หัวข้อล้นครับ จริง ๆ อยากตั้งว่า "ถามคนเล่นเครื่องเสียง-หูฟังแบบจริงจังครับ ยอมซื้ออุปกรณ์แพง ๆ มีความเชื่อว่าอย่างไร แล้วปลายทางอยากไปเจอกับอะไรถึงจะจบเหรอครับ"

4. เชื่อว่าอุปกรณ์ที่แพงขึ้น จะทำให้เราได้ฟังเสียงที่ถูกใจมากขึ้น

ความสมจริง เข้าถึงบรรยากาศก็ส่วนนึง แต่ถูกใจนี่มาก่อน

อยากได้นิยามความถูกใจของคุณ artpiggo อ่ะครับประมาณไหนเหรอครับ

อธิบายยากอ่ะครับ แต่ถ้าได้ฟังแล้วมันจะรู้เองอ่ะครับ 5555

ฟังแล้วรู้สึกว่าเสียงมันบาลานซ์ มีความเป็นกลาง ไม่เสียรายละเอียดล่ะมั้งครับ 

มันสนุกตรงได้ลองนี่ละครับ

ปกติก็ต้องลองก่อนซื้อนะครับ อาจจะลองแล้วพบว่าเสียงมีรายละเอียดดีขึ้น ฟังแล้วรุ้สึกเพราะขึ้นและค่าใช้จ่ายเหมาะสม ก็ค่อยซื้อ

สมัยนี้ร้านหูฟัง  หรือร้านเครื่องเสียงเขามีจัดให้ลองฟังแทบครบทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นที่ร้านขายแหละครับ

amp dac และหูฟังรุ่นสูงๆ ร้านมั่นคงสาขาเรือธงมีให้ลองก่อนซื้อ  หรือเครื่องเสียงบ้านชุดละหลายล้านบาท  ร้านปิยะนัสมีให้ลองก่อนซื้อเช่นกัน

ไม่จำเป็นต้องซื้อมาลองก่อน ไปลองฟังว่าเสียงมันเป็นยังไง เข้ากับแนวเพลงที่ฟังมั้ย  หรือเสียงดีขึ้นกว่าเดิมมั้ย เมื่อลองแล้วถูกใจ  และเงินพร้อมถึงซื้อครับ

ผมเพิ่งหัดเล่นหูฟังจริงจังมาแค่ไม่กี่เดือน ที่ซื้อมาเล่นทุกตัวเป็นระดับ Budget เช่น Zero Audio Carbo Basso/Tenore, Fiio X1/A3, Kinera, Senn HD201, JBL Grip เพราะรู้ตัวว่าไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย คิดว่าการเริ่มจากระดับ Budget แล้วค่อย ๆ ไต่ระดับไปน่าจะดีต่อการฝึกฝน/พัฒนาทักษะการฟังและการแยกแยะได้ดีกว่าการเริ่มเล่นจากระดับสูงไปเลย ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่หลายท่านในบอร์ดเคยเตือนไว้ว่า "มันไม่มีทางจบ" จากหูฟังตัวละพัน ต่อไปที่สองพัน ตอนนี้เริ่มเพิ่มงบเป็นหก-เจ็ดพันแล้ว เพราะรู้แล้วว่าของที่แพงกว่ามันดีกว่าจริง ๆ และมันช่วยพัฒนาทักษะเกี่ยวกับการฟังไปได้เรื่อย ๆ

ส่วนปลายทางนั้น ก็จนกว่าเฮียจะไม่ขายของให้ผม (เพราะกลัวผมเป็นโรคขาดสารอาหารตาย) ล่ะครับ ถึงจะจบ 555

เชื่อว่าสนุกตรง "ระหว่างทางครับ"  ปลายทางคงไม่เจอ เพราะผมเป็บแบบข้อ 3 อ่ะๆ
 

เข้าใจครับว่า ลองได้ แต่ผมว่าน้อยคนอ่ะครับ ที่จะไม่หาข้อมูลไปก่อนลองเพราะคงไม่มีเวลาลองทุกอย่างในร้านแน่ ๆ อย่างน้อยก็ต้องจำกัดสโคปอ่ะครับ ว่าจะลองตัวไหนบ้าง สโคปที่ว่าก็คงหนี้ไม่พ้นคนที่มารีวิวแล้วว่ามันดี ถูกต้องไหมครับ

ประเด็นต่อไปก็คือผมเห็นแต่ละคนรีวิว เสียงสูงดี เสียงกลางดี เสียงเบสดี เทียบกับอีกตัว เสียงเบสดีกว่าแต่เสียงสูงดีไม่เท่า อะไรพวกนั้น ตกลงเราหาอะไรกันแน่อ่ะครับ

หาอุปกรณ์ที่ปรุงแต่งเสียงจนเราพอใจ หรือว่าหาอุปกรณ์ที่แสดงเสียงที่ต้นฉบับที่ผู้ทำเพลงต้องการสื่อมากที่สุด? อันนี้ถามความเห็นนะครับ ไม่มีถูกผิดครับ

ผมแค่อยากได้เครื่องเสียงที่ทำเสียงเพลง หรือหนังออกมาในแบบที่ตัวเองชอบเท่านั้น

พอผมเจอแล้ว ... ผมก็จบครับ

ผมเล่นหูฟังมานานมาก เหตุผลที่เล่น สรุปง่ายๆคือเหมือน คุณกอลืฟ คห. 11 ครับ
หาให้พอใจแล้วเลิกซื้อ 
ชุดบ้านพอใจมาเกือบปีแล้ว 
ตอนนี้เหลือแต่พกพา ต้องหาซื้อหาเปลี่ยนกันต่อไป

ความสุนทรีย์ทางจิตใจ...คงไมมีอะไรเป็นบรรทัดฐาน
เหมือนคนชอบตกปลา...คันเบ็ดคันละหมืน รอกตัวหมืน-2หมืน ก็ยังเห็นกันเกลือนตามบ่อตกปลาใหญ่ๆ
ทั้งที่ชุดไมถึงพันก็ตกปลาได้เหมือนกัน

สำหรับผม ปลายทางคือ "เสียงที่ชอบ" ครับ ไม่ใช่เสียง "ตรงตามมาตรฐาน" เพราะสุดท้ายผมฟังเอง ไม่ได้ให้นักรีวิวมืออาชีพมาฟัง 5555 และไม่เคยมีความเชื่อว่าของแพงกว่าจะดีกว่าเสมอไป

ทุกครั้ง ต้นเหตุที่อยาก "อัพ" เบื้องต้นคืออ่านรีวิวแล้วคัน สุดท้ายต้องไปลองฟังว่าชอบจริงไหม และถ้าตัดสินใจซื้อนอกจากชอบเสียงแล้วยังต้องชอบหน้าตา  และถ้าเป็นหูฟังต้องสวมใส่สบายด้วย ราคาก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเช่นกันครับ

ทั้งนี้ยังไงก็ไม่เหมือนดนตรีสดจริงๆ ผมเองก็เล่นดนตรี (ตีกลอง) เสียงกลองจริงๆ ฉาบแฉ แสบหูกว่าชุดที่เราฟังกันเยอะครับ เข้าขั้นแสบดาก 55555555 เพราะฉะนั้นสำหรับผม ปลายทางคือ "เสียงที่ชอบ" ครับ

ตอนนี้ชุดที่ฟังอยู่ (ไม่ใช่ชุดแพงอะไร) ผมก็ปรับจูนนู่นนิด นี่หน่อย มาสักระยะ จนใกล้ลงตัวได้เสียงอย่างที่ชอบแล้ว เรียกว่าจบได้ในเรื่องของเสียง (สำหรับผมนะ เพราะคนอื่นมาฟังอาจไม่ชอบ) แต่เรื่องความคันคงไม่จบ เพราะมีอะไรใหม่ๆมายั่วให้เราอยากลองเสมอครับ

ดูที่เสียงถูกใจครับ จะถูกจะแพงไม่สำคัญ ขอให้ชอบแนวเสียงนั้นเป็นพอ ซื้อมาตัวละหลายหมืนแต่ถ้าไม่ชอบแนวเสียงก็ได้แต่แขวนให้ฝุ่นเกาะ 

ส่วนไฟล์เพลงก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน ลองเอาหูแถมมาฟัง mp3 320kbps เทียบกับ lossless แล้ว blind test นี่แยกยากมาก สำหรับผมแยกไม่ค่อยออก แต่พอใช้หูแพงๆจะทำให้เราได้ยินบางเสียงที่ไม่เคยได้ยินจากไฟล์คุณภาพที่สูงกว่า ซึ่งบางเพลงผมก็ชอบบางเพลงก็ไม่ชอบ เพราะหูบางตัวมันขี้ฟ้องเกินไปทำให้ฟังแล้วไม่ค่อยสนุก

ไม่มีความเชื่อครับ ฟังแล้วถูกใจก็ซื้อ
แต่ที่แปลกใจกับหูฟังตัวล่าสุดคือ เปิดเพลงเบาๆเสียงก็มาครบ ไม่ต้องเปิดดังเหมือนหูฟังตัวเก่าครับ

คำตอบของเรื่องนี้มันเป็นคำตอบเฉพาะบุคคล  จริงๆทั้ง 3 ข้อที่คุณยกมา  ก็ล้วนมีคนที่คนที่เล่นเครื่องเสียงจริงจังเป็นแบบใดแบบหนึ่งหรือมากแบบกว่านี้ก็ได้ทั้งนั้นคับ

คำว่าชอบของคนนึง ซึ่งไม่ว่าจะถูกจะแพง  คนนึงอาจชอบเสียงแบบ music lover คือเข้าได้กับเพลงหลากหลายประเภทและคุณภาพ  ในขณะที่ส่วนตัวผมผมอยากได้เสียงที่สมจริง เข้าไปใกล้เคียงเสียงเครื่องคนตรีจริง ฟังเพลงบางแนวได้ไม่ดีก็ช่างหัวมัน   แต่!!! ดันอยากได้เบสเยอะหน่อย(ซึ่งถือเป็น color)  มันไม่มีอะไรตายตัวอีกต่างหาก  เพราะเวลาเปลี่ยนใจผมก็เปลี่ยนด้วย 5555

ถ้าอยากรู้ทำเป็นโพลเลย  555   เพราะก็มีคนตอบทุกข้อแหละคับ

ผมซื้อของก็ลองฟังก่อนซื้ออยู่แล้วล่ะครับ แต่ประเด็นคือตัวแปรที่ร้านกับบ้านมันต่างกันทั้งซิสเต็มทั้งระบบไฟจะให้ยกไปหมดมันก็ใช่เรื่อง หรือยืมกลับไปฟังที่บ้านสำหรับผมเองไม่สะดวกเลยเดี๋ยวคนที่บ้านจะตกใจว่าขนอะไรเข้ามาอีกหาข้อแก้ตัวลำบากแท้ การลองที่ร้านมันก็ฟังแค่อนวเสียงว่าพอ ไปไหว รึป่าว แค่นั้นเองครับ

ผมเห็นด้วยกับข้อ 1 80-90%
ผมเห็นด้วยกับข้อ 2 50%
ผมเห็นด้วยกับข้อ 3 100%

สำหรับผม ถ้าให้ตอบคำถามที่ว่า "ยอมซื้อ อุปกรณ์แพงๆ มีความเชื่อว่าอย่างไร" 
ส่วนตัวผมมักจะเชื่อว่าของแพงกว่าย่อมดีกว่า เกือบ จะเสมอไป แต่เนื่องจากว่าเราไม่สามารถ หาซื้อของแพงเกินกำลังทรัพย์มาลองได้ ดังนั้นแพงของผมอาจจะเป็นของถูกของคนอื่นก็เป็นได้ สุดท้ายผมว่า แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคน ว่าพอใจจะหยุดหรือจำเป็นต้องหยุดที่ตรงไหนมากกว่าครับ ส่วนเรื่องเสียงผมรู้แต่ว่าผมฟังของผมแล้วมันก็เพราะดี แต่ก็เชื่อว่ามันยังเพราะได้มากกว่านี้อีก ถ้ามีอุปกรณ์ที่แพงกว่านี้มาเสริมเติมต่อไปเรื่อยๆ (สรุปผมเชื่อข้อ 1)

ขึ้นอยู่กับความพอใจครับ ตั้งแต่เริ่ม จบ จะจบหรือไม่อยู่ที่ใจ

ผมยอมลงทุน ยอมซื้ออุปกรณ์แพงๆ เพราะ "ผมอยากฟังเพลงที่เพราะขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่เทคโนโลยีอันเป็นผลจากการแข่งขันในแต่ละช่วงเวลาจะไปถึง ในงบประมาณที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ ที่ผมมีในขณะนั้นๆครับ"

เนื่องจากเล่นอุปกรณ์พวกนี้มานานร่วม 10 ปี, "พัฒนาการ" ของอุปกรณ์ในการสร้างเสียงที่สมจริงและไพเราะขึ้นเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่สามารถสร้างความประทับใจในระดับที่สูงขึ้นๆ ให้กับผมได้ในทุกช่วง 2-3 ปี (ปีต่อปีจะยังไม่เห็นความแตกต่างมาก เนื่องจาก top of the line ของยี่ห้อส่วนใหญ่จะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนรุ่น ยกเว้นในการณ์ที่มียี่ห้อใหม่ hot hot มาตีตลาด)

มันสนุกดีครับที่บางช่วงผมจะห่างหายไปจากวงการ และกลับมาใหม่พร้อมกับความอยากรู้อยากเห็นว่า เอ๊ะเด่วนี้มีของเล่นอะไรใหม่บ้าง ไปกันถึงไหนแล้ว ได้ฟังแล้วรู้สึก "โอ้โห.." ในหลายๆครั้งที่กลับไปร้านเรือธง ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนในแวดวงว่าด้วยประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของอุปกรณ์ในปัจจุบัน เปรียบเทียบกับในอดีต ได้วางแผนจัดชุด ได้แมตซ์ชิ่งอุปกรณ์ และได้สรุปความเห็นของตนและเพื่อนๆออกมาในรูป combo happy meal ที่น่าจะเหมาะกับเราที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ

และดำเนินการ.. "จัดหามัน" ทั้งมือหนึ่งและมือสอง ตามแต่สถานการณ์ความหายากง่าย ตามแต่ความคุ้มค่าและโอกาสในการครอบครอง

ในระยะสั้น ผมอยากให้ปลายทางมีจุดจบ ตนจะได้พอใจกับการจัดชุดสุดท้ายที่ปรารถนา

ในระยะยาว ผมอยากให้วงการมีการพัฒนา มีผู้ผลิตหน้าเก่าและใหม่แข่งขันกันไปเรื่อย จนสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ในราคาที่ถูกลงได้ สร้างให้เกิดความคุ้มค่ากับผม และผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเข้าสู่วงการครับ

สรุปคือผมน่าจะเป็นแบบ 1 นะครับ แต่ไม่ปิดกั้นว่าอุปกรณ์จะต้องแพงขึ้นๆ อาจจะราคาเท่าเดิมหรือถูกลงเล็กน้อยแต่ดีขึ้นก็ได้ ส่วนแบบ 2 สำหรับผมไม่จำเป็นเลย เพราะคุ้นชินกับการฟังเพลงจากคาสเซ็ทเทปมาตั้งแต่เด็ก โอกาสที่จะได้ฟังดนตรีสดนั้นมีน้อยมาก ที่พึงจะได้ฟังคงมีแค่เปียโนกับกีตาร์ด้วยความที่เคยเรียนมาแต่เด็ก

สำหรับผม เป็นที่น่าขบคิดอยู่ดีว่า อุปกรณ์หรือเครื่องดนตรีที่แท้จริงนั้น เนื่องจากมีช่วงราคาที่หลากหลายมากกว่าอุปกรณ์ฟังเพลงของเราๆเสียอีก คุณภาพเสียงของแต่ละเครื่องดนตรีในแต่ละช่วงราคาจะยิ่งมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงไร อาจจะเป็นโชคที่ผมไม่ได้ฟังดนตรีสดมามากก็ได้ครับ เลยไม่ได้ยึดติดกับเสียงของแต่ละชื้นตนดรีที่อยากได้ยิน

อยากได้ชุดที่ตัวเองฟังแล้วชอบครับ

ตอนนี้ผมได้ชุดที่ว่าแล้วครับ ไม่คิดจะขวนขวายอะไร แล้ว

1 DAP 1 AMP 2 Fullsize 1 Earbuds 1 IEM ที่ครอบครองอยู่ล้วนเป็นตัวที่ชอบ ฟังแล้วยิ้มได้ เพราะงั้นคงไม่เก็บตังค์อัพเกรดอะไรเพิ่ม แล้ว

เว้นแต่จะได้โบนัสหนักๆ อันนั้นค่อยว่ากันครับ 555

"ถามคนเล่นเครื่องเสียง-หูฟังแบบจริงจังครับ ยอมซื้ออุปกรณ์แพง ๆ มีความเชื่อว่าอย่างไร แล้วปลายทางอยากไปเจอกับอะไรถึงจะจบเหรอครับ"

เชื่อว่าสิ่งที่ได้รับกลับมา คุ้มกับเงินที่จ่ายออกไปครับ
ไม่ว่าจะในแง่ไหนก็ตาม ที่ตอบสนองความอยากของตนเอง
เช่น สวย เสียงดี หรือแม้แต่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ 

พอเข้าที่ ใช้ได้สักระยะ  ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะคัน อยากขยับอีกเมื่อไหร่ อิอิ

พัฒนาการ การฟัง การซื้อ การเลือกใช้ ขึ้นอยู่กับหลายๆอย่างครับ เช่น
1. ประสบการณ์ในการฟัง ยิ่งฟังหรือใช้มานานก็จะเห็นความแตกต่างเอ็งครับ ไม่ต้องอธิบายยาก
2. ความชอบ ความรักในการฟัง ลอง เล่น เป็ฯชีวิตจิตใจ ความประทับใจในการเล่น และลอง ก็ช่วยให้เรายังเล่นไปได้เรื่อยๆ
3. กำลังทรัพย์ นี่คือปัจจัยที่สนับสนุนให้เล่นมากขึ้นด้วยครับ

มันเป็นของเล่นอย่างนึงของผู้ชายครับ รถ นาฬิกา พระเครื่อง เครื่องเสียง สำหรับผมถึงไม่ลงกับหูฟังก้ไปลงกับอย่างอื่นอยู่ดี ผมชอบที่มันไม่ต้องมี mainetance มากเหมือนรถ แต่ให้ performanceได้ และมีความสุขกับมันขณะทำงานไปด้วยได้ ถึงบางครั้งเม็ดเงินที่ลงไปไม่คุ้มตามราคาที่เพิ่ม (price-to-performance ratio) แต่การขยับ upgradeทีละนิดละหน่อยมันก็ทำให้หายเบื่อได้(บ้าง)...

เรื่องเสียงนี่เป็นเรื่องความพอใจส่วนตัวจริงๆครับ
ยิ่งแพง เสียงก็ยิ่งดีขึ้นเป็นธรรมดาครับ

แต่มันสนุกตรงเลือกจัดอุปกรณ์ให้เข้ากับแนวเสียงที่เราชอบมากกว่าครับ

ตามแต่กำลังกระเป๋าครับ

เชื่อว่าหูเราจะพัฒนามากขึ้น และ ชุดเครื่องเสียงกูจะพัฒนามากขึ้นเหมือนกัน

ผมก็เริ่มต้นกับแค่ X3 และ SE215LTD คับ 

ถึงชุดปัจจุบันนี้จะแค่ Ak300 + Oriveti แต่ผมบอกเลยว่า พัฒนาการฟังเพลงของผมเพิ่มขึ้นมาอุปกรณ์จริงๆคับ

และที่ผมยังอยากอัพไปต่อก็เพื่อต้องการจะฟังเพลง"ให้เหมือนกันที่หูตัวเองได้ยินจากเครื่องดนตรีจริงๆ"

ผมนี่ยึดติดกับเครื่องดนตรีมากๆเลยคับ ฮ่าๆๆ
ทุกวันนี้อยากจะอัพ เพื่อให้ใกล้เคียงกับ"เสียงจริงๆ" มากที่สุด

ปล.ผมเรียนดนตรี ก็เลยพอมีโอกาศได้ฟังสดบ้าง ไม่รู้เป็นข้อดีรึเปล่า แต่เวลาลองหูฟังเนี่ย ผมจะคัดออกเร็วมาก โดยเฉพาะตัวที่เราฟังแล้ว ทำให้คาเร็กเตอร์ของเครื่องดนตรีชิ้นนั้น ในเพลงนั้น เปลี่ยนไป เราจะตัดมันออกไปในทันที ฮ่าๆๆ

ผมเคยถามตัวเอง เคย"กดดันตัวเอง" ว่าจะซื้อไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะ "จบ" สักที  ตกลงเรา"ฟังเพลงหรือฟังอุปกรณ์" กันแน่ บลาๆๆๆ  แล้วตอนนั้นผมก็จบได้จริงๆครับ....

....แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ "ความสนุก" จากการได้ค้นหา ทดลอง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ชอบสิ่งเดียวกันกับเรา การได้ไปตระเวนทดลองแลกเปลี่ยนกันฟัง หรือแม้กระทั้งการเฝ้าบอร์ดมือสองเพื่อรอซื้อของที่เรางบไม่ถึง

มาวันนี้ ผม"ละทิ้ง" การกดดันตัวเองให้"ต้องจบ"แบบแต่ก่อนแล้ว เพราะสำหรับผม "ดนตรีคือชีวิต"ครับ อยากฟังก็ฟัง อยากซื้อก็ซื้อ อยากค้นหาก็ค้นหา....

....บางทีความสุข แม้จะแพง มันก็ทำให้เราสุขครับ แค่นั้นเอง

Happy Listening ครับทุกท่าน

ผมกล้าพูดเลย set ปัจจุบันผมกล้าซื้อแพงๆลงเงินไปเยอะพอสมควร 90% คือตามฝันวัยเด็กครับแค่นั้นจริงๆซึ่งฝันวัยเด็กของผมก็จบลงผมคงไม่ก้าวไปต่ออีกซักพักใหญ่ๆ

แต่ถามว่า เม็ดเงินที่ผมจ่ายเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากเมื่อก่อน ให้เสียที่ดีขึ้นสำหรับผมเท่าไร บอกตรงๆผมตอบคำถามนี้กับตัวเองยากมาก หูถั่วๆไม่สมค่าอุปกรณ์อย่างผมฟังแล้วไม่ได้ต่างจากของถูกๆเกิน 30-40% หรอกครับ ว้าวครั้งแรกตอนเสียบ ฟังครั้งที่สองก็งั้นๆครับ

ผมว่าต้องแยกให้ออกระหว่างคนที่เล่น gadget  กับคนที่เน้นฟังเพลงอย่างเดียว สำหรับผม การฟังเพลงเป็นเพียงส่วนเดียวของการเล่น gadget ส่วนตัวผมไม่มีทิศทาง เป็นเรื่องอารมณ์ ความอยากลอง  ความสุนุก กิเลส และเงินในกระเป๋าล้วนๆครับ การเล่นพวกนี้ความสนุกไม่ได้อยู่ที่การฟังเพลงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความที่ได้เล่น ได้ลองอุปกรณ์ใหม่ การจับโน่นมาต่อนี่แล้วดูว่าเสียงจะเป็นยังไง การ matching อุปกรณ์ต่างๆที่ราคาไม่แพงมากแต่เสียงดีเทียบเท่าราคาแพงๆ แค่นี้ก็รู้สึกสนุกแล้วครับ คนที่เล่น gadget ครับ เวลามีอะไรใหม่ๆออกมาก็อยากลอง อยากเล่น อยากซื้อ พวกนี้จะมีหูฟังหรืออุปกรณ์ต่างๆเยอะกว่าคนที่เน้นฟังเพลงอย่างเดียว บางครั้งก็มีเยอะจนเกินความจำเป็น แต่ถ้าราคาแพงเกินก็ไม่ไหวครับ เช่น dap หรือหูฟังหลักแสน สายอัพเกรดหลักแสน อันนี้ก็คงจะไม่ซื้อ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากลองให้มันได้รู้ ได้มีประสบการณ์ ครับ 

เห็นด้วยกับเม้นนี้สุด  สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับความจริงว่าตัวผมนั้นเป็นเรื่องกิเลสล้วนๆคับ 555

ดีนะผมเล่นไม่จริงจัง

ส่วนตัวคือไปลองแล้ว ชอบแนวเสียงครับ ส่วนมากผมจะโดนรุ่นรองทอป ของแต่ละbrand ครับ เช่น jh ผมลอง Layla กลับไม่ชอบๆ Roxanne ยี่ห้อ campfire audioลอง vegaนี่ไม่ชอบเอาเลย ชอบตัวรองอย่าง andromeda 
ผมว่ามันเกี่ยวกับความชอบมากกว่าครับ บางคนชอบหูตัวละ4-5000มากกว่าตัวหลักหมื่นก็มีครับ
ถ้าชอบแล้วไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็จัดเลยครับ ซื้อความสุขของเราเอง