกับพวก Audiophile ไม่ได้เลย เพราะ EQ มันไปปรุงแต่งเสียงคนตรีให้เพี้ยนจาก ต้นฉบับที่ทำมา

อาจจะเป็นเพราะว่า การปรับ EQ จะทำให้เพลงเพราะขึ้น เพราะเราได้ย่านเสียงที่เราต้องการโดดเด่นออกมา แต่ พอเปลี่ยนเพลง ปุ๊บ บางเพลง ก็ฟังแล้วไม่เพราะ ทำให้ต้องปรับไปปรับมายุ่งยากเปล่าๆ ดังนั้นการฟังแบบเดิมๆที่เซ็ตมาดีแล้ว น่าจะดีกว่า ส่วนการปรับก็มาปรับที่ระบบเครื่องเล่น แอมป์ แดค เอา

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ของซื้อมาเป็นหมื่น ใช้ให้คุ้มเถอะครับ เพราะไม่นานเครื่องรุ่นใหม่มา หูฟังใหม่มา ก็อยากเปลี่ยนแล้ว ใช้ไม่ค่อยถึงอายุขัยจริงสักเท่าไหร่หรอกครับ

EQของFoobar ห่วยมาก...แค่เปิดเสียงก็ทึบแล้วครับ
ปิด EQของFoobar แล้ว ไปตั้งEQของ sound card ใช้ Foobar เล่นเสียงคนละเรืองเลย
-------------
ชวงระยะ4-5 ปีผมเจอมา
เดี๋ยวก็ว่า Dac เพียวๆถึงจะเด็ด
เดียวก็ว่า ต้องมี DSP ถึงจะเจ๋ง
สร้างกระแสเป็นพักๆ
-------------
Audiophile / hiend จริงหรือปลอมก็ไม่รู้
บางทีก้หวานเอาใจหูเกินจริง
กีตาร์คลาสสิค สายเอ็น บางทีก็ใสหวานจนแทบจะเป็นสายโลหะ
ขลุ่ยไมไผ่...ก็ใสหวานจนเเป็นขลุ่ยไม้กลึง
------------
อย่างเพลง ร้อกกระทบไม้- ธเนศ ที่ผมโพส
จะมีกี่คนทีฟังว่าเสียงกระทบไม้เป้นเสียงไม้ไผ่...เสียงมีความรู้สีกวาตัวไม้ที่กระทบกันมันกลวง
ส่วนใหญ่ฟังภาพรวมของเพลง
เรื่องเสียงไม่มีไรถูก-ผิด หรอกครับ....มีแต่ชอบกับไม่ชอบ

จะตอบเหมือนคุณเอกบางแคเหมือนกัน..

จริงๆผมก็เป็นแบบคนที่ด่าจขกทนะ 5555 คือมันเป็นความรู้สึกลึกๆในใจว่า

"จะซื้อมาทำไมแพงๆมานั่งปรับ Eq?" คือถ้าเจอ Player ไรงี้จะเช็ค Eq ก่อนว่า Flat หรือ Off มั้ย ถ้าไม่คือต้องมานั่งปรับ จะดูว่าเนื้อแท้ๆมันเป็นยังไง..

แต่คือก็แล้วแต่คนอะครับ ผมก็ไม่ได้ไปว่าคนที่นั่งฟัง Eq เหมือนกัน นานๆฟังทีผมก็ว่าดี แต่เหมือนเติมผงชูรสไรงี้อะครับ คือเสียงมันดีขึ้นก็จริง แต่ฟังไปนานๆผมก็กลับมาฟัง Flat อยู่ดี

ผมปรับ EQ ไม่ว่าจะฟังจากเครื่อง Sony ZX1 หรือ AK ผมปรับหมด ผมไม่สนใจคนอื่นจะพูดอะไร เงินผม เครื่องผม พอใจจะปรับก็ปรับ คนอื่นจะไม่ปรับก็เรื่องของเขา ซื้อมาเพื่อจะเอามาฟังเพลงผ่อนคลาย ชีวิตเครียดพอแล้ว ฟังเพลงเพื่อความสุข ไม่ได้จะไปทำงานห้องอัดเสียง ไม่ได้จะไปเป็นนักฟังเสียงมืออาชีพ เครื่องเป็นของเรา ชีวิตเป็นของเรา อยากฟังแบบไหนก็ฟัง อยากทำไรก็ทำ ขอแค่ไม่ได้ไปเบียดเบียนคนอื่นก็พอแล้ว

เห็นด้วยกับความคิดที่ 52 ด้วยครับ สำหรับผม ผมปรับหมดแหละ บางทีเพลงนึงกว่าจะจบ ปรับหลายรอบกว่าจะพอใจ

เห็นด้วยกับ ความเห็น 52 อีกคน

แต่บ่อยๆก็ชอบฟัง แบบ flat

กินก๋วยเตี๋ยวไม่ปรุงมาหลายปีแล้ว

แต่ดนตรี บางที อารมณ์มันพาไป

ผมก็ปรับนะ ช่วงที่ยังไม่ค่อยได้เล่นอะไรมาก ตามประสาเด็กซน EQ ในโทศัพท์นี่นั่งปรับเป็นครึ่ง ชม. ฟัง ปรับ ฟัง ปรับ อยู่นั่นแหละ

แล้วก็เหมือนที่เฮียบอก ซักพักผมเริ่มลดลง ตอนนี้ผมฟัง Flat มาหลายปีแล้วคับ

ปล.ผมพึ่งจะมาเล่นหูฟังจริงๆเมื่อต้นๆปีเองคับ เห็น Ak ตัวใหม่ ผมนี่คันอีกแล้ว 555

ผมมองว่ามันเป็นรสนิยมส่วนตัวครับ -_-

หูฟังที่คัลเลอร์..เหมาะฟังเฟลท. งับ
ส่วนหูฟังที่เป็น natutal sound. Eqจำเป็นมักๆ

ผมไม่เป็นแบบนั้น หูฟังที่เป็น natural sound ต่อกับ player ที่ flat ออกมานั้นผมไม่ต้องปรับ EQ เลย แต่ถ้าเจอหูฟังที่ color เยอะหน่อยผมกลับต้องมาปรับจูน EQ ให้เสียงออกมา flat

แต่ player ที่ผมใช้ก็ flat นะครับ ถ้าผมใช้ player color จัดๆคงต้องปรับ EQ แทน

เห็นในเวปนี้บ่อยเลยจะพูดถึงหูฟังที่คัลเลอร์ มันคืออะไรอ่ะ?

มันคือหูฟังสีสดๆ

เมื่อก่อนถ้าไม่ปรับ EQ ผมฟังไม่ได้เลย และต้องปรับแบบตัว V หรือ U เท่านั้น ยิ่งถ้ามีเมก้าเบสยิ่งโคตรชอบ
แต่พอมาเล่นไอพอด เห็นเขาบอกต้องปิด EQ แรกๆเสียงก็ขัดใจ แต่พอฟังไปเรื่อยๆก็ชินและชอบไปเอง
จริงๆทุกวันนี้ผมก็ฟังแบบปรับ EQ(แบบที่เคยปรับ) บ้างเป็นบางครั้งอยู่นะ(กรณีที่ฟังจากเพลเยอร์อื่นที่ไม่ใช่ไอพอด)
ส่วนตัวแล้ว ถ้าต้องการอยากได้ยินเสียงใกล้เคียงกับที่มาจากสตูดิโอ ผมว่าก็ควรจะปิด EQ ครับ

ในมุมผมนะครับ ใครเห็นต่างผมออกตัวไว้ก่อนผมเคารพในความคิดนะครับ และจะเป็นการดีที่ได้แลกเปลี่ยนทัศนะกันด้วยนะครับ
เข้าเรื่องครับ EQ ต้องเข้าใจว่า มันมีหน้าที่ไว้ทำอะไรมากกว่าครับ EQ มันมีไว้แก้โทนัลบาล๊านส์ครับผม EQ ไม่สามารถช่วยได้เลย ถ้าอุปกรณ์เครื่องเสียงมันมีรูปวงที่ไม่นิ่ง คุมเบสไม่อยู่ คราง หรือแหลมด้านสากเสี้ยนเยอะ เสียงร้องแบนแห้ง แยกชิ้นดนตรีไม่หลุดออกเป็นรูปวงดนตรี ในกรณีที่สมมุติเสียงชุดคุณมันมีอาการแบบเบสคราง คุณลดเบส เสียงก็ยังครางอยู่แหละครับ แต่มันแค่เบาลง ไม่ใช่เก็บตัวไวขึ้น หรือลงได้ลึกขึ้น หรือมีมวลใหญ่สเกลโตขึ้น

ประโยชน์ของอิคิว เอาง่ายๆสมมุติคุณแมทย์อุปกรณ์ทุกอย่างแล้ว แต่ทว่าโทนัลที่อัดบันทึกมาของไฟล์เพลงที่คุณจะฟัง หรือชื่นชอบ มันมีโทนัลไม่สมดุลย์หละครับ เช่นแหลมมาเยอะเกินไปหน่อย จุดนี้แหละครับ EQ เป็นคำตอบ เครื่องเสียงคุณทั้งชุดบุคลิกยังเหมือนเดิมถ้าคุณใช้ EQ ปรับโทนัล แต่ถ้าคุณเปลี่ยนด้วยสาย ไม่ใช่เฉพาะโทนัลที่เปลี่ยนนะครับ สปีดเสียง แนวเสียง เปลี่ยนไปเยอะกว่า EQ ครับ

สำคัญคือตรงนี้แหละครับ EQ มันเป็นเครื่องมือชิ้นนึงที่ต้องรู้ว่าเวลาไหนควรใช้ หรือเวลาไหนไม่ควรใช้ครับ ถ้าคุณกำลังลองชุดเครื่องเสียงอยู่ เทสอุปกรณ์ ไม่ควรใช้มันครับ และไฟล์เพลงที่คุณใช้เทส ต้องเป็นไฟล์ที่เหมาะสม คือบันทึกเสียงดี อัดมาจากเครื่องดนตรีจริงๆไม่ใช่คอมพิวเตอร์สังเคราะห์มานะครับ ตรงนี้คุณจะจับบุคลิกเครื่องเสียงได้ชัดขึ้น ซึ่งตรงนี้ไม่ควรยุ่งกับ EQ ครับ แต่ถ้าคุณชอบมันทุกอย่างจริงๆ อยากจะซื้อมัน ติดแค่โทนัลมันมีย่านใดย่านหนึ่งมี "ปริมาณ" มากเกินไป EQ ได้เลยครับ หรือคุณซื้อมันมาแล้ว มันพอดีทุกอย่าง แต่พอคุณมาเล่นเพลงโปรดบางอัลบั้มแล้วโทนัลมันออฟไปหละ อันนี้ก็ EQ ไงครับ

แม้แต่เครื่องเสียงชุดเดิม แต่คุณฟังที่ระดับวอลลุ่มต่างกัน เสียงมันก็ไม่เหมือนกันแล้วครับ ถ้าคุณเปืดเบาๆ ยังไงๆเบสกับแหลมก็หายครับ ถ้าจะให้เสียงมันมีโทนแบบตอนเปิดวอลลุ่มปรกติ คุณก็ต้องดึงอิคิวเป็นตัว U-V ครับ

แล้วเวลาไหนควรเปลี่ยนเครื่อง หรือ จะบอกได้อย่างไรว่าเครื่องที่เรามีมันไม่ใช่หละ ก็เวลาที่อาการมันเป็นเบสคราง หรือรูสึกมิติมันไม่ดีพอ ไม่นิ่งพอ แหลมเนื้อมันสากเสี้ยนเยอะ กลางแบนสากไม่เนี่ยน หรือว่ามีอาการคลิฟ รู้สึกจังหวะเสียงช้าไป เป็นต้นครับ ตรงนี้เป็นอาการของ " คุณภาพ " ที่ไม่ตรงสเปค หรือไม่ถึงขั้นครับ ส่วน EQ มันเป็นในแง่ "ปริมาน" ครับ

ถ้าคุณยึดหลักชาตินี้ไม่ปรับอะไรเลย ไปดูลำโพง control moniter พวก JBL ยังมีปุ่มปรับกลางปรับแหลมให้เหมาะกับสภาพห้องเลยครับ หรือห้องของ sound engineer ยังมีการปรับ eq แก้โทนัลเวลาทำ remaster ถ้าคุณยึกหลักชาตินี้ไม่ปรับอะไรเลยทั้งนั้น เพลงที่คุณฟังแล้วอาจจะมีความสุข อาจจะเป็นเพลงเทสเครื่องเสียง หรือ เพลงที่อัดดีๆแต่คุณค่าเชิงดนตรีไม่มีอะไรเลย นะครับ ส่วนนี้ผมมองว่าไม่มีใครจะซื้อเครื่องเสียงเพื่อมานั่งฟังแต่เสียงคนปรบมือ ฟ้าผ่า หมาเห่า เสียงใบไม้กระทบพื้น ทั้งวันนะครับ ถ้าคุณเข้าข่ายกลุ่มนี้ คุณไม่ได้ซื้อเครื่องเสียงมาฟังเพลงครับ คุณซื้อมันมาทำวิจัยว่ามันมีดีไซน์อะไรผิด หรือซื้อมาประเมินประสิทธิภาพครับ ดังนั้นผมมองว่า มันจะดีที่สุดถ้ารู้ว่ามันมี EQ ไว้ทำไม และใช้ให้มันถูกจุดครับ ถ้ารู้สึกว่าไม่ต้องใช้ ก้ไม่ต้องใช้ครับ ถ้ารู้สึกว่าต้องใช้ ก็ใช้ครับ ดูเป็นเคสๆไปครับ

เพลงนี้ชอบเสียงนกร้อง....ฝีมือสุดๆ

นั่งปรับ EQ ของ AK300 แล้ว งง ดันไม่มี preset มาให้ด้วยใครพอจะช่วยได้บ้างครับ

ผมคนหนึ่งที่ชอบปรับ บางเพลงไม่ปรับดีกว่า บางเพลงจากที่ไม่ชอบฟัง พอมาปรับแหลม นิด กลางหน่อย หรือเบสอีก ทำให้เพลงน่าฟังขึ้นเยอะ บางทีเสียงที่เที่ยวตรงจากห้องอัด อาจไม่ถูกใจคนหลายคน ผมใช้ eq เพื่อการนี้หละครับ เราฟังเพลงของเรา มีความสุขของเราก็พอ ไปฟังคนอื่นมากๆ จะคิดมาก พาลให้ฟังไม่มีความสุขมากกว่า 

ผมเป็นคนที่ฟัง flat ไม่เคยปรับเลย
แต่ผมว่าปรับไม่ปรับ eq นั้นเป็นความชอบส่วนบุคคล ไม่น่าจะผิด เราชอบอะไร player เราหูฟังเราก็ปรับตามใจเราชอบครับ

Dap ของของเราเอง หูก็ของเราเอง ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องยังไง ก็ขอเรียนรู้ไปเอง เลือกที่ชอบเอง

แต่บางทีฟังแบบที่เราชอบกลับโดนกูรู (บางคน) หาว่าหูเสีย รสนิยมต่ำตมก็มีนะครับ ปวดใจ 55555555

กระทู้มีสาระควรค่าแก่การขุดมากครับ
ผมเป็นหนึ่งคนที่เคยได้ยินเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนมัทยมต้น (20กว่าปีมาแล้ว) พูดว่า “เฮ้ย คนฟังเพลงเป็นเค้าไม่ปรับEQกัน!” เหตุการวันนั้นผมยังจำได้จนทุกวันนี้ และก็เหมือนจะโดนกดสวิชอะไรไม่รู้ที่ฝังอยู่ในหัว ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ผมจะฟังเพลงแบบไม่ปรับEQถ้าผมฟังจากคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นพวกเอฟเฟคโหมด Hall/Studio/Stadium อะไรแบบนั้นคือผมจะปิดลูกเล่นพวกนี้หมด

แต่ถ้าฟังบนรถ ผมปรับEQ ตลอดจนกว่าผมจะพอใจ ซึ่งจะปรับลดอยู่สองตัว คือ Bass/Treble 

อันที่จริงแล้วผมมองว่าการปรับ EQ ไม่ผิดอะไรครับ ใครชอบเสียงแบบไหนก็ปรับแต่งให้ได้ตามนั้นครับ เพราะผมก็ปรับเบส/แหลมเวลาฟังบนรถเหมือนกัน

จะมีเรื่องที่ผมยังไม่เข้าใจ แต่ได้ยินบ่อย คือมักจะมีคนใช้พูดคำว่า “เสียงตามต้นฉบับ/แบบที่sound engineerต้องการให้เราได้ยิน” คือผมไม่เข้าใจเพราะห้องอัดใช้อุปกรณ์และลำโพงมอนิเตอร์ไม่เหมือนเรา การที่เราเอามาเล่นกลับในชุดของเรา ยังไงก็น่าจะไม่เหมือนกับต้นฉบับ100%อยู่ดี ยิ่งถ้าเป็นนักเล่นประเภทไม่ปรับEQแต่ต้องหาอุปกรณ์ให้แมทชิ่ง คือตัวนี้อุ่น ตัวนั้นสว่าง สายนี้เพิ่มเบส สายนี้กลางแหลมจัด ปลั๊กนี้ไดนามิกดี และอื่นๆ ผมก็เลยไม่เข้าใจว่ามันจะเหมือนกับ “ต้นฉบับ” ได้ยังไงอะครับ? เพราะพฤตติกรรมการแมชชิ่งและสรรค์หาอุปกรณ์มันก็คือหาสิ่งที่แมชชิ่งกับหูของเราอยู่ดี และต่างคนก็ต่างรสนิยมกันไปหนะครับ

ปล.1: ชอบเพลงของ ธเนศ ใน คห.35 มากครับ ไม่ได้ยินมานานมากๆแล้วครับ สมัยเด็กๆผมฟังเพลงนี้จนร้องตามได้ แต่เพิ่งจะมาฟังความหมายก็จากกระทู้นี้เองครับ 

ปล.2: ชอบความเห็น62ของคุณ hvk รู้สึกว่าได้สาระและอธิบายให้นึกภาพตามได้ดีมากเลยครับ 

เห็นด้วยกับ คห บนจ้า

 

อยากได้ยินเสียงแท้ๆ ที่ซาวด์ เอ็นจิเนียร์ คนแต่งเพลง นักรอง บลา.....บลา...บลา อยากให้ได้ยิน

 

แต่พอเสียงไม่ได้ ก็เปลี่ยน สาย หู เครื่องเล่น แดก แอม บลา...บลา... เพื่อเพิ่มเบส เพิ่มแหลม แล้วแต่จะปรุงจะชอบ แล้วอะไรคือเสียงแท้ของมันกันล่ะ ??

(ยกเว้นเปลี่ยนเพื่อเอารายละเอียดเสียงมันออกมา)

 

สรุปเราก็อยากได้โทนเสียงที่เราชอบนั่นแล 555

 

คหสต อยากปรับก็ปรับตามใจชอบครับ ให้ผลลัพท์คือความสุขความพอใจพอ

Ex.

เสียงเดิม เสียงแท้ ฟังแล้วมี ความสุข

เสียงปรับ EQ ฟังแล้วมี ความสุข

ผลลัพท์คือ ความสุข จบครับ ฮ่าๆๆๆ

จะฟังอย่างที่ชอบก็ไม่ได้ กูรูเค้าไม่ยอมรับ มันน่าปวดใจนะครับ ถ้าพัฒนาตัวเองไปฟังให้ถูกต้อง ตามที่กูรูแนะนำเป๊ะๆ ก็คงฟังได้อยู่ไม่กี่เพลง เพราะเพลงส่วนใหญ่ก็อัดมาไม่ดี ไอ้นู่นไม่ได้ ไอ้นี่ไม่ได้ ส่วนมากก็คงได้ฟังแต่เพลงทดสอบเครื่องเสียง เพลงฮิตๆอยู่ไม่กี่ track น่ะแหละ ฟังอยู่เพลงเดิมๆแล้วเปลี่ยนระบบทดสอบไปเรื่อยๆ 

ใช่ครับ คุณ bonus79 แทบไม่มีทางที่เราจะได้ยินเสียงเหมือนต้นฉบับ 100% ได้เลย แม้กระทั่งคนบ้ากราฟ FR เวลาซื้อหูฟังแล้วต้อง flat แค่เปลี่ยน player กราฟก็คนละกราฟแล้ว แล้วคุณรู้ได้ไงว่าตัวเองได้ฟังเสียงในกราฟแบบเดียวกับที่ผู้ผลิตแปะไว้หน้าเว็บ เขาแปะหน้าเว็บใช้เครื่องมือวัดพิเศษมาวาดกราฟอีก ถ้าอยากได้กราฟเป๊ะๆนี่ ต้องไปซื้อเครื่องมือวัดหูเทียมมาเทียบตลอดครับว่าได้กราฟเป๊ะๆถูกใจเหมือนตอนอ่านรายละเอียดหน้าเว็บมั้ย

ตอนนี้ผมฟัง flat ไปนานๆ พอไปปรับ eq ดันฟังไม่ได้เลยคับ หูเริ่มชินกับ flat ไปแล้ว