ต้องขุดความรู้สมัยเรียนเมื่อ 20 กว่าปีมาเล่านะครับ 555 ง่ายๆ คือ MOSFET และ Bi polar มันเป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิดหนึ่ง
เมื่อพูดว่ากึ่ง ก็หมายความว่ามันสามารถนำและไม่นำ (ไฟฟ้า) ได้ครับ ทำงานคล้ายๆ สวิตต์ไฟฟ้า เปิด/ปิด ตามบ้าน
การเปิด/ปิด ระหว่าง MOSFET และ Bi polar ที่แตกต่างกัน อยู่ที่สัญญาณการสั่งการเปิด/ปิด และ พลังงานที่ให้กับลำโพงหรือหูฟังครับ
MOSFET สั่ง เปิด/ปิด ด้วยสัญญาณแรงดันไฟฟ้า ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเยอะ การสั่งเปิด/ปิด ทำได้รวดเร็ว
พลังงานที่ให้กับลำโพงหรือหูฟัง ที่อยู่ในรูปแบบแรงดันไฟฟ้า เลยทำให้เสียงที่ได้ยินจากแอมป์ประเภทดังกล่าว
มีความใส ฉับไว บางเบา มีประกาย ฟรุ้งฟริ่งๆ 555 เปราะบาง (ถ้าลองเอาขั้วลำโพงแตะช็อตกัน Mosfet พังทันทีครับ)
Bi polar สั่งการเปิด/ปิด ด้วยสัญญาณกระแสที่อยู่ร่วมกับแรงดันไฟฟ้า จึงทำให้การสั่งเปิด/ปิด ทำได้ไม่รวดเร็วพอ เพราะจำเป้นต้องใช้พลังงาน
นอกจากนี้ พลังงานที่ให้กับลำโพงหรือหูฟัง ก็อยู่ในที่อยู่ในรูปแบบกระแสและแรงดันไฟฟ้า ดังนั้นจึงทำให้แอมป์ที่ใช่ Bi polar
มีเสียงที่หนา มีความต่อเนื่อง (หวาน) มีพละกำลัง และทน (ถ้าลองเอาขั้วลำโพงแตะช็อตกัน Bi polar จะร้อน
และถ้าระบายควงามร้อนได้ทัน กฌไม่พังครับ)
ส่วน class เป็นเรื่องรูปแบบการเปิด/ปิด ครับ Class D คุณภาพเสียงแย่สุด แต่ให้กำลังวัตต์สูงสุด เพราะมันงานแบบดิจิตอล 0 กับ 1
คือ ทำ กับไม่ทำ ดังนั้น จึงเกิดความร้อนน้อยมาก ทำให้สามารถทำงานที่วัตต์สูงๆ ไดh ต่างกับ class อื่นที่มีความร้อนตลอดเวลา