เมื่อต้นปีนี้ Universal Japan ได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 100th Anniversary First Jazz Records 1917-2017 ที่ Dixieland Jazz band ได้สร้างประวัติศาสตร์ไว้ โดยได้ทยอยออกงาน All of Jazz Series จากใน Archive โดยจัดทำ Remastering ในรูป SHM-CD (Super High Material) ที่ให้ภาคบันทึกเสียง Acoustic ที่สุดยอดมากทั้งๆที่ในอัลบั้มเดิมจัดว่าทำได้ดีอยู่แล้วมีมิติและความสุขสว่างของมวลเสียงดนตรีชวนให้ผมต้องดื่มด่ำกับมันมากยิ่งขึ้น (ดับเบิ้ลเบสออกลำโพงซ้าย กลองลำโพงขวา เปียโนกับฟลุ๊ตอยู่กลาง) โดยทาง Universal Japan ได้จัดทำหลายอัลบั้มมากในรูป Limited Edition และนี่คือกลยุทธ์ของค่ายเพลงในญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่าจับจังหวะเวลาในการออกผลงานดีๆพร้อมการ Remastering ที่มักจะเรียกแขกประจำอย่างผมให้ต้องถวิลหามาให้ได้
หนึ่งในนั้นคือผลงานที่ผมกล่าวถึงจาก Bill Evans Trio จากอัลบั้ม What's New ที่เป็นงานบันทึกเสียงในสังกัด Verve Records ประกอบไปด้วยมือกลองหน้าใหม่ของ Bill Evans ในขณะนั้นคือ Marty Morell แต่กลับพบว่าเป็นมือกลองที่อยู่กับ Bill Evans ยาวนานที่่สุดถึง 7 ปี (แม้ Bill Evans จะเคยกล่าวว่ามือกลองที่เขาชื่นชอบที่สุดคือ Philly Joe Jones ก็ตามเถอะ) และมือเบส Eddie Gomez ตำนานมือเบสที่สองคนหลังถือว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่แยกย้ายไปประสบความสำเร็จในภายหลัง
Jeremy Steig มือฟลุ๊ตในแวดวงแจ๊สที่อาจจะไม่โด่งดังมากนักเมื่อเทียบกับงานของ Herbie Mann นักฟลุ๊ตที่ก็เคยมีผลงานกับ Bill Evans เช่นกันหลายปีก่อนจากอัลบั้ม Nirvana ก่อนที่จะมาเอาดีกับงาน Bossa Nova, World Fusion จนโด่งดังมากทีเดียว หรือนักฟลุ๊ตท่านอื่นเช่น Hubert Laws ที่ก็มีชื่อเสียงโดยเฉพาะในสังกัด CTI แต่คงต้องบอกว่านักฟลุ๊ตที่โดดเด่นในแวดวงแจ๊สมีน้อยเต็มทีเพราะสุ้มเสียงของมันมีความเนียมนุ่มเกินกว่าที่จะเป็นส่วนในงาน Straight-Ahead Jazz ได้อ่ย่างเครื่องดนตรีกลุ่ม Brass, Woodwind อื่นๆ แต่ไม่ต้องไปเทียบกับงานฟลุ๊ตอย่าง James Galaway นะครับมันคนละเรื่องเดียวกันเลย
Jeremy Steig ในขณะนั้นจัดเป็นหนุ่มห้าวและเตะหู Bill Evans อย่างมากเนื่องจาก Bill Evans เป็นนักเล่นฟลุ๊ตและ Piccolo กว่า 14 ปีก่อนจะให้ความสนใจจริงๆจังกับ Grand Piano จึงเข้าใจและเห็นความยากและบ้าบิ่นในตัว Jeremy Steig ว่าเป็นศิลปินที่น่าจะมีการออกผลงานไม่วันใดก็วันหนึ่งหลังจากที่ได้มีโอกาสฟังการเล่นของ Jeremy ในวง Paul Winter Sextet ใน Florida ช่วงปี 64 จนกระทั่งเหตุการณ์เป็นใจเมื่อ Jeremy ได้ย้ายถิ่นฐานมาพำนักในแถบ Greenwich Village ในช่วงปี 68 ซึ่ง ณที่นั่นมี Club Jazz ระดับโลกสองแห่งคือ Village Vanguard และ Top of The Gate หรือ Village Gate (ปิดตัวลงเมื่อปี 1994 แต่เนื่องจากนักดนตรีและแฟนๆรู้กันวาเป็นชั้นบนที่เปิดให้มีการเล่นแจมจึงถูกเรียกว่าเป็น Top of the Gate) และได้มีการเล่นในช่วงกลางคืนกันอยู่บ่อยครั้งในคลับดังกล่าวจนในที่สุดแผนการบันทึกเสียงอัลบั้ม What's New จึงได้เกิดขึ้นในปีถัดมาด้วยความมั่นใจในตัว Jeremy และความถึงพร้อมของวง
What's New อัลบั้มที่มีความยาวราว 45 นาทีหย่อนกับ 7 เพลงคลาสสิคแต่พอดีกับการจัดสัดส่วนงานบรรเลงที่แต่ละเพลงถูกถ่ายทอดออกมาเต็มอิ่ม งานของ Monk ใน Straight No Chaser ที่เปิดมาก็กระแทกหูผู้ัฟังด้วยเสียงฟลุ๊ตของ Jeremy ที่ทำให้บทเพลงนี้ดูมีเสน่ห์และเย้ายวนให้ฟังจนจบว่า Jeremy และ ฺBill จะพาเราท่องไปในอาณาจักรเสียงเพลงอย่างไร ไม่นับรวม Autumn Leaves เวอร์ชั่นที่สวิงและดุเดือดมากจนกลีบใบไม้ในช่วงร้อนๆแบบนี้ล่วงหล่นกระจายไปเลย 555 และที่ผมชอบมากคือ Ballad เพลง Spartacus Love Theme จากภาพยนตร์อมตะ Spartacus (ซึ่งมีศิลปินที่หยิบมาปัดฝุ่นได้สุดยอดอยูjสองสามท่านจะมาเล่าให้ฟังในภายหลัง) ที่ Bill Evans เริ่มด้วย Ballad ก่อนที่ทีมจะเริ่มกึ่ง Waltz Swing ในกลางเพลงและจบอย่างสวยงามอย่างราวกับตอนจบแบบ Happy Ending ทีเดียวตามแบบฉบับ Hollywood
What's New จึงเป็นอัลบั้มที่ฟังไม่ยากสำหรับคนที่จะเริ่มหัดฟังแจ๊สแต่ก็ไม่ถึงกับฟังง่ายจนไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะการเล่นของ Jeremy นั้นเรียกว่าล้ำยุคสมัยในปี 1969 อย่างมาก ไม่นับรวมการ Improvise ของ Bill ที่ยอดเยี่ยมในทุกแทร็ค อินโทรแต่ละเพลงก็เล่นเราตายคาหูฟังไปเลย หรือปล่อยให้ Jeremy ทะลุทะลวงควบไปกับเบสและกลองอย่างเมามันส์ในแทร็ค So What บทเพลงที่อาจเรียกได้ว่าโด่งดังที่สุดของ Miles Davis น่าเสียดายที่ทั้ง Bill Evans ได้จากเราไปหลายสิบปีที่แล้ว และยิ่งกว่านั้น Jeremy Steig เพิ่งจากเราไปเมื่อเมษาปีที่แล้วเองครับ
ดังนั้นเมื่อเป็นแผ่นจากญี่ปุ่นในรูป SHM CD นี่ผมรีบจัดเลย แล้วก็ Running Low Stock และจะเป็น Out Of Stock อย่างรวดเร็วหลังจากที่ออกในต้นปี 2017 นี้ครับ