ความยากของการเป็นนักดนตรีที่โดดเด่นในสายตาผู้ฟังและผลิตผลงานให้มีรสนิยมสัมผัสได้ในไม่กี่ท่อนของการบรรเลง เป็นสิ่งที่ท้าทายนักดนตรีรุ่นใหม่อย่างมาก และสูตรสำเร็จในการพิสูจน์ตัวเองมักจะเริ่มต้นด้วยการเข้าแข่งขันในรายการที่มีชื่อเสียงเพื่อเป็นใบเบิกทางให้ในสาขาวิชาชีพที่ตัวเองเลือก David Helbock นักเป๊ยโนหนุ่มจากออสเตรียเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับการจับตามองจากค่ายยักษ์ใหญ่และแฟนๆที่ติดตามผลงานของเขากว่า 16 อัลบั้ม ซึ่งส่วนใหญ่สังกัดค่ายอินดี้ของยุโรป Traumton จาก Berlin, ECM และล่าสุดกับ Act Music จาก Munich ทั้งคู่

เขาเริ่มเล่นเปียโนเมื่ออายุได้ 6 ขวบ และสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยดนตรีในบ้านเกิด Feldkirch Conservatory ด้วยระดับคะแนน "ยอดเยี่ยม" ในปี 2005 และศึกษาต่อกับนักการศึกษา มือเปียโนจาก New York Peter Madsen (Stan Getz, Joe Lovano, Benny Golson, Stanley Turrentine etc) โดย David เริ่มสร้างชื่อเสียงจากการเข้าแข่งขัน Montreux international Jazz Solo Competition และได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในปี 2007 และได้รับรางวัล Audience Prize ในรายการเดียวกันในปี 2010 จนท้ายที่สุดได้รับรางวัล Outstanding Artist Award of Austria ในปีถัดมาในขณะที่อยู่ในช่วงวัยหนุ่มแท้ๆ และนี่เปรียบเสมือนใบเบิกทางให้ศิลปินทั่วโลกหรือส่วนใหญ่ในยุโรปที่คอยพัฒนาฝีมือเพื่อได้เข้าแข่งขันรายการใหญ่ๆเหล่านี้ซึ่งมักจะจัดขึ้นร่วมกับเทศกาลดนตรีสำคัญๆควบคู่กัน

โดยพื้นฐานแล้ว David เป็นผู้ที่มีความชื่นชอบผลงานของ Prince นักร้องมือกีตาร์ นักแต่งเพลง เจ้าพ่องาน R&B, Psychedelic Rock ผู้ล่วงลับไปไม่นานมานี้โดยเฉพาะอัลบั้ม Purple Rain ที่ส่งผลให้เขาได้ออกผลงาน Tribute ใหักับ Prince เมื่อหลายปีก่อน David ยังเป็น Experimental pianist ผู้ชื่นชอบทดลองนำวัตถุที่ก่อให้เกิดเสียงใหม่ๆวางลงบนเส้นเสียงของตัวเปียโนจนกลาายเป็นเอกลักษณ์ในการเปิดการแสดงของเขา โดยแนวคิดการสร้างเสียงใหม่ๆนี้ทำให้เขาเป็นทั้ง "ผู้บรรเลง" และ "ผู้ร่วมบรรเลง" ที่คอยสร้างจังหวะให้กับเมโลดี้ในขณะที่ตัวเองบรรเลงอยู่นั้น ความต้องการเป็น Solo Performer ในแบบ All-In-One ทำให้ David เรียนการตีกลองเป็นเวลาเกือบสองปีเพื่อนำทักษะดังกล่าวเป็นส่วนประกอบในการแสดง ซึ่งจะเห็นได้จากผลงานล่าสุด Into the Mystic

David กับผลงานล่าสุด into The Mystic ในปี 2016 ที่ชื่ออัลบั้มมาจากปรัชญากรีกโบราณที่ เทพเจ้า Eros ต้องการจับจิตวิญญาณ " The Soul" เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างร่างกาย แต่ "The Soul" ปฏิเสธที่จะตกอยู่ในร่างกายที่เปรียบเสมือนสถานที่คุมขัง เทพ Eros จึงสั่งให้ทูตสวรรค์บรรเลงเพลงและเต้นรำ "The Soul" จึงยอมสยบกับเสียงเพลงแห่งฟ้าสวรรค์และจำยอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนับแต่นั้นมา ซึ่ง David สรุปว่าจากเทพนิยายโบร่ำโบราณดังกล่าวก็เปรียบเหมือน " Music is not only the food for the soul, it's the reason why we have a soul" แหม่เขียนมาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงพระราชนิพนธ์งานแปลของรัชกาลที่ 6 จากงานของเชคสเปียร์ที่ว่า " ชนใดไม่มีดนตรีกาลในสันดานเป็นคนชอบกลนัก..." เลยสะท้อนให้เห็นยุคสมัยทางสังคมทุกวันนี้ว่ายังมีดนตรีที่ดีซุกซ่อนอยู่ในที่ลี้ลับ หากใครลองได้แสวงหาก็จะเจอ

Into The Mystic กับ 12 บทเพลงด้วยความยาวเกือบ 60 นาที่ที่นำพาเราเขาสู่ "เวทย์มนตร์แห่งดนตรี" ที่เขาและเพื่อนร่วมวงอย่าง Raphael Preuschl (จากวง FAT Trio หรือ Fabulous Austrian Trio วงแนว Jazz Rock จากค่าย Abstract Logix) ที่มาแปลกใช้ Bass Ukulele ที่ตัวเล็กจิ๋วแต่ให้สำเนียงดีดดิ้น กระชับกับเสียงที่ชวนฟังไปอีกแบบ และมือกลองเจ้าของรางวัลมือกลองยอดเยี่ยม Prima La Musica ที่เป็นรางวัลระดับประเทศในออสเตรียและ Downbeat Student Music Award ประเภท Music arrangement for Large Ensemble ในปี 2012 จะสังเกตุว่าการที่นักดนตรีเหล่านี้แสวงหาโอกาสไม่เพียงแค่ระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังเอาตัวเองไปอยู่ในสายตาของชาวโลกในการเข้าแข่งขันสำคัญๆจนมีทักษะความชำนาญ และเข้าใจความต้องการของผู้ฟังในระดับ global market ซึ่ง ณจุดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่บ้านเรายังทำได้ไม่มากพอ

อัลบั้มประกอบไปด้วยการประพันธ์ขึนใหม่เกือบหมด แต่มีความแปลกที่นำงานของ Star War Theme ผลงานบันลือโลกของ John William และภาพยนตร์ในแนวกู้ชาติของอิสราเอลอันอื้อฉาวอย่าง Exodus Theme ของ Ernest Gold นักประพันธ์ชาวสหรัฐที่เกิดในออสเตรียและคงเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจของ David Helbock ที่เป็นชาวออสเตรียเหมือนกันในการนำเสนอ Exodus to Star War Theme ที่เป็นการเรียงร้อยออกมาได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนั้นก็มีการนำเพลง A Child is Born ของ Thad Jones มือทรัมเป็ตระดับโลกพี่น้องคนกลางแห่งตระกูลนักดนตรีแจ๊สตำนานที่ประกอบไปด้วย Hank Jones และ Elvin Jones มาเล่นอีกหนึ่งเพลงพร้อมแทร็คแรกของอัลบั้มจากงานของ Ludwig van Beethoven หนึ่งใน Three Bs (ร่วมกับ Bach และ Brahms) คือ Beethoven #7 2nd Movement นักประพันธ์คลาสสิคชาวเยอรมันที่สร้างชื่อเสียงในกรุง Vienna ในตอนเริ่มต้นอาชีพและตายในเมืองเดียวกันนี้ จึงเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญให้กับ David นักดนตรีจากเวียนนาเช่นกัน

ต้องบอกว่างานโดยรวมเปรียบเหมือน "การเดินทาง" ที่ไม่มีที่สิ้นสุดเพราะแต่ละแทร็คนั้นมีโครงสร้างดนตรีที่แตกต่า่งทั้งหนักหน่วง ไปจนถึงเงียบสงบใน Solo แทร็คที่ทำให้ผู้ฟังค่อยๆได้ยินเรื่องราวลี้ลับที่เปิดเผยที่ละนิด ภาคบันทึกเสียงที่ Hansa Studio ในกรุงเบอร์ลิน โดย Sound engineer มากประสบการณ์อย่าง Klaus Scheuermann ที่เป็นผู้มิกซ์และมาสเตอร์ทำให้เนื้อเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมีความชัดเจน และเป็นอิสระได้ยินตำแหน่งเครื่่องดนตรีแต่ละจุดได้เต็มอิ่ม เป็นมาตรฐานจาก Act Music ค่ายเพลงที่ได้รับรางวัลระดับประเทศแข่งกับ ECM มาตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ไม่นับรวม Cover Artwork ที่มีเอกลักษณ์ชวนให้พินิจพิเคราะห์ให้เห็นถึงความดื่มด่ำตั้งแต่ปกอัลบั้มกันเลยทีเดียวครับ

และนั่นทำให้ British Radio โดย Roland Spiegel ได้กล่าวดังนี้ถึงเขาและอัลบั้ม Into The Mystic ว่า “David Helbock is one of the most exciting players of the young European jazz scene. The listener experiences something new when he plays. And it‘s never ‘top-heavy’ music - it’s music that thrills the body and the mind”