สวัสดีครับ ทุกท่าน
ผมก็ขอมาเขียนอะไรสักเล็กน้อยนะครับ เพราะหลังจากนี้จะกลับบ้านต่างจังหวัด จะเขียนที่นั่นก็ไม่ได้ด้วยสินะ
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ผมพึ่งจะเริ่มสนใจสิ่งที่เรียกว่า vinyl ซึ่งแต่ก่อนผมแทบไม่ได้สนใจเลย ในสายตาคนเกิดทศวรรษ 90 อย่างผม แผ่น vinyl ดูจะเป็นอะไรที่คร่ำครึมากๆ คงจะเป็นอะไรที่แก่เกินแกงแล้ว ไม่น่าจะสู้ CD ที่เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบันได้ ยิ่งในตอนนี้ทางผู้ผลิตค่ายต่างๆ แข็งขันมุ่งพัฒนา DAC ออกมามาก แปลงสัญญาณได้เก่งขึ้น ไพเราะขึ้น ละเมียดและนิ่งขึ้นไปอีก ดูแล้วก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องสนใจแผ่นดำๆเก่าๆอย่าง vinyl อีก
แต่หลังจากที่ได้ลองอ่านและสืบค้นข้อมูลแวดล้อมต่างๆของ vinyl และเจ้าเครื่องเล่น "Turntable" ผมก็ได้พบว่า vinyl นั้นยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตายเช่นในแบบที่ MD ตายไปแล้ว นอกจากจะมีการผลิตอัลบั้มทั้งเก่าและใหม่ออกมาเรื่อยๆแล้ว vinyl ยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งในแวดวง audiophile ด้วย ง่ายๆก็คือ เสียงไม่ได้เก่าเกินเยียวยา และจากที่ได้ลองฟังตามแหล่งร้านขายแผ่นเสียงดูแล้ว เสียงของ vinyl นั้นก็ส่งแรงเสน่ห์ที่มากเพียงพอที่จะทำให้ผมต้องปรับเปลี่ยนชุด system ของผมอีกครั้ง (ว่าจะไม่เปลี่ยนแล้วเน้อ ไม่น่าไปฟังเลยเรา)
จะด้วยว่าลำโพงที่ร้านดีหรืออะไรไม่ทราบ จากการฟังเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงของ vinyl ที่บรรเลงออกมามีเสน่ห์มากๆ มีเนื้อมีหนัง มีความสมจริง ลมทุกชนิดเป็นธรรมชาติมากๆ ตัวที่ชี้ขาดมากๆคือเพลง Jazz ที่มี sax ปกติผมไม่ชอบ sax เลย แต่ฟังจาก vinyl ต้องยอมเค้าจริงๆ (เรื่องเสียงไว้ผมสนิทกับ vinyl อีกสักครึ่งปีอาจกลับมาบรรยายละเอียดๆนะครับ)
ทั้งเสียงดี แถมมีแผ่นทั้งที่เป็นเก่า และแผ่นใหม่ผลิตออกมาเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีกลุ่มคนเล่นจำนวนไม่น้อยและเหนียวแน่น การเล่น vinyl ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ยาก เก่า คร่ำครึอีก ดูแล้วที่คงจะเป็นเรื่องน่าค้นหาเรื่องใหม่ คิดได้เช่นนี้แล้วผมจึงกริ๊งกร๊างไปหาท่านหนึ่งแถวๆนี้ ท้ายที่สุดก็ได้ Turntable เครื่องแรกในชีวิตมาเป็นของตัวเอง system ผมตอนนี้เป็นเช่นนี้ครับ(AT-PL120, X-CAN V8, AKG K702)
นี่คือหน้าตาของ AT-PL120 turntable entry level ของ audio-technica ครับ
หลังจากที่ได้เครื่องมาก็ปรับน้ำหนักหัวเข็มแบบลวกๆแล้วลุยเลย ที่เรียกว่าลุยเลยเพราะไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้จริงๆครับ ขนาดแผ่นที่นำมาใช้เล่นผมยังไม่ได้นำไปล้างเลยครับ (เป็นแผ่นเก่าเก็บของคุณตาผม สภาพดีมากครับ) แผ่นที่ผมนำมาเล่นก็คืออัลบั้มนี้ครับ
เชื่อไหมครับว่าแผ่นนี้ผลิตปี 1973 แต่ตอนนี้ปี 2010 ผมนำมาฟังกับ system ระดับ entry ของผม ขอบอกเลยครับว่ามันไม่ใช่ลักษณะที่ท่านๆจินตนาการไว้เลยครับ การอัดเสียงทำได้ดีมากๆ รายละเอียดทุกอย่างที่พึงได้ยินก็มาครบหมด ฉากหลังก็มีความเงียบพอประมาณ ไม่ vintage แน่ๆครับ ผมกำลังจะบอกว่า นอกจากว่าท่านจะเล่น vinyl เพื่ออยากคืนสู่บรรยากาศเก่าๆแล้ว ยังมี vinyl ในแบบฉบับของ modern อยู่ครับ เสียงที่ได้จาก vinyl ดีไม่แพ้ CD ครับ คุณภาพเสียงทันยุคทันสมัยแน่นอนครับ
เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่คนที่อยากจะเข้ามาเล่น vinyl กังวลมากคือเรื่องของแผ่น ก่อนหน้านี้ผมก็คิดอยู่ว่า คงไม่มีอัลบั้มใหม่ๆผลิตออกมาแล้ว แผ่นก็คงจะเฉพาะกลุ่มจนราคาแพงมากจนสู้ไม่ไหว ซึ่งความจริงไม่ใช่อย่างนั้นครับ อัลบั้มใหม่ๆของศิลปินใหม่ๆ ยังคงมีการผลิตออกมาในรูปของ vinyl อยู่ตลอดครับ ขนาด J-Pop อย่าง Nakashima Mika หรือ hiphop อย่าง m-flo ยังมีเลยครับ สำหรับผมฟัง Classic และ J-pop เป็นหลัก อ้างอิง auctions.yahoo.co.jp ราคา vinyl มือหนึ่งก็ไม่หนีจาก CD ล่ะครับ บางทีก็ถูกกว่ามากเสียด้วยซ้ำครับ ไม่นานมานี้ผมก็พึ่ง bid first love ใหม่มาได้ 1,500 เยนเองครับ แต่ก็จะมีบ้างครับชุดที่มีการสะสมหรือหายากๆ มือสองยังแพงกว่า CD มือหนึ่งอีก แต่บางทีก็จังหวะก็เอื้อให้ได้ในราคาถูกครับ ก็แหม เป็นการ auction นี่นา อ้อ ในไทยเองก็มีตลาดแผ่น vinyl อยู่นะครับ เช่นที่ฟอร์จูน ผมเห็นอยู่ก็ 5 ร้านแล้วครับ ชนิดแผ่นเต็มร้านไม่มีทางจะเดินเลยล่ะครับ
ก็เขียนไปอย่างนั้นล่ะครับ เผื่อใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ได้ครับ ผมว่านอกจากจะได้เสียงคุณภาพดีแล้ว การเล่น vinyl ผมว่ามีเสน่ห์นะครับ ตั้งแต่การปรับตั้งหัวเข็ม โทนอาร์ม แผ่นต้องล้างให้สะอาดชนิดแช่น้ำยาล้างจานสองคืนสามวัน เวลาหัวเข็มมีฝุ่นก็ใช้พู่กันเล็กๆค่อนๆแปรงฝุ่นออก แถมยังต้องคอยเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆอีก (โดยเฉลี่ยอัลบั้มนึงมี 12 track CD จุด้านเดียวก็หมด แต่ถ้าเป็น vinyl ต้องใช้ถึง 2 แผ่นแผ่นละ 2 ด้าน ฟังได้ทีละ 3 track เปลี่ยนแผ่นที) ดูจะยุ่งยาก แต่ผมว่าดูมีคุณค่าทางจิตใจดีนะครับ