ขอบคุณที่มาแชร์ครับ มีประโยชน์มากสำหรับมือใหม่อย่างผม

ผมเพิ่งรับ HD630vb ต่อมาจากท่านอื่น ของอายุยังไม่ถึงปี  ข้อมูลแจ้งมาว่าเบิร์นมา 200 ชม.  แต่ไม่ค่อยได้ใช้ฟังจริง  ตอนรับฝากญาติที่อยู่ ตจว. เช่นเดียวกับคนขายไปรับมาให้
ของถึงมือเสียบฟังครั้งแรก เครียดเลยคับ  แหลมไม่ดี เบสตีกันวุ่นวายมาก  แปลกใจมาก เสียงรุ่นขนาดนี้ของ Sennheiser ไม่น่าจะแย่ขนาดนี้ และไม่ค่อยเหมือนคาแรกเตอร์ของยี่ห้อนี้ที่เคยเจอ  จริงๆรุ่นนี้เคยลองฟังที่ร้านเฮียแล้วชอบ  มันไม่ได้เป็นแบบนี้นี่

ก็ไม่แน่ใจว่าเค้าเบิร์นมายังไง  หรือเก็บนานไม่ได้ฟังเลยหรือเปล่า  แต่สุดท้ายซื้อมาแล้วเลยเบิร์นทิ้งไว้ซะหน่อย  แต่ผมเบิร์นด้วยเพลง audiophile ทั่วไปอยู่วันนึง  เออ มีแววดีขึ้นแหะ แต่มันช้าไม่ทันใจ 555  ก็เลยจัดแผ่น XLO + PAD ไปอย่างละรอบ  ค่อยยังชั่ว ค่อยกลับมาเสียงเหมือนที่ Sennheiser ควรเป็นหน่อย

มาชื่นชมความกล้าหาญครับ ที่มาว่าเรื่องเบิร์นในบอร์ดนี้ 555

เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แผ่น PAD คือ ณ ปัจจุบัน ผมทำตามนักเล่นชั้นเซียนเหยียบเมฆท่านหนึ่งที่ให้ข้อมูลไว้(ขอสงวนนาม) คือ ใช้โดยประมาณไม่เกินสี่รอบต่อการเบิร์นหูฟังแต่ละตัว  โดยเปิดเพลงอย่างอื่นคั่นอีกยี่สิบแผ่น ค่อยวนกลับมาเริ่ม PAD ใหม่รอบที่สอง...

คือถ้าใช้เยอะเกินไป อาจส่งผลให้เสียงมันโอเวอร์เกินไปในปลายของย่านความถี่บนครับ แบ็คกราวน์จะไม่ค่อยเงียบ แม้ว่ามันจะทำให้ย่านความถี่บนเกือบตลอดย่านเปิดขึ้นก็ตาม

แต่สำหรับตัวเองไม่ได้เป็นสูตรตายตัวนะครับ อาจใช้มากกว่าสี่รอบก็ไ้ด้ ถ้าอยากได้กะไรเพิ่ม แต่ก็ต้องรู้ก่อนว่าจะเสียอะไรไปเช่นกัน  ทำเท่าที่อยากทำครับ ถ้ารู้อยู่ว่าทำอะไร ทำเพื่ออะไร  ถ้าเป็นหูฟังตัว(ระดับ)สูงๆ ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะระวังมากกว่าปกติ  ส่วนตัวถูกลงมานี่ก็อาจจะเล่นสนุกให้มันเกินกว่าจะควรเป็นแล้วดูผลเล่นๆ ^ ^

และบอกเพื่อกันดราม่าเลยว่า ที่ว่าเกินว่า ควรจะเป็นนั้น "ไม่มีทางเกินขอบเขตที่ตัวหูฟังเองทำได้"  แต่ทำแล้ว formของเสียงอาจจะต่างจากลักษณะของตัวปกติอยู่นิดหน่อยครับ ซึ่งหลายท่านก็รู้อยู่แล้ว แต่ไม่ทำ ^ ^

คุณนนท์แกกลับมาอ่านปะหรอก   แอบนินทาทิ้งไว้ดีกว่า 555

ปล.นี่ตอนแรกว่าจะโทรไปปรึกษาคุณเหน่งบาอยู่พอดีเลยตับ  ดีว่า HD630 มันดีขึ้นซะก่อน..อิอิ

งานดี

ขออภัยครับ ยังพิมพ์ไม่เสร็จมือไปโดนโพสเลย (น่าจะ edit ไม่ได้)
ผมจะบอกว่า งานดี วิชาการและขายตรงในกระทู้เดียว :)

กระทู้ดีอิ่มความรู้ขอบคุณมากครับ

การเบิร์นเข้าสู่ระบบทุนนิยม อย่างสมบูรณ์แล้ว

55

ขออนุญาต บอกเพิ่มเติมครับ เดี๋ยวอ่านแล้วใจผิด  พอดีพิมพ์แล้วชวนให้งงได้
ที่ว่าใช้แผ่น PADไม่เกินสี่รอบ หมายถึง กดเพลย์(ใช้เครื่องเล่นซีดีตั้งโต๊ะ)แค่รอบเดียว แล้ว ตามด้วยแผ่นอื่นอีกยี่สิบแผ่น(แต่ละแผ่น ถ้ารอบแรก ใช้เวลาค่อนข้างเท่ากัน คือแผ่นละสี่ห้าชั่วโมง) ถือเป็นครบรอบแรก...ใช้เวลาแต่ละรอบประมาณหนึ่งสัปดาห์ ด้วยความเบาที่น้อยกว่าปกติหน่อยนึง

รอบที่สอง เริ่มด้วย PAD ครั้งเดียว ตามด้วยแผ่นอื่น  แต่รอบนี้เวลาที่ใช้เปิดแผ่นอื่นๆ จะเริ่มไม่เท่ากันแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าอยากให้แผ่นไหนให้มากหน่อย รอบนี้ความดังที่ใช้จะเท่าฟังเพลงปกติ

รอบสามรอบสี่ก็เหมือนรอบสอง  แต่บางเพลง บางแผ่นจะให้สัดส่วนการใช้เวลามากขึ้นไปอีก รวมถึงความดัง แต่ความดังที่เริ่มเกินปกตินี่ไม่ตลอดเวลานะครับ

รวมแล้วใช้แผ่น PAD แค่สี่รอบการเพลย์

บอกซ้ำอีกครั้ง(เคยบอกไปในหลายกระทู้) เท่าที่ได้คุยกับพี่น้องท่านอื่น และลองเอง ระวังเรื่องความดังครับ   เปิดเบาเกิน เสียงจะบาง(เกิน), เปิดดังเกินเสียงจะหนา(เกิน)  ซึ่งบางเกินนี่แก้ไม่ยากครับ เปิดอัดดังๆ(ไม่มากนัก) สักพักมันก็จะหนาขึ้นได้  แต่ถ้าหนาเกินนี่แก้ยากมากครับ T^T ระวัง

แน่นอนว่าพอรอบสามรอบสี่นี่ต้องคอยฟังเช็คตลอดครับ  แต่ไอ้เรื่องจุกจิกที่ว่ามานี่ก็...ทำเท่าที่สนุกจะทำนะครับ  ใครไม่นึกสนุกก็ไม่จำเป็นต้องทำ เล่นแล้วตัวเรามีความสุขก็พอครับ ^ ^

ขายตรงยังไงฟะ หูก็หูตัวเอง ชุดก็ชุดตัวเอง ไม่ได้รับจ้างเบิร์นอะไรด้วย งง

-บางคนมีความสุขเมื่อได้มีได้เล่นอุปกรณ์ที่เป็นที่สุด หรือแม้แต่วิธีการเล่นที่เป็นแบบแผน
-บางคนมีความสุข แค่ได้ฟังเพลงกับระบบที่พอใจ
ความต่างของระบบที่ต่างกันประมาณ 10%-15% โชคดีของผมที่หูผมฟังไม่ออก หรือแม้จะฟังออกแต่ราคาไม่สมเหตุผล ผมก็ไม่พร้อมจ่าย
มันไม่เหมือนการเปลี่ยนหูฟัง หรือ dap หรือ amp ซึ่งเห็นความต่างชัดเจน

ความเป็นที่สุดของวิธีการเล่น กับ ความสุขในการฟังเพลง
ผมเลือกอันหลังครับ :)

แหย่เล่นเฉย ๆ ท่าน อย่าคิดมาก ขออภัยถ้าทำให้เคืองนะ

เข้าใจว่าแหย่เล่นครับ เพียงแต่ผมงงว่าดูขายตรงยังไงอ่ะครับ ฮาๆๆ

ปล. เห็นช่วงนี้มีดราม่าเรื่องเบิร์นบ่อยก็อยากจะแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักการให้อ่านดูบ้าง จะได้หายสงสัยกัน

ชอบความเห็นท่าน Mickeymouse ครับ ^ ^
เล่นตามความชอบใจ เล่นแล้วไม่เดือดร้อนตัวเองไม่เดือดร้อนผู้อื่น เท่านั้นแหละครับ
ผมมองว่ามันเรื่องเดียวกันครับ  อุปกรณ์ซื้อมาแล้ว อยากเล่นบทออดิโอไฟล์ก็เล่นซะ เปลืองหน่อยก็เวลากับค่าไฟ
ฟังออกก็ดีไป ฟังไม่ออกยิ่งดีเข้าไปใหญ่ (ไม่ได้ประชดนะครับ เรื่องจริง ด้วยใจจริงเลย)
เบิร์นเสร็จ ก็ฟังเพลงให้มีความสุขครับ ทูอินวันให้เป็น ผมคิดตื้นๆว่า ฟังเสียงดีๆแล้วเพลงจะเพราะขึ้นก็นับเป็นความสุข
ส่วนตอนเสียงไม่ดี (ด้วยเครื่องเรานี่แหละ แต่ไฟล์เพลงเสียงมันห่วย) ก็จับไปที่อารมณ์เพลงซะ
ตามนั้นครับ...

ชอบความเห็นท่าน Mickeymouse ครับ ^ ^
เล่นตามความชอบใจ เล่นแล้วไม่เดือดร้อนตัวเองไม่เดือดร้อนผู้อื่น เท่านั้นแหละครับ
ผมมองว่ามันเรื่องเดียวกันครับ  อุปกรณ์ซื้อมาแล้ว อยากเล่นบทออดิโอไฟล์ก็เล่นซะ เปลืองหน่อยก็เวลากับค่าไฟ
ฟังออกก็ดีไป ฟังไม่ออกยิ่งดีเข้าไปใหญ่ (ไม่ได้ประชดนะครับ เรื่องจริง ด้วยใจจริงเลย)
เบิร์นเสร็จ ก็ฟังเพลงให้มีความสุขครับ ทูอินวันให้เป็น ผมคิดตื้นๆว่า ฟังเสียงดีๆแล้วเพลงจะเพราะขึ้นก็นับเป็นความสุข
ส่วนตอนเสียงไม่ดี (ด้วยเครื่องเรานี่แหละ แต่ไฟล์เพลงเสียงมันห่วย) ก็จับไปที่อารมณ์เพลงซะ
ตามนั้นครับ...

ขอบคุณครับ ติดตามน้าเหน่งบามาตลอด
ขอบคุณ พี่ จขกท. ด้วยครับที่แบ่งปันความรู้

เพียงแต่หลังๆ เห็นมีดีเบตเรื่องเบิร์นกันเยอะ
อาจทำให้ผู้ที่พึ่งเริ่มเล่น หลงทางได้
เสียจนลืมไปว่า แก่นของการฟังเพลง คือฟังแล้วมีความสุข
ส่วนมือเก่า คิดว่าหาจุดอิ่มตัวกันได้แล้วไม่น่ามีปัญหากับเรื่อง เบิร์นไม่เบิร์น เบิร์นสั้นเบิร์นยาว แต่เบิร์นนานๆ ก็เมื่อยครับ ... ไดร์เว่อมันจะเมื่อย 555

ขอเข้ามาลงชื่อในกระทู้นี้ด้วยคนครับ 555+

อันนี้ผมมีประสบการณ์ตรงเลยกับ K701 ที่ผมทิ้งไว้เฉยๆหลายเดือนไม่ได้ใช้งาน พอเอามาจิ้มกับ Aune B1 เสียงมันอั้นไม่โปร่งอย่างที่ควรจะเป็น ต้องนวดเป็นเดือนเลยกว่าจะดีขึ้น ยิ่งพอได้ LYR ที่กำลังขับสูง เสียงนี่ดีกว่าตอนช่วงก่อนเก็บเข้ากรุเยอะเลยครับ

แสดงว่าถึงจะเบิร์นจบแล้วแต่ทิ้งไว้เฉยๆนานๆ ก็ต้องเอากลับมาเบิร์นใหม่ใช่มั้ยครับ ?

หูฟังเก็บไว้นานๆไม่ได้ใช้ ควรเอาออกมายืดเส้นยืดสายบ้างครับ
ของผมตัวที่เก็บไว้นานจะเอาออกมาวอร์มเดือนละครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยเก็บต่อไปครับ ^ ^

ขอบคุณครับอาจารย์ :D

คุณFive ส่วนใหญ่ไม่เชิงเบิร์นใหม่หรอกครับ เรียกว่า วอร์มอัพน่าจะถูกกว่า คือไม่ขนาดเบิร์น แค่เอามาใช้ช่วงสั้นๆ ถ้าให้ดีเดือนละสักครึ่งวันก็ดี
แต่..หูฟังแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกันอีก บางตัววอร์มแป๊บเดียวก็เท่าเดิม แม้จะไม่ได้ใช้มานาน
ทว่า บางตัวไม่งั้นครับหากเก็บนานไปหน่อย ต้องเปิดใช้งานเป็นจริงเป็นจัง ถึงจะเหมือนเดิม  ยิ่งบางตัว ไม่ได้ใช้เกินครึ่งปีหรือเป็นปี ก็เกือบต้องเบิร์นใหม่ หรือว่ากันเป็นร้อยชั่วโมงก็มีครับ (ส่วนใหญ่เป้นกับฟูลไซส์รุ่นสูงๆ)

ทางทีดีก็เอามาใช้มาฟังทุกเดือนแหละครับ จะเหมาะกว่า ^ ^

แต่ไอ้เรื่องเบิร์นนานๆแล้ว ไดรเวอร์มันเมื่อยนี่ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินนี่แหละครับ คุณMickeymouse

ดูยังไงว่าหูต้องการกำลังขับกี่วัตต์ครับ? ปกติซื้อมาคู่มือบอกแค่ว่าหูกี่โอห์ม แล้วถ้ามีการเปลี่ยนสายด้วยแล้วจะทำให้ค่าโอห์มเปลี่ยนไปอีกรึเปล่าครับ??

ปล. สาระนะเนี่ยยยย

ขอบคุณพี่เหน่งบาสำหรับข้อมูลมากครับ

ยืนยันอีกคนว่าเบิร์นนานๆไดรเวอร์ไม่เมื่อย แต่เบิร์นนานๆแล้วลิ้นจะชานะครับ 555+
.
.
.
.
.
ปล.ผมกินพริกไปเบิร์นไปเลยเผ็ดจนลิ้นชานะครับ

คำเตือน: การกินพริกระหว่างเบิร์นโปรดคิดถึงอกเขาอกเราบ้างนะครับ ! 555

นี่เราพูดภาษาไทยกันใช่ไหมครับ 'จารย์?????

บางหูจะมีบอกเรื่อง maximum power rating ให้อยู่ครับ เช่น 200mW/2000mW อะไรแบบนี้ ก็ใส่สักครึ่งนึงได้ก็ดีครับ ถ้าไม่มีบอกก็กะๆเอา ฮาๆๆ

ใส่ใจแต่เครื่อง รายละเอียดต่างๆเป๊ะเวอร์แล้ว ก็อย่าลืมใส่ใจตัวเองด้วยหละ ทานอาหารเย็นน้อยๆ ออกกำลังกายก่อนสัก 30นาที พักอาบน้ำอาบท่า ดื่มนำ้แล้วมานั่งฟังเพลง และควรหาโอกาศไปฟังในที่อื่นๆบ้างตามโอกาศ อาจพบเพลงโปรดเพลงใหม่ก็เป็นได้ ทั้งๆที่มันอยู่ในเครื่องมาตลอด

มันเป็นศัพท์ใต้เข็มขัดคับ 

เอ่อ...ผมหมายถึง พริก.... = =*

#ทีมพี่บีททาเคชิ #รอรูปอยู่

ต้องขอขอบคุณถึงความรุ้ดีๆและคำแนะนำมากๆครับ กระผมจะนำไปปฏิบัติตามครับ...!

เบิร์นตามสูตรตามทฤษฎี ไม่ผิด

เบิร์นตามใจอยาก ไม่ผิด

ขี้เกียจเบิร์น ใช้ไปทั้งอย่างนั้นเลย ไม่ผิด


ผิดที่ ต่างฝายต่างไม่ยอมเปิดใจกัน รับความต่างกันไม่ได้แล้วทะเลาะกันนี่แหละ