ชุดฟังเพลงจะเป็นไงไม่รู้ แต่ที่รู้ถ้าขืนยังเล่นแบบตอนนี้ อีก 7ปีคงได้กินครี่แทนข้าว อิอิ

ไม่ต้องถามอนาคตครับ แค่ถามคนในอดีต หลายๆคน ยุคตอนที่ร้านมั่นคงมีสาขาเดียว ก็จะรู้คำตอบครับ

ผมเล่นหูฟังตอนปี 2007. ตอนนั้น Grado GS-1000 เป็นอะไรที่แบบว่า ที่สุดของโลกหูฟังแล้วในจิตนาการผม ถ้าได้ครอบครอง จะไม่ขอสิ่งใดเลย แอบคิดในใจ หูฟังราคา3-4 หมื่น ใครมันจะกล้าซื้อ.

สักพักเฮียนำเข้า I-Qube V.1 เข้ามาขายราคา เกือบ2หมื่น แม่เจ้า ใครจะกล้าซื้อว่ะถามจริง แอมป์ตัวเท่าฝ่ามือ 2หมื่น

ตามมาด้วยสาย ALO super cotton. สายยาวเท่านิ้วก้อย เกือบหมื่น.

ตอนนี้ปี 2016. ผ่านมา 9ปี ดูเอาครับ AK380cu , LCD4 , Woo 234 และอื่นๆอีกเพียบ

ถ้าถามอีก 7 ปีข้างหน้า ผมว่าหูฟังไร้สายจะมีบทบาท อย่างเต็มที่แน่นอนครับ

CIEM แบบไร้สาย มีBT หรือระบบเชื่อมต่อที่ดีกว่า Bluetooth
มัลติไดเวอร์ ใส่ได้ 20BA

เอาแบบนั่งทางในนะครับ 555

ผมเดาว่าทุกอย่างจะไม่มีสายครับ หูฟังที่มีสายจะเป็นของประหลาดและวินเทจไปแล้วในตอนนั้น และถึงตอนนั้นพวกแอมป์พวก dac พกพาน่าจะเลิกกันหมด เหลือแต่ Music Player ที่ไฮเอนด์มากๆ(พวกเล่นเพลงได้แบบทั่วไปไม่น่าจะอยู่ได้) พวก DAP ไฮเอนด์จะมีการพัฒนาในเรื่องเสียงแบบสุดขั้ว ไม่มีการเก็บไฟล์ในเครื่องอีกต่อไป แต่เก็บใน cloud ของแต่ละคนแบบจ่ายรายเดือน

ส่วน Smart Phone จะทำทุกอย่างได้หมด และเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ อาจจะมี Smart Phone ที่ออกแบบเพื่อการฟังเพลงแบบออดิโอไฟล์แต่จ่ายแพงกว่าอะไรทำนองนั้น 555

น้ำจะท่วมฟ้า...ปลาจะกินดาว...

เห็นด้วยกับคุณเฮียนายมั่นคง ว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดแน่ แต่คิดว่าไม่ใช่ภายในเวลา 7 ปีข้างหน้าแน่นอนมันเร็วไป ไม่เชื่อถ้าอีก 7ปี ข้างหน้าเกิดเป็นจริงๆ ให้ใครอมอะไรก็ได้มาพ่นใส่หน้าได้เลย อิอิ

ว่าแต่แล้วตอนนั้นร้านมั่นคงจะขายอะไรละ พวก toxic DHC Beat คงตกงานกันหมด อิอิ

ผมขอเดาต่อจากเฮียไปอีกขั้นครับ
หูฟังจะเป็นแบบไม่มีสายเลย เป็นแค่ก้อนสองอันเสียบหูซ้ายขวา หรือมีแค่เชือกผูกเอาไว้แขวนคอกันหล่นหายเท่านั้น แล้ว dap dac amp จะไม่มีแล้ว ทุกอย่างจะถูกยัดอยู่ในหูฟังหมดเลย ตัวหูฟังจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยตรง ผ่านสัญญาน 8G เพื่อฟังไฟล์ที่ stream ตรงจากบริการ music server แล้วสั่งงานหูฟังด้วยเสียง แล้วใช้โทรศัพท์มือถือเป็นแค่จอเพื่อจัด play list.. แค่นี้ก่อนครับ ขอตัวไปรับยาช่องสามก่อนครับ

แล้วคนจะต้องสอยมะเขือกิน...

หูฟังไร้สายเป็นอุปกรณ์มาตราฐาน-หูฟังมีสายเป็นของพวกหูทอง

PK-2 ยังคงขายดี, VE Monk +7 ออกจำหน่าย

็HD650 ก็ยังมีคนนิยม, MS1 กับ Grado รุ่นสุดท้าย เพราะป๋าจ๊อดทำขายเองแล้ว
็HIFIMAN ผลิตสายสัญญาณ, Sony ZX5 ราคาห้าหมื่น

ออกแผ่นเสียงมั่นคงมั่นใจ

พวกไร้สายจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ผมว่าพวกมีสาย ยังไม่หมดไปง่ายๆ แน่ๆ ดูอย่างลำโพงไร้สายสิ ถึงจะเข้ามามีบทบาท แต่พวกมีสายก็ยังอยู่ การ matching ของพวกนี้ มันเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างนึง พวกลำโพงไร้สาย ผมก็เห็นว่ากระแสมันเริ่มคงตัว แถมเริ่มจะถอยๆนิดๆแล้วด้วยซ้ำ

ในอนาคต อยากให้มีแบบ Fiio X7 เข้ามาเยอะ คือ Dap เปลี่ยนโมดูล Dac หรือ Amp ได้แบบสะดวกๆ แบบต่อเข้าล็อคพอดี ไม่ต้องใช้สายรัด อาจจะคิดช่องต่อมาตรฐานขึ้นมาโดยเฉพาะเลย อะไรประมาณนี้ครับ

แต่ถ้าจะเอาแบบจริงๆจังๆเลย ผมว่าหูฟังมีสายยังคงจะมีอยู่ไปถึง 20 ปีอย่างต่ำ แต่มันจะไม่ใช่ของร่วมสมัยอีกต่อไป เหลือแต่คนกลุ่มเล็กๆเล่นกันแบบเครื่องเล่นแผ่นเสียงน่ะครับ 555 แต่ยังไงก็ยังคงมีแน่นอน

ส่วนการฟังเพลงผมว่าจะต้องเสียเงินกันแบบเหมา คือจ่ายกับองค์กรอะไรซักอย่าง แล้วสามารถเรียกเพลงฟังได้ทุกค่าย ทุกศิลปิน จ่ายมากฟังมาก จ่ายน้อยได้ฟังน้อยว่างั้น 555 ดึงเพลงจากอากาศมาฟัง ความละเอียดสูงขึ้นจนถึงขีดสุด (จริงๆมันมีแล้ว แต่อีก 7 ปี ผมก็ว่าไม่น่าจะเปลี่ยนอะไรไปได้มากกว่านี้ครับ)

ไม่ว่าการฟังเพลงจะเปลี่ยนไปยังไง พวกเราก็ยังจะกิน "มาม่า" กันต่อไปครับ 55555

#ขอสตังจงสถิตอยู่กับท่าน

ในมุมมองของผม
1. DAP แนวโน้มอนาคตคงจะเป็น Android ระบบเปิดเหมือนพวกมือถือที่ฟังเพลง Streaming ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ หรือเล่นได้เหมือนมือถือนั่นแล่ะ แต่คุณภาพเสียงดีกว่า ทั้ง การเชื่อมต่อ bluetooth และ WIFI จะให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นไปอีกใกล้เคียงกับการต่อสายเล่น
2. Apple อาจจะโดดมาเล่นในกลุ่มของ DAP แบบ Hi-end บ้าง นอกเหนือจาก iPod โดยอาศัย IOS ที่เป็นจุดแข็งของตัวเอง และบริการเพลง online ของตัวเองเป็นกลไกลสำคัญ แต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายเจ๊ทิมเค้าด้วย
3. DAP ที่เป็น Smartphone ด้วยเริ่มจะมีให้เห็นมากขึ้น กลับข้างกับปัจจุบันที่ใช้ Smartphone เป็น DAP
4. ตัวชิพหน่วยประมวลผลของ DAP จะเร็วขึ้นมาก ตัวชิพ DAC จะให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นไปอีกทำให้ DAP ประมวลผลไฟล์เพลงที่มีความละเอียดสูงๆได้ในเวลารวกเร็วขึ้น
5. ไฟล์เพลงระดับ Hires จะแพร่หลายทั่วไปจนเป็นปกติ คล้ายๆกับสมัยที่คนเริ่มรู้จัก mp3 ในขณะที่หน่วยความจำใน DAP จะรองรับความจุได้มากขึ้นระดับ Terrabyte

ผมก็ควรจะเริ่ม ขาย CD ทิ้งได้แล้วสินะ เศร้าจริง 555

จำได้แม่นว่า เมื่อสิบกว่าปีแล้วตอนเรียนจบ ผมขายเทป ที่ซื้อมาฟังตั้งแต่อายุประมาณ 15 ทั้งหมดเป็นเพลงสากล ตอนนั้นราคาเทปอยู่ประมาณ ม้วนละ 90-100 บาท เป็นร้านที่รับซื้อเทปลิขสิทธิ์ทุกวงไม่สนแนวหรือศิลปิน ผมขายไป 200 กว่าม้วน ในราคา -90% เอาเป็นว่า ได้ม้วนละ 10 บาท 555

ในขณะเดียวกัน ผมก็ขายการ์ตูนลิขสิทธิ์ ทิ้งในลักษณะเดียวกัน คือรับหมดขอแค่ไม่บวมน้ำ ตอนนั้นการ์ตูนเล่มละ 35 บาท ผมขายไปน่าจะเกิน 500 เล่ม

ที่เศร้าและช็อคสุดๆ คือ ขายการ์ตูนเล่มละ 35 ได้ราคา 10.5 บาท มากกว่าเทปอีก 50 สตางค์ ทุกวันนี้บางเรื่องที่ชอบๆ แล้วมันมาพิมพ์ใหม่ ก็ไปตามซื้อกลับมาเล่มละ 50 กว่าบาท นี่สินะชีวิตผม 555

ผมคงกำลังจะเจอวงจรนี้กับ CD แล้วสินะ

อนาคตอาจจะไม่ต้องใช้หูฟัง ยิงความถี่เสียงเข้าสมองโดยตรง ให้สมองแปลเป็นสัญญาณเสียงและภาพ มโนล้วนๆครับ 555

เคยดูหนังเรื่องหนึ่งนานมากแล้ว เขาบอกอีกหน่อยในอนาคตคนจะมี sexกันทางจินตนาการ ไม่รู้จะเป็นจริงได้แค่ไหน ทำอย่างนั้นพ่อค้าดิลโด้ต้องแย่แน่ๆเลย อิอิ

ผมขายซีดีเพลงทั้งหมดเกือบ 1000 แผ่นไปเมื่อ 10 ปีก่อนแล้วครับ พอเข้าสู่ยุคไฟล์เพลงผมก็ไม่ได้ใช้เครื่องเล่นซีดีอีกเลย แต่นึกๆๆแล้วเสียดายเหมือนกัน 555

ตอนนี้ผมเหลือแต่ซีดีของคาราบาวทุกชุดที่ยังไม่ยอมขาย ยังเก็บไว้อยู่เลยครับ 555

ผ่านไป 1 ปี ขุดขึ้นมาอ่านครับ

ตอนนี้หูฟังแบบไม่มีสายเลย (สองก้อนเสียบหูสองข้าง) เริ่มออกมาหลายยี่ห้อแล้ว รอแค่เมื่อไหร่มันจะเล่นเพลงได้ในตัวเองโดยไม่ต้องมี player แล้วยังเชื่อมต่อกับหูฟังคู่อื่นเพื่อฟังเพลงพร้อมกันได้ด้วย หรือวันไหนเบื่อๆก็ฟังข้างละเพลง ซ้ายคลาสสิก ขวาเมทัล ก็เพลินดีนะ

ว่าแล้วก็สูดกลิ่นลาเวนเดอร์อีกซื้ด....

1. หูฟังไร้สายสั่งงานด้วยเสียง และมี built in Player(Cloud), DAC, AMP เทพ ในตัว
2. ตัดเสียงรบกวนด้านนอกได้ตามต้องการ
3. แต่หากอยากได้ยินเสียงด้านนอกก็สั่งได้โดยยังใส่หูฟังอยู่
4. สาย upgrade อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป

เพราะจริงๆสิ่งที่เราต้องการคือการได้ยินเสียงที่ดีเท่านั้น พวกอุปกรณ์ ที่เราใช้อยู่มันเป็นแค่เครื่องมือเพื่อให้เราได้ยินเสียงเหล่านั้น

เมื่อใดมีเครื่องมือที่ดีกว่าออกมา เครื่องมือรุ่นเก่าๆก็ สูญหายไป

แต่จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งหันไปฟังเพลงแบบ Vintage กันมากขึ้นเพื่อซึมซับ อารมณ์ เพลงแบบดั้งเดิม

ผ่านไปแล้วหนึ่งปี ที่เห็นได้ชัดเลย

- คือคนใช้มือถือฟังเพลงกันมากขึ้น
- ใช้แอพสตรีมมิ่งจ่ายรายเดือนฟังเพลงกันมากขึ้น
- สายหูฟังรุ่นสูงๆราคาแพงขึ้นกว่าปีก่อนมาก (โดยเฉลี่ย) 
- DAP ยังขายได้อยู่เรื่อยๆ แม้ราคาจะไปไกลแค่ไหนก็ตาม
- มีหูฟังจีนคุณภาพดีในราคาล่างค่อนกลาง มีตัวเลือกมากขึ้นที่จูนเสียงมาได้น่าประทับใจ

ผมคิดว่า CIEM น่าจะผลิตแบบ ฝังชิปเข้าไปในแก้วหูแล้ว (และใช้พลังงานไฟฟ้าจากสมองไม่ต้องชาทแบตเป็นตัวควบคุม) ราคาขั่นต่ำอยู่100K+ ต่อ1ข้างครับ (ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนชิปไดเวอร์แบบ BA ที่ใส่เข้าไปด้วย ขิปBA จำนวนมากก็ยิ่งแพง) มันจะมีขนาดเล็กมากยิ่งกว่า นาโนเป็นแบบ Super Super nano สั่งการเปิดปิดด้วยการดึงติ่งหู2ทีเหมือนดับเบิ้ลคลิกที่เมาส์ และที่น่าตกใจมากคือไม่จำเป็นต้องใช่ DAP อีกต่อไปแต่จะเป็นการเก็บไฟล์เพลง โดยการฝังชิปไว้แถวๆ หนังหัว แล้วใช้ผลึกใยแก้ว เชื่อต่อกับสมองซีกซ้าย เวลาจะฟังเพลงมันจะแสดงผลเป็นภาพผ่าน รูม่านตาของเราออกมาครับทำให้เห็นภาพซ้อนคลายๆจอภาพเล็กๆ(แต่คนอื่นมองไม่เห็นนะครับมีเราเห็นอยู่คนเดียว เวลาเลือกเมนูก็ใช้สมองเรานึกเอาครับว่าจะเล่นเพลงอะไร ส่วนเรื่องจะเอาข้อมูลเข้าไปในชิปที่ฝังอยู่ในสมองก็เพียงแค่เปิด wifi จากมือถือหรือคอมพิวเตอร์แล้วทำการดาวโหลดไฟล์เพลง เข้าไปเลยครับ (ส่วนราคาของค่าชิปที่ฝังอยู่ในสมองก็ขึ้นอยู่กลับ ความจุของเม็มด้วยครับ ยิ่งความจุมากก็ยิ่งแพงครับ ราคาขึ้นตำน่าจะ 300k+ครับ) 

ปล ผมดูสาระคดีมากไปครับ อิอิ

ผมว่า เครื่องเสียงไฮไฟ ระดับซีเรียส จะกลับมาเป็นตัวๆตู้ๆ คอนโซลมาเต็ม
มีการเล่นแผ่นเสียงอย่างจริงจัง ลำโพงฟังเพลงแบบตู้ไม้ หรือ วัสดุล้ำๆ แต่รูปทรงยังเป็นตู้

ห้องนั่งเล่นมีโซฟา กับคอนโซลเครื่องเสียง จะเป็นภาพของห้องรับแขกไฮโซ
ถึงจะมีระบบเพลงสตรีมกันหมดแล้ว แต่ก็ต้องมีคอนโซลมารับคำสั่งและส่งเสียงออกลำโพงในห้อง

ผมคิดว่า อีก 7ปีข้างหน้า
ทุกคนก็ยังใช้รูหูในการฟังเพลง แล้ว ตัวขับเสียงกะยังใช้ดอกลำโพงหรือไดร์เวอร์
ส่วนเรื่องไฟร์การไฟังจะ น่าจะมีพัฒนา อะไรมาใหม่ใหม่กันอยุ่ตลอด ตามยุค

ส่วนเรื่องการฟังเพลงน่าจะเปลี่ยนเป็นการฟังเพลงแบบแข่งขันกันแบบ คนฟัง ฟังกันแบบฟรีฟรีมากกว่า  พวกเวปสตรึมอาจจะได้เงินจากทางอื่น ใช้เช่นการโมษนาในรูปแบบต่างต่าง  ส่วนเจ้าของเพลง น่าจะได้เงินจากการ โชว์ตัวหรือ เล่นสด ตามที่ต่างต่าง  แทน  

มโนล้วนล้วน

มาดูข้อคิดเห็นของ Tyll เกี่ยวกับหูฟังในอนาคตกันครับ ^^



https://youtu.be/B7A5qSoULBU

ใกล้จะครบ2ปีแล้วนะครับ

จะสองปีแล้วหรอเนี่ย รู้สึกได้ว่ามันเป็นไปในทิศทางที่เฮียคะเนไว้มากๆครับ สงสัยเฮียจะเป็นผู้สามารถข้ามกาลเวลาได้ อิอิ 

20BA ยังไม่มี แต่ก็มา 18 driver ละ 5555

DAP ที่เป็นสมาร์ทโฟนยังไม่มีเพิ่มเติมนอกจาก Granbeat ยิ่งไปกว่านั้น สมาร์ทโฟนเป็น DAP ยังมีจำกัดอยู่แค่ค่าย LG, Vivo, meizu ที่ยังไม่ตัดช่องหูฟังทิ้งและมี dedicated DAC/AMP นอกนั้นก็โบกมือลาไปเกือบหมดแล้ว

Android ระบบเปิดก็ยังไม่แพร่หลายนัก มีแค่ hiby fiio ibasso onkyo

ส่วนที่ว่า "เหลือแต่ Music Player ที่ไฮเอนด์มากๆ(พวกเล่นเพลงได้แบบทั่วไปไม่น่าจะอยู่ได้)" สุดท้ายก็ยังขายได้อยู่เรื่อยๆแหะ พวก sony lotoo Ak ก็ยังคงคุณลักษณะเดิมๆอยู่ 

ลุยต่ออีก 5 ปี 5555+

เห็นด้วยกะเฮียเรื่อง Cloud Storage ที่จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวผมเองปัจจุบันก็เก็บและเล่นเพลงทั้งหมดบน onedrive ผ่านสมาร์ทโฟนแล้ว dap อีกหน่อยน่าจะขายยากหากยังไม่สามารถใช้งาน internet นอกสถานที่ได้ และน่าจะถูกสมาร์ทโฟนเข้ามาแทนที่แบบเบ็ดเสร็จในอีกไม่นาน 

ส่วนหูฟังแบบมีสาย น่าจะกลายเป็นของวินเทจแน่นอน แต่คงไม่ใช่ภายใน 7 ปี ส่วนตัวเดาว่าน่าจะสัก 10 ปีขึ้นไปครับ

ศาสตร์ของเสียง ศาสตร์ของเครื่องเสียง ศาสตร์ของลำโพง(รวมหูฟัง) ศาสตร์ของดนตรี มันผสมคำว่าศิลปะและรสนิยม แม้จะผ่านอีกนานแค่ไหน เชื่อว่าเมนคอร์ส ก็ยังคงเป็นเมนคอร์สครับ 

คิดว่า dap คงใช้เพื่อการฟังเพลงจาก streaming service ต่างๆ เป็นหลัก หรือดึงเพลงจาก cloud ส่วนตัวลงมา ... อาจจะยังคงเป็น dap อยู่ หรือ โทรศัพท์มือถืออาจจะพัฒนาขึ้นมาเป็น hi-fi dap