หาหูฟังที่เป็นกลางสูง (ไม่ V shape ) ไว้คู่กายซักชุด เช่น ของผมจะมี Re400 และ HD650 ไว้เป็น baseline แล้วพอเราไปฟังตัวอื่นเราจะรู้เลยว่าหูตัวนั้นมีเสียงย่าน khz ไหนแหลมออกมา หรือมีอะไรขาดหายไป stage ออกจากหัว มิติยังไงรู้หมด
ทางที่ดีให้ไปนั่งลองพวก high-end ที่ร้านเฮียซัก 1 ช.ม.+ ก็พอ ไว้เป็นประสบการณ์ แนะนำเป็นหู fullsize ด้วยเพราะจะเสียงจะจับต้องได้กว่าแน่ๆ
ตามที่จำได้จากอาจารย์หลายท่านบอก คือ ไม่มีทางลัด ต้องฝึกฝนบ่อยๆ เท่าที่พอจะสรุปแบบสั้นๆ ของผมเอง
1. ควรไปชมการแสดงสดของมืออาชีพบ่อยๆ เราสังเกตฟังเรื่องเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น ตำแหน่งของเครื่องเสียงแต่ละชิ้น เสียงร้อง เป็นต้น เราจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงเรื่องซาวนด์สเตจหรือเวทีเสียง และอื่นๆ แบบที่เขาพูดกัน
2. อย่าลืมว่ารสนิยมในการฟัง หรือเรียกง่ายๆ ว่าความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบเสียงทุ้มที่กระแทกกระทั้นบางคนขอสบายๆ บางคนชอบกรุ้งกริ้งๆ รายละเอียดมากๆ ขณะที่บางคนชอบแบบละมุนละไม เป็นต้น ไม่มีใครผิด หรือถูก การได้ชมการแสดงสด เรียกว่า เราเข้าใจธรรมชาติของต้นฉบับได้ดีก่อน ว่าควรจะเป็นอย่างไร ไม่งั้นโอกาสหลงทางสูงครับ
3. หูฟังดีๆ ยังไงก็สู้ลำโพงดีๆ ไม่ได้ เพราะมีข้อจำกัดในการออกแบบมากกว่าลำโพง ทางที่ดีก็ควรหาโอกาสฟังเครื่องเสียงที่จัดชุดมาดีๆ บ่อยๆ อย่างที่เขาจัดงานแล้วมีบูธที่จัดชุดแบบเต็มที่ หรือ ร้านเครื่องเสียงที่เขาเลือก และจัดวางเครื่องเสียงอย่างดี เพราะหลายร้านเขายินดีให้เราฟังได้เท่าที่ต้องการแม้จะไม่ซื้อของเขาก็ตาม(เขาก็มุ่งหวังการขายในอนาคต) เมื่อฟังแล้วก็ให้นึกเปรียบเทียบไปกับการแสดงสดที่เราเคยฟังมา เราจะเริ่มเข้าใจว่ามันสมจริงไหม ตำแหน่งชิ้นดนตรีเป็นอย่างไร เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นดังหรือเบาโดดออกมาไหม กลมกลืนกันขนาดไหน กับ ฯลฯ
4. เมื่อถึงจุดนี้ หากจะดูคอนเสิร์ต หรือฟังเพลงจากหูฟัง เราจะมีหลักอ้างอิงของเราเองพอสมควรแล้ว
5. ถ้าเป็นไปได้ อาจต้องถาม ต้องปรึกษากับคนที่ชำนาญกว่าเราบ้าง เรื่องศัพท์แสงที่เข้าใช้ หมายถึงอะไร อยู่ตรงไหน
อย่างหูฟังที่เขาว่าติดดาร์ค นี่ ผมยังไม่แน่ใจว่าที่ผมเข้าใจจะตรงกับท่านอื่นหรือเปล่า
ผมเองก็พยายามฝึกอยู่ครับเลยเข้าใจหัวอก จขกท.เลย ผมอยู่ต่างจังหวัด แถมบ้านอยู่หน้าเขานิดเดียว โอกาสจะได้ทำตามแบบที่เล่าๆ น้อยมากครับ ศัพท์แสงต่างๆ ไม่รู้จะถามใครเหมือนกัน จะถามมากๆ กลัวเขารำคาญ อิอิ
ทั้งหมดทั้งปวงจำขี้ปากเขามา แล้วสรุปเป็นภาษาบ้านๆ ของผมเอง รอผู้รู้เข้ามาช่วยนะครับ ผมก็รออ่านด้วยคน
ว้าว...ทำไมมันถึงกลายเป็นกระทู้กลายพันธุ์ไปเเบบนี้หล่ะ55555
ฝึกหูทำไม่ยากหรอกครับ เเต่ต้องมีทุนระดับนึงอันนี้คงต้องยอมรับครับ
อาศัยการฟังบ่อยๆให้คุ้นเคยกับชุดที่ฟังจนเราเริ่มจับทางได้ ก็เริ่มฟังหลากหลายเเนวขึ้น หูเราก็จะเริ่มชินครับ เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่ามันก็อยู่ที่สรีระของหูเเต่ละคนด้วยครับ
เพราะหูใครหูมันอ่ะเนาะคงคาดหวังให้เหมือนกันออกมา100% ก็คงไม่ได้
ส่วนที่ว่าเเพงไม่เเพงผมว่ามันไม่ใช่ประเด็นครับ
ผมเองตอนนี้ก็เปนนักศึกษาอยู่ครับ ก็ทำงานพิเศษล้างจาน ล้างส้วม เสริฟอาหาร เก็บเงินซื้อเอาเเหะๆ
ผมเริ่มเล่นหูจากตอนมัธยมต้นครับหูเเรกในชีวิตเลยก้มาจากร้านเฮียนี่ละ ตอนนั้นเริ่มจากความชอบก่อนครับไม่ได้คิดจะมาฟังเพลงเทพจริงจังอะไรเพียงเเต่ชอบฟังเพลงครับ
ก็เริ่มจากหูถูกๆเลยตามงบอ่ะครับ พอโตมาก็เริ่มมีเงินเก็บมากขึ้น ก็เริ่มขยับไปตามงบ ผมคิดว่าเราจะเห็นความต่างได้ชัดเจนมากๆครับยิ่งขึ้นมาชุดเเพงขึ้นคาเเร้กเตอร์เสียง องค์ประกอบหลายๆอย่างมันเริ่มเปลี่ยนนะครับ เเล้วจะชัดเจนมากถ้าเราอยู่กับมันมาช่วงเวลานึงจนเราคุ้นเคยกับมัน เหมือนมีน้องชายเลยอ่ะครับ5555 ผมโตขึ้นเครื่องเสียงก็โตขึ้นตาม(คาเเร็กเตอร์เสียงเป็นผู้ใหญ่ขึ้น)
ปล.สุดท้ายผมไม่ได้หูเทพอะไรหรอกครับ ก็รักการฟังเพลงเฉยๆเนาะคงสู้พี่ๆหลายๆคนไม่ได้ครับ เเต่ที่เล่ามาเป็นประสบการณ์ของผมเอง
เรื่องบางเรื่องมันพรสวรรค์ เรื่องบางเรื่องต้องมีทักษะ
การแยกแยะเสียง ตามที่คุณ rock dragon บอก ต้องฟังบ่อยๆ
ต้องคอยสังเกตุ ง่ายๆ ก็ฟังเพลงเดียวกับนักวิจารณ์
แล้วดูว่า ที่เค้าวิจารณื เราฟังออกมั้ย