iPod nano รุ่นแรก (ปี2005) มีคนร้องเรียนเรื่องแบตมีปัญหา ทาง Apple จึงเรียกคืนครับเพราะอาจส่งผลอันตรายกับผู้ใช้ได้ เหตุการณ์นี้มีผลกับทั่วโลกครับ เห็นมีกรอกแบบฟอร์มที่หน้าเว็บได้ครับ คงไม่ต้องพึง iStudio ที่ๆเรารู้ซึ้งกันดี :-)
Credit: http://www.i3.in.th/content/view/6838
สำหรับคนขี้เกียจจิ้ม link อ่านนี้แทนก็ได้ครับ สดๆเลยข่าวนี้กับเว็บ i3 (ไม่ใช้ AIR i3 นะครับ แรกๆก็นึกว่าเว็บเดียวกันซะอีก ห่ะๆ)
หลังจากเมื่อปี 2005 บริษัทแอปเปิลได้เปิดตัว ไอพอด นาโนรุ่นแรก (ดังภาพ) ในช่วงหลายปีให้หลังมีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวไม่ดีเท่าใหร่นัก คือเกิดการลุกติดไฟ โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ทำให้บริษัทแอปเปิลต้องทำการสืบสวน
หลายปีผ่านมา ในที่สุดวันนี้แอปเปิลก็ประกาศและบอกแก่ลูกค้าทุกคนที่ยังคงใช้ หรือครอบครองไอพอดนาโน รุ่นแรกสามารถเปลี่ยนเครื่องเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ในข้อความข้างบนนั้นเขียนเอาไว้ว่า
เรียนเจ้าของไอพอดนาโน
แอปเปิลได้ทำการตัดสินใจ แม้ว่าจะมีกรณีที่น้อยมากที่แบตเตอรี่ของไอพอดนาโน (รุ่นที่หนึ่ง) สามารถก่อให้เกิดความร้อนสูง และเป็นอันตรายต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะไอพอดนาโนที่ถูกจำหน่ายในระหว่างเดือน กันยายน ปี 2005 จนถึงเดือนธันวาคม ปี 2006
เราได้ทำการสืบสวนปัญหานี้ และพบว่าเกิดจากผู้ผลิตแบตเตอรี่รายหนึ่งที่ผลิตแบบมีปัญหาทางด้านคุณภาพ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ต่ำ แต่ความเป็นไปได้นี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
แอปเปิลแนะนำให้ท่านหยุดใช้งานไอพอด นาโน (รุ่นแรก) และทำตามขั้นตอนด้านล่างเสีย เพื่อทำการขอเปลี่ยนสินค้า โดยปราศจากค่าใช้จ่าย
หลังจากความกดดันจากทางกฏหมาย แอปเปิลยินยอมที่จะจัดเตรียมเครื่องสำหรับเปลี่ยนในประเทศเกาหลี เมื่อปี 2009 (และญี่ปุ่นเมื่อปี 2010) แต่ดูเหมือนว่าการประกาศครั้งนี้จะเป็นแบบที่มีผลต่อทั่วโลก
ผู้ที่ใช้ไอพอดสามารถกรอกฟอร์ม ที่นี่ โดยสินค้าจะถูกเปลี่ยนภายในหกสัปดาห์ และมาพร้อมกับประกันอีก 90 วัน สำหรับเครื่องที่มีการสลักหลังโดยแอปเปิลนั้น จะไม่ได้รับการสลักหลังให้ใหม่บนเครื่องที่นำมาเปลี่ยน
สำหรับผู้ที่ยังคงใช้อยู่ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะประกันคงหมดไปอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสี่ปี (กรณีที่ซื้อเครื่องแล้วทำการซื้อประกันเพิ่ม) โดยได้เครื่องใหม่ แม้จะเป็นเครื่อง Refurbished แต่ว่ายังมีประกันแถมให้อีก 90 วัน ถือว่าใครรีบรีบไปเปลี่ยนโดยพลัน สำหรับใครอยู่ใกล้ iStudio ลองติดต่อดูว่ารับเปลี่ยนหรือไม่ เพราะแม้จะเป็นการประกาศทั้งโลก แต่ประเทศไทยเราไม่มี Apple Studio อย่างเป็นทางการนั่นเอง
ที่มา - MacRumors