เท่าที่ลอง ข้างนอกน่าจะได้ยินประมาณ 30% ของ volume ที่ฟังครับ (อันนี้กะๆเอา อาจจะไม่ใช่ก็ได้)

แต่ถ้าถามว่าระดับความดังเป็นหน่วยเดซิเบลของคนที่กำลังสวมหูฟังแนบหูอยู่ เท่ากันกับระดับความดังเป็นหน่วยเดซิเบลของคนที่ได้ยินเสียงที่รอดออกมาหรือปล่าว อันนี้ผมว่าคนที่ไม่ได้สวมหูฟังต้องได้ยินความดังน้อยกว่าครึ่งๆหละครับ 

ถ้าว่ากันเรื่องของคนขี้รำคาญ จะเสียงดังมากหรือน้อย ก็รบกวนสมาธิได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครับ

ถ้าใช้งานที่ห้องนั่งเล่น แฟนดูทีวี เราฟังเพลง ก็คงไปด้วยกันลำบากคนจะดูทีวีก็ได้ยินเสียงเพลงที่เล็ดลอดจากกราโด้เราด้วย (เค้าอาจพอรับได้ ) แต่เราก็ได้ยินเสียงจากทีวีด้วย ไม่น่าเวิคร์ถ้าต่างคนต่างเร่งเสียงของตัวเอง เพื่อกลบเสียงเล็ดลอดด้วย ยิ่งไปกันใหญ่ แต่ถ้าใส่ฟังเพลงบนเตียงในเวลาที่คนข้างๆจะนอน ผมว่าคนข้างๆไม่น่าจะรับเสียงเล็ดลอดของเมทาลิก้าไหว เพราะเสียงรอบข้างเงียบสนิด เสียงที่เล็ดลอดออกมา แม้จะแค่ 30% ของคนฟัง แต่มันก็คือเสียงรบกวนของคนจะนอนหละครับ ^^

อันนี้สงสัยต้องถามคนมีแฟนว่าเค้าบริหารจัดการกันยังไง555

ขอบคุณ Patra โพสต์ทีไรผมได้หยิบหูฟังมายืดเส้นยืดสายทุกที 555

ผมเปิด RS1e กับ 380 ที่ความดัง 110 จากปกติอินเอียร์ทั่วไปที่ 90 เพลง Enter Sandman
เปิดอัดให้ Grado นวดเฟ้นแก้วหูจนได้ที่ ผมเรียกเด็กเคราะห์ร้ายมาสวมหูฟังในระยะห่างจากผมขนาดเอื้อมมือถึง
เสียงที่ออกมาภายนอกมีความดังไม่ถึง 10 เปอร์เซนต์จากเสียงกัมปนาทที่ได้รับขณะสวมใส่เองครับ

แต่ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ระดับค่าความรำคาญของคนมันไม่เท่ากัน
ผมเคยนั่งรถตู้แล้วมีคนเปิดเพลงด้วยหูฟังเอียร์บัด เปิด Metal ทั้งที่ผมก็ชอบแนวนี้ หากแต่ตลอดการเดินทางผมโคตรรำคาญเสียงที่ลอดออกมาจากไอ้หมอนี่จริงๆ
ประมาณคนสูบบุหรี่แต่เหม็นควันที่คนอื่นสูบ ! 555

ทุกวันนี้บางทีผมก็ใส่ Grado เดินนวยนาดเฉิดฉายออกจากห้องไปดูงานเด็กในสตูดิโอเปิดเพลงแบบระเบิดหูสนั่น และเชื่อว่าต้องมีทั้งเด็กที่ชอบและเด็กที่รำคาญ

แต่นี่คือโลกของกรูชาวร็อค ! ใครไม่เกี่ยวถอยไปเว้ย ! 555555

น่าจะเปรียบได้กับกวางน้อยไปนอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีฝูงจักจั่นขยับปีกกรีดเสียงออกมาอย่างนั้นละครับ 555

ขอบคุณทุกท่านมากครับ อาจารย์ กับ น้าชา ยกตัวอย่างเห็นภาพเลยครับ555

คนที่ได้ยินจะลักษณะมันจะคล้ายๆกับเราฟังเพลงดังมากกกๆๆ จนมีเสียงลอดออกมา  ทั้งๆเราฟังแค่พอดีๆ   แฟนผมด่าประจำ  แต่ผมก็เอาขึ้นรถไฟฟ้าให้คนมองหน้าประจำครับ555 

ถ้าอยากรู้ว่าเป็นไงแนะนำให้กวางน้อยลองใส่ดู แล้วเราฟังดูครับ จะได้รู้รอดเยอะไหม
แต่ถ้าสกิลพ่อบ้านใจกล้ายังอัพมาไม่เยอะ แนะนำลองแนบตัวก็ได้ครับ ให้สนิท แล้วลองฟังดู =0=

ไอเดียดีครับ 555

สกิลผมยังไม่แกร่งพอครับ5555 เรื่องหูฟังอย่างยุ่งกับกวางน้อย เดี๋ยวโดนถามราคา 

จริงๆ ถ้าฟังหูฟัง Grado ในห้องเดียวกันที่ไม่ใหญ่มาก ขนาดซัก 4x7 เมตร ต้องบอกว่ารำคาญครับ คือมันจะมุ้งมิ้งได้ยินตลด ยิ่งเป็นเพลงร็อคหรือเมทัลและเปิดดัง เสียงมันลอดออกมามากพอสมควรครับ คือถ้าคนนึงดูละครทีวี อีกคนนึงฟังเพลง มีหวังได้ตีกันเหมือนกัน 555

นอกจากทั้งสองคนปรับตัวจนชินอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่งแล้วครับ 555

บ้านเกิดของเพื่อนผมอยู่ติดสนามบินดอนเมือง สมัยที่ยังไม่มีสนามบินสุวรรณภูมิ
ผมเคยไปเที่ยวครั้งนึงและคิดว่าคงไม่ไปอีกเพราะรำคาญเสียงเครื่องบินขึ้นลงมาก ใจนึงก็คิดว่ามันทนอยู่ที่แบบนี้ได้ไง?
จนกระทั่งดอนเมืองย้ายมาสุวรรณภูมิเต็มรูปแบบ ผมรู้สึกอนุโมทนาสาธุที่บ้านเพื่อนผมมันจะได้สงบสุขเสียที
จนกระทั่งกลางดึกคืนนั้นมันก็โทรมา " เฮ้ย! กรูนอนไม่หลับอ่ะ ! T_T "

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า " แล้วเทอจะชินไปเอง! " 555

ส่วนตัวผมไม่ได้คิดถึงปัญหาเรื่องกวางอะไร เพราะผมเชื่อว่ากวางจะมีความสุขถ้าผมมีความสุข
" Love Me Love My Dog " รักฉัน ก็รักเรื่องงี่เง่าของฉันด้วย !

แต่ส่วนใหญ่ผมเลือกที่จะให้เกียรติกวางโดยถ้าอยู่ด้วยกันก็จะพยายามลดกิจกรรมส่วนตัว การที่เราหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเองมากกวางจะคิดว่าเราไม่ให้ความสำคัญกับตัวเขา มันอาจไม่ใช่ประเด็นเรื่องเสียงลอดก็เป็นได้ครับ
แต่ถ้าออกข้างนอกเป็นส่วนตัวแล้วล่ะก็ " ลื้ออย่ามายุ่งกะอั๊วะเด็กขาก !!! " 555

โฮ้...จารย์พูดประโยคนี้ออกมาทำให้ผมคิดถึงเพลงโปรดของผมเลย 555

" Love Me Love My Dog "

โอ้ๆๆๆ มีแปลไทยด้วย เหมาะที่จะเอาไว้ใช้สื่อสารกับกวางเลยครับน้าชา
ตอนเด็กๆ ผมฟังเพลงนี้คิดว่าเขาพูดเรื่องเกี่ยวกับหมาแบบสนุกๆสบายๆตามทำนองเพลง
แต่เมื่อได้รู้เนื้อเพลงแล้วมันกินใจมากเกี่ยวกับการคบหาใครสักคน กับการคงไว้ซึ่งตัวตน

" เลือกที่จะเข้าใจและยอมรับวิถีชีวิตฉัน ไม่งั้นก็แยกย้ายกันไปยังดินแดนแห่งความโดดเดี่ยว "  อูยยยย

ผมฟังแล้วก็นึกว่าพูดถึงแค่หมาซะอีก!
ลึกซึ้งครับๆ

เพิ่งเข้าใจความหมายวันนี้เอง นึกว่าเป็นเพลงคนรักหมามาตลอด

ผู้ชายที่ชอบแบบ - Love Me Love My Dog - นั้นจริงๆแล้วก็ดูเหมือนกับการมองโลกในด้านเดียวมากเกินไปเหมือนกันนะ
และถ้ามันมากเกินไปก็คงจะมีซักวันนึงที่ฝ่ายผู้หญิงอาจจะเป็นแบบในเพลงนี้ก็ได้ 555

Desperado




ดังนั้นเพื่อการอยู่รอดของผู้ชายที่ชอบ gadget ก็ควรหาเวลาเล็กๆน้อยออกมาทำแบบในเพลงนี้
แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่มักจะได้ผลไปในทางบวกสำหรับผู้ชายเสมอครับ ^^

Have I Told You Lately




ปล. ถ้าไม่ได้ผลก็ตัวใครตัวมันนะ 555