Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

อย่านอนกับเครื่องใช้ไฟฟ้า

somkiatr

10/09/2017 10:11:21
182
อย่านอนกับเครื่องใช้ไฟฟ้า
18 มีนาคม 2557
 24,504

หนูดี-วนิษา หยิบยกงานวิจัยมาเตือน ผู้ที่วางทีวีไว้ในห้องนอน วางโทรศัพท์มือถือไว้บนหัวเตียง ล้วนส่งผลเสียต่อเซลล์สมอง

เป็นประเด็นที่หนูดีระมัดระวังเสมอมา เรื่องของการ “นอนกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า” เพราะมันเป็นตรรกะที่คิดเองได้ง่ายๆ ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาโทวิชาแรก ที่อาจารย์สอนเรื่อง การทำงานของสมอง

ที่บอกว่า สมองของเราส่งข้อมูลในระดับเซลล์เป็นสารสื่อประสาทที่เรียกว่า Neurotransmitter และภายในสมองของเรามีประจุไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนการทำงานของเซลล์ต่างๆ ซึ่งถ้าหากเรากักเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้เหมือนปลาไหลไฟฟ้า สมองเราก็จะมีกระแสไฟฟ้าถึง 12 วัตต์เลยทีเดียว

เปรียบไป พลังงานไฟฟ้าในสมองเรา 12 วัตต์นี้ ก็จุดหลอดไฟดวงเล็กๆ ในตู้เย็นติดนั่นละค่ะ นี่คือ ในกรณีเราเก็บไฟฟ้าไว้ช็อตใครๆ ได้เหมือนปลาไหลไฟฟ้านะคะ น่าเสียดายที่มนุษย์ทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่า สมองของเรา เป็นอวัยวะชีวภาพที่บอบบางกับกระแสไฟมาก ก็แค่กับโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ สมองของเราก็รวนแล้ว นับประสาอะไรกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่กว่านั้น เช่น โทรทัศน์​หรือ เครื่องไมโครเวฟ

แม้ในปัจจุบัน จะยังไม่มีงานวิจัยระยะยาว (Longitudinal Studies) ที่ติดตามผลเกิน 10 ปี ในกลุ่มคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือว่า จะทำให้เกิดมะเร็งสมองได้จริงหรือไม่ เพราะเรื่องราวยังใหม่เกินไป แต่มีงานวิจัยเรื่อยๆ เกี่ยวกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและความร้อน ที่ออกมาจากการใช้มือถือในระยะประชิดตัว

ใครสนใจอยากติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ลองหาอ่านในเว็บที่น่าเชื่อถือ เช่น www.cancer.gov ซึ่งเป็นของ National Cancer Institute ณ​National Institutes of Health ซึ่งจะคอยอัพเดตเรื่องราวใหม่ๆ เกี่ยวกับมะเร็งประเภทต่างๆ โดยเฉพาะงานวิจัยที่น่าสนใจนะคะ หนูดีเองก็คอยลุ้นว่า ปีนี้จะมีงานวิจัยใหม่ๆ อะไรออกมา เราจะได้เตือนกันถูกและระวังตัวให้ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม การใช้โทรศัพท์มือถือแม้จะยังไม่ฟันธงว่า ก่อให้เกิดมะเร็งในสมองได้ แต่นักวิจัยก็ยังเตือนว่า มีความเสี่ยง และยิ่งสำหรับเด็กแล้ว ถือว่ามีความเสี่ยงสูง หากเป็นได้ ขอให้เลี่ยงการที่เด็กเล็ก ในวัยที่สมองกำลังฟอร์มตัวและพัฒนาในระบบประสาทส่วนกลาง มิให้เล่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของพ่อแม่ รวมถึงงดของเล่นประเภทแทบเลตโดยสิ้นเชิง ด้วยกังวลว่า อันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและความร้อนที่เกิดขึ้นจากอุปกรณ์จะทำลายเนื้อเยื่ออ่อนๆ ของเด็กในระยะประชิดได้

ที่สำคัญ ถึงแม้ในวัยผู้ใหญ่แล้ว นักวิจัยก็ยังคงเตือนมิให้เราใช้โทรศัพท์มือถือพร่ำเพรื่อ โดยเน้นว่า หากอยู่ในบ้านหรือในออฟฟิศ ขอให้ใช้โทรศัพท์สายบ้านเท่านั้น และหากต้องโทรมือถือ ก็ต้องใช้หูฟังที่แยกออกมา อย่าเอาโทรศัพท์ไปแปะไว้ที่ข้างแก้มเพราะเนื้อเยื่อตรงนั้นอ่อนๆ โดนความร้อนและคลื่นอาจไม่ปลอดภัย

ส่วนในห้องนอน หนูดีไม่มีการชาร์จโทรศัพท์มือถือ เพราะเกรงสัญญานที่ออกมาในขณะที่เราหลับจะทำร้ายสมอง เพราะแม้ปิดเครื่องแล้วแต่ใครจะรู้ว่า สัญญาณคลื่นแม่เหล็กที่เล็ดลอดออกมาจะส่งผลเสียกับสมองแค่ไหน เพราะเสี่ยงแม้เพียงนิดเดียวหนูดีก็ไม่อยากเอาสมองอันมีค่าไปทดลอง ที่สำคัญ อย่าคิดว่า ไม่มีงานวิจัยออกมาบอกว่า “มันอันตรายนะ” แล้วมันคือปลอดภัย เพราะงานวิจัยชิ้นหนึ่งกว่าจะตีพิมพ์ได้ใช้เวลาหลายปี ระหว่างที่เก็บข้อมูลเราก็เอาตัวไปเสี่ยงแล้ว ดังนั้น นอกจากศึกษางานวิจัยแล้ว หนูดีเน้น “คอมมอนเซนส์”​หรือ ตรรกเบื้องต้นเลยค่ะ อะไรที่มันดูไม่น่าไว้วางใจก็จะหนีห่างเอาไว้ก่อนเลย ไม่อยากวัวหายล้อมคอก

ล่าสุด มีงานวิจัยออกมาแล้วว่า เด็กที่มีโทรทัศน์ในห้องนอนนั้น เมื่อนำมาชั่งน้ำหนักตัวเทียบกับกลุ่มเด็กที่ไม่มีโทรทัศน์ในห้องนอนพบว่า เด็กที่มีโทรทัศน์จะมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยสูงกว่าประมาณหนึ่งปอนด์ พูดง่ายๆ ว่า เด็กที่พ่อแม่ใจดี ใส่โทรทัศน์เข้าไปในห้องนอนให้ลูกนั้น ส่งผลให้ลูกอ้วนกว่าเด็กที่พ่อแม่เข้มงวดกว่า และไม่ยอมให้ดูโทรทัศน์ในห้องนอน

นักวิจัยคาดว่า อาจเป็นไปได้ว่า เป็นเพราะเด็กดูโฆษณาขนมอาหารมากกว่า หรือเป็นได้ว่า คลื่นกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรทัศน์จะไปรบกวนการหลับและการหลั่งฮอร์โมน การซ่อมแซมร่างกายของเด็ก โดยในงานวิจัยถึงแม้เด็กจะไม่เปิดโทรทัศน์ดูเลย แต่ผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันเลย...น่ากลัวจริงๆ ค่ะ

สำหรับโลกของแพทย์ทางเลือกก็กลัวเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่แตกต่างกัน โดยในหนังสือของคุณหมอฝังเข็มของหนูดี คุณหมอไพร ในเล่ม “รู้ก่อนป่วย ด้วยแพทย์แผนจีน” ได้เล่าว่า มีคนไข้คนหนึ่งที่ปวดหัวมาหาคุณหมอ จึงได้ฝังเข็มและให้ยาจีนรับประทาน โดยรักษาแล้วก็หาย แต่แล้วก็กลับมาเป็นอีกอย่างน่าประหลาดใจ อาการกลับมาเรื่อยๆ โดยไม่มีเหตุผล

แต่ในที่สุดวันหนึ่ง คนในครอบครัวสังเกตว่า ที่หัวนอนของคนไข้มีการติดเครื่องกรองน้ำแบบเสียบไฟฟ้าอยู่นอกห้อง แต่ติดกับตรงหัวเตียงคนไข้พอดี อีกทั้ง แพทย์แผนญี่ปุ่นก็มีความเชื่อว่า กระแสไฟฟ้าเหล่านี้จะไปรวนกระแสไฟฟ้าในร่างกาย ทำให้ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ ปวดไหล่ ฯลฯ ที่หาสาเหตุไม่พบ จนทำให้หมอวินิจฉัยและรักษาผิดทางมานักต่อนัก

ในที่สุด ในกรณีนี้ คนไข้ตัดสินใจหันหัวเท้าสลับกัน คือ ยังนอนบนเตียงเดิมอยู่ แต่หันปลายเท้าไปทางเครื่องกรองน้ำ ผลที่ได้คือ อาการปวดหัวค่อยๆ หายไปจนหายสนิทในที่สุด

ลองตรวจดูในห้องนอนของเรานะคะว่า มีโทรทัศน์หรือไม่ เราชาร์จแบตมือถือไว้หัวนอนไหม เรามีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราขณะหลับบ้าง รีบย้ายออกไปเสียนะคะ สมองของเรามีค่าสูงมาก อย่าเอาไปเสี่ยงด้วยการวางสมองไว้ใกล้ๆ แหล่งกำเนิดไฟฟ้าทั้งคืนเลยค่ะ

( * ตีพิมพ์ใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ เซกชั่นกรุงเทพธุรกิจกายใจ ชื่อคอลัมน์ฉลาดสุขกับหนูดี ฉบับวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2557)

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

Git(na)Hub

10/09/2017 11:11:30
งี้บ้านใครมีWi-Fiอันตรายแย่เลยนะครับ ปล่อยคลื่นซะทั่วบ้านเลย
ว่าแต่ทุกวันนี้มีผลวิจัยออกมารึยังครับ ผมว่าแบบนี้เหมือนใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดระแวงเลย กลายเป็นเสียสุขภาพจิตกว่าเดิมอีกนะเนี่ย
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

somkiatr

10/09/2017 11:22:59
182
เอามาให้อ่าน แล้วแต่พิจารณาครับ  ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ตามสะดวกครับ เพราะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนอะไรมาก ทุกวันนี้ผมก็คงเลี่ยงลำบากครับ ไปที่ไหนก็เจอแต่.  มือถือ. ไวไฟ. หลับคาทีวีก็ประจำ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

artpiggo

10/09/2017 12:13:18
15
แม่ผม หลังจากอ่านเรื่องนี้ (มาจากกรุ๊ปไลน์แม่บ้าน) ก็เอาพวกปลั๊กรางที่ชาร์จมือถือ + ไอแพตผม จากหัวเตียง ไปวางบน โต๊ะนั่งเล่น เฉยเลยครับ 

ผมล่ะงงเลย ได้แต่ เออ ออห่อหมก ตามแม่ว่าไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

jade586

10/09/2017 13:59:27
11
มองในด้านความปลอดภัยระยะยาว จะป้องกันไว้ก็ได้ครับ แต่อย่างไร หลายๆคนก็ยังมีสิทธิ์เป็นมะเร็งส่วนอื่นๆอยู่ดีครับ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ผมว่าพวกนี้ทำให้เป็นมะเร็งชัวร์ว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 5

นายมั่นคง

10/09/2017 19:01:17
4,294
ของผมไม่ใช่แค่อยู่ในห้อง แต่นอนทับเลยครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

MaxxIE

10/09/2017 19:21:10
107
ผมว่าฟังหูไว้หูก็ดีนะครับ

เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่บ้านไหนในเมืองไทยที่จะไม่ติดแอร์ในห้องนอน

ไหนจะพวกคลื่นวิทยุ  ทีวีดิจิตอล  สัญญาณโทรศัพท์มือถือ  
พวกนี้ปล่อยออกจากเสาส่งสัญญาณจนครอบคลุมหมดทุกพื้นที่เลยนะครับ  
ถ้าคลื่นพวกนี้มันมีผลจริง ผมว่าพวกดีเจ พิธีกรรายการวิทยุนี่คงตายก่อนเพื่อนอ่ะ  อยู่ไกล้กับเสาส่งในระยะเผาขนเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

สมพร

10/09/2017 21:05:48
56
ข้างหัวเตียงผมก็วางโน๊ตบุ๊คไว้ตลอด  เปิดคาทิ้งไว้ยันเช้าบ้างบางวัน
เป็นกิจวัตที่ต้อง นอนดูหนัง/ฟังเพลง บนเตียงก่อนนอน  

ทำมาน่าจะ8-9ปีแล้วครับ
ห่างจากเตียงไม่กี่เมตรก็มี TV-PC-อื่นๆ  
จะรอดไหมเนี่ย(ฮา)






ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

tangkoo.

10/09/2017 21:21:49
1,368
ผมว่าไม่น่ารอด โดยเฉพาะคนในบอร์ดเนี๊ยะ555  
ผมว่าทุกบ้านแหละ  สมัยนี้ไม่มีบ้านใครที่ห้องนอนโล่งๆ ไม่เสียบสายชาร์จมือถือ  ไม่มีคอม ไม่มีทีวี ไม่มีเครื่องเสียงในห้องหรอก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

นายมั่นคง

10/09/2017 22:40:40
4,294
ข้างตัวผมนี่หนักเลย ไหนจะมิวสิคเซิฟเวอร์ คอม ไอแพด ไวไฟ มือถือ วิทยุคลื่นสั้น วิทยุหลอด วิทยุคลื่น internet เทิร์นเทเบิ้ล เทปคาสเซ็ท  step down เครื่องกรองไฟ 555 ต้องหาเรื่องอ้างกับเมียไปนอนที่อื่นแล้วแบบนี้

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

tangkoo.

11/09/2017 12:31:45
1,368
พอมานึกอีกที  ก็ห้องแม่ผมเองนี่แหละที่ห้องนอนไม่มีอะไรเลย555  ทั้งห้องมีแต่พัดลม กับไฟเพดาน  แม่ผมอายุ80 กว่าๆแล้ว ทุกวันนี้ความจำยังดีอยู่  พูดเรื่องอดีตจำได้หมด  แม่ผมไม่นอนแอร์แต่เปิดหน้าต่างกับพัดลมเอา  เตียงก็ยังใช้เตียงใยมะพร้าว เตียงสปริงนอนไม่ได้  หมอนก็ใช้แบบยัดนุ่น ไม่งั้นนอนไม่หลับ

ผิดกับผม  ทุกวันนี้เดินพารากอนยังหลงอยู่เลย  ไปร้านเฮียขึ้นบรรไดเลื่อนผิดฝั่งทุกที555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

iNY

11/09/2017 13:01:27
2
จริงหรือไม่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องนอนทับโทรศัพท์มือถือ(หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ)
ว่างไว้บนโต๊ะห่างสักแขนหนึ่ง ถ้ามีเหตุเร่งด่วนก็เอื้อมได้ไม่เสียเวลาจนเกินไป
แถมยังได้ขยับเขยื่อนร่างกายอีกด้วย

พูดถึงการขยับเขยื่อนร่างกาย
เมื่อก่อน(สักต้นปีถึงก่อนนั้น)ก็เป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลัง ขยับตัวนอ้ยที่สุดได้ยิ่งดี
แล้วก็มีอาการ ข้อต่อติดๆขัดๆ จนถึงขั้นเอื้อมมือเกาหลังไม่ค่อยได้ ยกมือเยียดตรงบนหัวก็ไม่สุด
อาการปวดหลังก็มีมาเยือน
เห็นอาการไม่เข้าท่า ก็เลยไปหาท่ามาออกกำลังกาย(ไม่น่าจะเป็นการออกกำลังกายมั้ง)
ไปหยิบเอาท่าดัดตัว ท่าโยคะ ท่ามั่ว มา 3-4 ท่า หาเอาในเน็ตนั่นแหละ
ออกกำลังตอนเช้า แรกๆก็ติดขัน เหนื่อย วิดพื้น 2 ครั้งก็หอบแล้ว
ผ่านมาหลายเดือน อาการที่ว่าก็หาย รุ็สึกกระฉับกระเฉงขึ้นเยอะ
2 เดือนก่อนก็ไปซื้อเสือหมอบมา ปั่นแรกๆ 4 กม.ก็หอบกิน เดี๋ยวนี้ 20 กม.ไหว
ออกกำลัง ขยับร่างกายกันบ้างนะครับ

เอ!
จาก
อย่านอนกับเครื่องใช้ไฟฟ้า
มา
ออกกำลัง ขยับร่างกายกันบ้างนะครับ
ได้ยังไง

งง

แต่ทำเถอะครับ
ได้ประโยชน์กับตัวเอง
จะได้ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน


555


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

MaxxIE

11/09/2017 17:55:15
107
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 10 - tangkoo.
พอมานึกอีกที  ก็ห้องแม่ผมเองนี่แหละที่ห้องนอนไม่มีอะไรเลย555  ทั้งห้องมีแต่พัดลม กับไฟเพดาน  แม่ผมอายุ80 กว่าๆแล้ว ทุกวันนี้ความจำยังดีอยู่  พูดเรื่องอดีตจำได้หมด  แม่ผมไม่นอนแอร์แต่เปิดหน้าต่างกับพัดลมเอา  เตียงก็ยังใช้เตียงใยมะพร้าว เตียงสปริงนอนไม่ได้  หมอนก็ใช้แบบยัดนุ่น ไม่งั้นนอนไม่หลับ

ผิดกับผม  ทุกวันนี้เดินพารากอนยังหลงอยู่เลย  ไปร้านเฮียขึ้นบรรไดเลื่อนผิดฝั่งทุกที555
พัดลมนี่ก็มีมอเตอร์นะครับ พวกขดลวดพันแกนนี่แหละตัวแหล่งสนามแม่เหล็กเลย

ไฟเพดาน ถ้าไม่ใช่หลอดใส้หลอดLED ข้างในรางของมันก็มีบัลลาร์ดเป็นตัวคอยควบคุมแรงดันไฟฟ้านะครับ นี่ก็ตัวสนามแม่เหล็กอีกอัน แต่ปิดไฟนอนแล้วคงไม่มีผลอะไร

ส่วนเรื่องบันไดเลื่อน ผมว่าเดี๋ยวนี้ใครก็หลงครับ เพราะห้างเดี๋ยวนี้มันออกแบบมาให้คนหลงครับ โดยการแยกทางขึ้นกับทางลงให้อยู่ไกลๆกัน  คนจะได้เดินให้ทั่วๆห้าง(เพื่อหาบันไดเลื่อนที่ต้องการ)  

ลองทำบันไดเลื่อนขึ้นลงอยู่ชิดกันเหมือนห้างสมัยก่อนสิครับ  ยังไงก็ไม่หลง

หวังว่าในอนาคตมันจะไม่แยกลิฟต์นะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

ช่างซ่อมบ้าน

12/09/2017 17:34:26
ชอบรูปสายแลนจัง

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"อย่านอนกับเครื่องใช้ไฟฟ้า"