เรื่องความคุ้มค่ามันเป็นเรื่องของใครของมันครับ  ความคุ้มค่าของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

เอาเป็นว่ากำหนดงบ แล้วไปลองฟังตัวที่อยู่ในงบเลยครับ
หูเราจะเป็นตัวบอกเราเองว่า อันไหนคุ้ม

ส่วนเรื่องฟูลไซส์กับอินเอียร์  ให้ลองนึกถึงการใช้งานของเราเลยครับ

ฟูลไซส์ ให้เสียงที่ดีกว่า แต่ไม่สะดวกพกพาเอามากๆ
อินเอียร์ พกพาสะดวกกว่า กันเสียงภายนอกได้ดีกว่า แต่ก็แลกกับคุณภาพเสียงที่ด้อยกว่า

ส่วนเรื่องเพลย์เยอร์กับมือถือ
ก็ต้องลองฟังเหมือนกันครับ

บางคนมีเพลย์เยอร์ตัวแพงๆ ก็เยอะ แต่ถูกใจเสียงจากมือถือมากกว่า
บางคนซื้อเพลย์เยอร์มา แต่สุดท้ายออกไปนอกบ้านก็ฟังแต่กับมือถือ เพราะขี้เกียจพกหลายชิ้น

ถ้าเจอเพลย์เยอร์เสียงถูกใจ และคิดว่าตัวเองสะดวกพกหลายๆชิ้น ก็จัดเพลย์เยอร์ดีๆมาเลยครับ

คำตอบนี้อยู่ที่ตัวท่านมากกว่าครับ เพดานความพอใจแต่ละคนไม่เท่ากัน ถามใจตัวเองดูครับว่ามันตอบโจทย์ท่านหรือยังกับหูฟังที่มีอยู่และกำลังจะคิดซื้อ

ถ้าตอบแบบนักเศรษฐศาสตร์ ความคุ้มค่าก็จะเป็นจุดที่กราฟระหว่าง คุณภาพที่เรารับรู้ (แกนy) - ราคา (แกน x) ให้ค่าความชัน = 1

แต่ว่าเอาจริงๆแล้ว แต่ละคนก็ตั้งความคุ้มค่าไม่เท่ากัน บางคนว่าดีขึ้นแค่หางเสียง ก็ว่าคุ้มแล้วที่จะจ่ายเพิ่มอีก 50% เพราะงั้นเรื่องความคุ้มค่าแต่ละคนต้องหาคำตอบเอง

มาที่คำถามในกระทู้บ้าง
ข้อแรก ถ้าเน้นฟังสตรีมมิ่ง มือถือสะดวกกว่ามากจริงๆครับ ใช้มือถือเสียงดีๆก็พอแล้วครับ

ข้อสอง ในเรท DAP <10k คนอื่นคงจะเห็นต่างจากผมไปบ้าง แต่ผมว่ามือถือ TOTL ที่เน้นเรื่องเสียง อย่าง lg v20, letv max, vivo xplay6, meizu pro5, onkyo cmx1 ฟังได้ไม่แพ้ DAP ต่ำหมื่นเลย 

สิ่งที่มือถือแพ้จริงๆคือกำลังขับ แต่ถ้าเล่นอินเอียร์สบายๆครับ 

ส่วนถ้าเป็นฟูลไซต์นี่อาจจะเล่นพวก audio technica, sony, jbl, beyer หรือ sennheiser ตัวราคาต้นๆได้อยู่บ้างครับ ส่วนจะถูกใจตัวไหนลองไปฟังดูนะครับ

ถ้าเป็นอินเอียร์ ผมอยากให้ลอง zero audio duoza, ibasso it03 และ oriveti primacy ดูครับ น่าจะตรงใจสักตัวอยู่

ตอนแรกผมก็ใช้ dap ไปๆมาๆไม่ค่อยได้ฟัง บวกกับนิสัยชอบฟังเพลงใหม่ๆตลอด ก็เลยขาย แล้วไปฟังจากมือถือเอา ฮ่าๆ สะดวกสบายตรงความต้องการของเรานั้นแหละคือความคุ้มค่า ในความคิดผมนะ

ขอบคุณมากครับ
คืออย่างถ้าเราใช้มือถือ แล้วซื้อหูฟังตัวเปนหมื่น หรือหลายหมื่น (อินเอียร์)​ มือถือจะทำให้หูฟังดรอปลงไหมครับ ประมาณว่าหูฟังไม่สามารถแสดงศักยภาพทางเสียงได้เต็มที่ (พูดง่าย ๆ ที่เขาว่ากันว่าเสียของเปล่า ๆ น่ะครับ)​

ประมาณนั้นครับ มือถือเดี๋ยวนี้ฟังเพลงได้ดีมีหลายรุ่นหลายแบรนด์ก็จริง  แต่ถ้าจะนับเรื่องฟังเพลงแบบจริงๆจังๆ DAP ก็ยังถือว่าทำได้ดีมากกว่าอยู่ครับ ทั้งเรื่องกำลังขับ แบคกราวด์ เสียงรบกวน รายละเอียดยิบๆย่อยๆ

ส่วนเรื่องความคุ้มค่ากับราคา สำหรับผมไม่ว่าราคาไหน แค่ได้หยิบได้ฟังวันละครั้งสองครั้ง ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วครับ แต่ทุกวันนี้รู้สึกไม่คุ้มยังไงไม่รู้555

ถ้าหูฟลูไซส์ที่ขับไม่ยาก ฟังได้หลายแนว ในราคาสุดคุ้มเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ จะมี grado sr60,sr80 อยู่ในลำดับต้นๆครับ  ถ้าอินเอียร์ก็มีพวก  ostry,kinera,ath im70

+1 grado sr80 ครับเบิร์นเข้าทีเมื่อไหร่ เตรียมฟินครับ

ไม่เสียของครับถ้าคุณไม่ได้เลือกหูฟังที่ใช้จับผิด

สำหรับผมคิดง่ายๆ

ถ้าซื้อของ 10,000 ชอบจนใช้ไป 100 ครั้ง ... ก็ฟังครั้งละ 100

ถ้าซื้อของราคา 1,000 แต่ฟังแค่ 5 ครั้ง ... ก็ครั้งละ 200

หรือถ้าซื้อของราคา 150 แต่ใช้ไม่ถึงครั้ง แค่ลองแล้วทนไม่ได้จนไม่ยอมใช้ ... สุดๆ ของที่จะแพงครับ

ซื้อของที่ชอบ และเราใช้มันเยอะๆ ... ก็คุ้มเองครับ

มุมมองของผมครับ เรื่องหูฟัง​ราคาเท่าไหร่ถึงคุ้มค่าที่จ่ายไป มันอยู่ที่การใช้งานและความชอบครับ หูฟังไม่จะแพงหรือถูก ความคุ้มค่ามันอยู่ที่ว่าเจ้าของใช้งานมันบ่อยแค่ไหนหรือแค่ตั้งโชว์เฉยๆครับ ผมว่าหูฟังทุกตัวความคุ้มค่ามันขึ้นอยู่กับเจ้าของครับว่าเจ้าของมีการใช้งานแค่ไหนครับ ส่วนเรื่องใช้มือถือ แล้วซื้อหูฟังตัวเปนหมื่น หรือหลายหมื่น (อินเอียร์)​ มือถือจะทำให้หูฟังดรอปลงไหมครับ อย่าไปคิดอะไรมากครับ ถ้าเราฟังแล้วชอบก็จบครับ สำคัญแค่ว่าซื้อมาใช้แล้วไม่เดือดร้อนแบบว่าเงินไม่พอใจก็เพียงพอแล้วครับ เรื่องการรีดประสิทธิภาพของหูฟังผมมองว่ามันเป็นเรื่องของความพร้อมในอนาคตครับ ถ้าวันข้างหน้าเราพร้อมก็หาอุปกรณ์มาเสริมเพิ่มเติมในอนาคตได้ครับ เครื่องเล่นที่ผมใช้ฟังประจำส่วนใหญ่ราคาไม่ถึงหมื่นสักะชิ้นครับ  แต่หูฟังที่ใช้ฟังประจำราคาเกินกว่าเครื่องไปหลายเท่าครับ ถ้ารวมทั้งชุดแล้ว ผมยังคิดนะเราบ้าไปหรือเปล่า เครื่องเล่นตัวหนึ่งไม่กี่พัน แต่ชุดที่ใช้ทั้งระบบนี้มันเกินราคาเครื่องเล่นเยอะมาก เยอะจริงๆ เลือกว่าถ้าพูดตามตรงๆบ้านๆหาความคุ้มค่าไม่ได้ เพียงแต่ผมฟังแล้วชอบนะ คนอื่นจะว่าอย่าไรไม่รู้ แต่ผมคิดว่าถ้าเราก็จบครับ อย่าไปคิดอะไรมากให้ปวดหัวครับ คิดง่ายๆฟังแล้วชอบ มีความสุขกับสิ่งที่ได้ยิน จ่ายไหวโดยไม่เดือดร้อนใคร จบครับ
ขอให้มีความสุขในการฟังเพลงที่ชอบครับ
ปล.ช่วงนี้อยากจะไปให้ถึงดวงดาวครับ ขอเวลาระดมทุนสัก6เดือนครับ ขอตามความฝันที่คาใจอีกครั้งครับ5555

คุ้มสุดคือฟรีหรือที่แถมมากับโทรศัพท์หรือ DAP ครับ พูดจริงไม่ได้ล้อเล่น

บอกเลยว่า ยิ่งแพง ยิ่งไม่คุ้ม เพราะเราไม่ได้เอาหูฟังหาเงิน แบบอาชีพนักดนตรี

ตรงกันข้ามให้มองกลับว่า สามารถจ่ายเงินซื้อความสุขในการฟังเพลงได้เท่าไหร่

จ่ายเท่าที่จ่ายหรือที่พอใจครับ เพราะการฟังเพลง ก็เป็นกิเลสอย่างนึง..........อาเมน

ต่อกับมือถือ/dap ผมว่าไป inear ดีกว่า fullsize ครับ และส่วนตัวผมว่าถ้าเริ่มต้นก็หลักหมื่น (1x,xxx) น่าจะอยู่ในจุดที่คุ้มที่สุดแล้วแหล่ะครับ ซื้อได้ไม่แพงมาก ปล่อยต่อไม่เจ็บมาก คุณภาพดีพอที่จะบอกได้ว่าแตกต่างกับหูอื่นๆ อย่างไรครับ   

การเล่นเครื่องเสียงไม่มีคำว่าถูกหรือแพง ไม่มีคำว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม มีแต่คำว่าพอใจหรือไม่ ต่อให้ซื้อแค่หลักร้อยหรือพันหรือถูกขนาดไหนถ้าไม่ชอบก็บอกว่าไม่คุ้ม แต่ถ้าซื้อแพงขนาดไหนถ้าฟังแล้วชอบก็บอกว่าคุ้ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจรวมถึงหูของแต่ละคน อีกทั้งรวมถึงต้นทุนของแต่ละคนถ้ามีต้นทุนสูงก็สามารถมีโอกาสคัดสรรได้กว้างแบบไม่จำกัด ในขณะเดียวกันมีต้นทุนต่ำก็เลือกได้จำกัดครับ

ราคาไม่ใช่ประเด็นเพราะแต่ละคนกำลังซื้อไม่เท่ากัน อยู่ที่ว่าใช้ได้ทนทานเสียงดีถูกใจไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย หรืออัพเกรดดน่นนี่นั่น ถึงจะเรียกว่าคุ้มครับ

มีเรื่องมาเล่าให้ฟังครับ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเร็วๆนี้เอง เพื่อนสนิดผมคนนึงซึ่งไม่เคยเล่นหูฟังเลย กำลังมองหาหูฟังดีๆตัวแรกเพื่อใช้เสียบกับมือถือไว้ฟังเวลาออกกำลังกาย เค้าถามผมว่าจะซื้อหูฟังอันไหนดี? ผมบอกว่าลองดูยี่ห้อ shure 215 ราคาสองสามพันน่าจะโอเค แต่ให้ดีไปลองที่ร้านมั่นคงที่เค้าเคยมานั่งรอผมลองหูฟัง

เพื่อนผมไปมั่นคงทั้งที่พารากอน สยาม ละเรือธง ใช้เวลาทั้งวัน ลองมันแทบทุกตัว ตั้งแต่ shure westone audiotechnica noble campfire JH AK โอ้ยเยอะมาก และผลที่ได้คือ ยิ่งลองยิ่งถูกใจเสียงตัวที่แพงขึ้นเรื่อยๆครับ! บางตัวที่เอามาลองนี่ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ด้วยซ้ำ บางตัวพอรู้ราคาถึงกับอึ้ง แต่กระนั้นก็เถอะ สรุปเพื่อนผมตัดสินใจว่าจะซื้อ campfire andromeda แม้จะใช้เพียงต่อตรงฟังกับมือถือซัมซุงเท่านั้น

กลับมาคำถามของเจ้าของกระทู้ ว่าคุ้มมั้ย?
ถ้าดูจากเคสของเพื่อนผม คำตอบคือ ราคาเท่าไหร่ก็คุ้มถ้าฟังแล้วมันถูกใจจริงๆ แต่ถ้าไม่ถูกใจ ราคาเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มครับ ^^ 

ปล.รูปทั้งหลายนี่เพื่อนส่งไลน์มาให้ดูตอนที่เค้าไปลอง ผมเอามารวบรวมแปะไว้ให้ดูเล่นๆครับ ต้องขอบคุณร้านเฮียที่ยอมให้ลูกค้าลองของขนาดนี้แล้วเดินออกมาตัวปล่าวๆ 55 แต่ไม่ต้องห่วงครับลูกค้าคนนี้จะเดินกลับเข้าไปซื้อแน่ๆเร็วๆนี้ :)

ขอบคุณทุกคำตอบครับ สมาชิกในบอดร์นี้คุณภาพจริง ๆ 
ร่วนแชร์ความเห็นอีกนะ เชื่อว่าสมาชิกใหม่หลายท่านกำลังหาคำตอบเหมือนกัน
แต่ผมพอจับประเด็นได้สอง คือ พอใจ (สุ่มเสียง)​ พอดี (เงินที่จ่ายไป)​ 
แต่มีอีกหลายประเด็นที่สำคัญ เช่น การใช้บ่อย หรือ ไม่ค่อยได้ใช้ (แสดงว่าไม่ถูกใจเท่าไหร่ หรือใส่ไม่สบายหู)​ ครั้นจะปล่อยก็เข้าเนื้อเยอะจนรู้สึกเสียดาย 
มีใครไม่กล้าปล่อยเพราะรู้สึกขาดทุนเยอะ หรือว่าไม่เสียดายเลยเพราะไม่ช้จะเก็บไว้ทำไม ขายไปแม้จะขาดทุนบ้างมั้ยครับ แล้วมีวิธีตัดสินใจยังไง เก็บไว้ หรือขายต่อ ถ้าจะขายต่อควรลดกี่ % ดีครับจึงเหมาะสม (สำหรับผู้ขายนะ)​ และถามฝ่ายผู้ซื้อด้วยครับ
ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนนะครับ... จากใจ

หูฟังบางคนไม่ได้มีไว้ฟังอย่างเดียว สามารถเอาไว้ลูบๆคลำๆ ดมกลิ่นก็มีความสุขแล้วครับ 555 

จริงครับพี่ อย่าง GS1000 เอย LCD3 เอย นี่ ลูบๆคลำๆ ตลอด 5555

คุ้นๆเหมือนคนแถวนี้555

ที่ผมอยากแนะนำ ก็มีหลาย ๆ ท่านได้ให้ข้อมูลครอบคลุมไปหมดแล้ว แต่มีอยู๋เรื่องหนึ่งที่อยาก ย้ำครับ

หากท่าน จขกท. เป็นผู้จำกัด งบประมาณ มีข้อห้ามที่อันตรายมากอยู่อย่างครับ

"อย่าลองหูฟัง.........ที่ ราคาเกินงบที่คั้งไว้เด็ดขาด"

เดี๋ยวไม่จบ จบไม่สวย และโดนคำสาป ของวงการ......

ถ้าไม่เชื่อลองดูครับ ผม.. ยังไม่พ้นคำสาป.....

วงการนี้เป็นประเภทของฟุ่มเฟือยไม่ก่อให้เกิดรายได้ครับ ดังนั้นไม่มีจำกัดนิยามของคำว่า "คุ้มค่า" ครับ ดังนั้นโดยรวมสั้นๆอยู่ที่ความพอใจกับเงินที่จ่ายไปครับ ถ้าจ่ายค่าหูฟังไป xxx บาท และพอใจกับทั้งคุณภาพเสียง และเงินที่จ่ายไป ก็ถือว่าโอเครครับ