Toggle Dropdown
ค้นหา
ค้นหาชื่อสินค้า
ค้าหารีวิวและบทความ
ค้นหาโปรโมชั่น
ค้นหาฟีดข่าว
ค้นหาไฮไลท์
TH
EN
หน้าแรก
สินค้า
เว็บบอร์ด
เกี่ยวกับเรา
สาขา
วิธีชำระเงิน
ติดต่อเรา
Guest
อีเมล์ / ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
หรือ
ค้นหาโดย Google
ค้นหาทุกคำ
ค้นหาชื่อกระทู้
ค้นหาชื่อผู้ตั้งกระทู้
เว็บบอร์ดจับฉ่าย
หูฟังมือสอง
ซื้อขายจิปาถะ
รีวิวและบทความ
กระทู้เฮีย
คลับ
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย
ช่องทางการติดต่ออื่น
All
5
10
15
ประตูผีของกรุงเทพฯ.....
Shared
ติดตามกระทู้นี้
แจ้งลบ
เหน่งบา
29/01/2013 12:41:07
0
เชื่อว่าหลายท่านทราบอยู่แล้วนะครับ อันนี้มาเล่าเผื่อผู้ที่ยังไม่ทราบ
ข้อมูลจาก หนังสือชุดภูตผีปิศาจไทย ของครูเหม เวชกร ลำดับที่ ๔ เล่ม"ผู้มาจากเมืองมืด" ตอน ประตูผี
(ต้นฉบับค้นพบใหม่ตอนปี ๒๕๔๖ ในวาระครบรอบร้อยปีชาตะกาลครูเหม เวชกรพอดี)
'...ตำบลประตูผี เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อให้เป็นมงคลว่า ตำบลสำราญราษฎร์ แต่ความหมายก็อยู่ดังเดิม
คือประตูเมืองเ่ก่าที่ทะลุกำแพงเมืองตรงนี้ชื่อประตูผี เป็นที่นำศพคนตายในเมือง
ออกไปทำศพกันนอกเมือง เพราะสมัยโนัน สร้างเมืองใหม่ๆ ต้องการความเป็นมงคล
ไม่มีการนำศพทำเมรุกันในกำแพงเมือง เว้นแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินและพระศพเจ้านายใหญ่ๆโตๆเท่านั้น
ประตูผีนี้จึงมีชื่อตายตัวเป็นกฎว่า ใครนำศพคนตายออกประตูเมืองด้านอื่นๆมิได้
ต้องออกแต่ประตูนี้โดยจำกัด แม้จะเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า สำราญราษฎร์ ก็ยังมีความหมาย
เดิมนั่นเอง หมายถึงว่า ราษฎรมีความสุขแล้ว และคนที่สุขที่สุดก็คือคนตายแล้ว
เป็นผู้หมดห่วง หมดกังวล สำราญจริงๆจึงมาออกประตูนี้ และวัดที่ใกล้ที่สุดในสมัยโน้น
ก็คือวัดสระเกศ พอออกจากประตูผีข้ามสะพานลงมา ก็เข้าวัดสระเกศสู่ลานป่าช้า
ที่ใหญ่โตมโหฬารจริงๆ นับแต่ลงสะพานสำราญราษฎร์ก็เป็นพื้นที่ป่าช้าแท้ๆ
จรดสะพานแม้นศรี อีกด้านหนึ่งไปจรดบ้านบาตร เป็นป่าช้าที่กว้างใหญ่
ไม่เหมือนวัดต่างๆเดี๋ยวนี้ ป่าช้าอยู่ติดกับบ้านคน ป้าช้ามีวัดละนิดเดียว คำว่า
ป่าช้าของสมัยก่อนนั้นเป็นสถานที่สงัดเงียบวังเวงไม่ใกล้ใคร ห่างผู้ห่างคนจริงๆ
เป็นแดนของคนตายแล้ว ไม่ใช่แดนคนมีชีวิตจะไปปะปน...'
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1
ballxyz3
29/01/2013 12:50:14
ขยันพิมพ์จริงครับ ขอบคุณที่่นำข้อมูลดีๆ มาเล่าครับ
ขยันพิมพ์จริงครับ ขอบคุณที่่นำข้อมูลดีๆ มาเล่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2
เหม่งน้อย
29/01/2013 15:42:33
0
เอ๋... คุ้นๆว่าใกล้บ้าเฮียนิ เดี๋ยวนี้นึกถึงประตูผี...นึกถึงผัดไท ... ชิมิ พี่เหน่งบา...^^
เอ๋... คุ้นๆว่าใกล้บ้าเฮียนิ เดี๋ยวนี้นึกถึงประตูผี...นึกถึงผัดไท ... ชิมิ พี่เหน่งบา...^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3
ม้าน้ำ
29/01/2013 18:10:26
1
อ่า พึ่งทราบนะนี่ - -*
อ่า พึ่งทราบนะนี่ - -*
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4
blackpie
29/01/2013 19:47:59
33
ผัดไท อร่อยโพด ทานเสร็จอย่าลืมไปกิน ขนมเบื้องชาววัง ด้วยนะครับอยู่ช้างๆร้านผัดไทอันละ 15 บาทอร่อยอย่าบอกใคร
ผัดไท อร่อยโพด ทานเสร็จอย่าลืมไปกิน ขนมเบื้องชาววัง ด้วยนะครับอยู่ช้างๆร้านผัดไทอันละ 15 บาทอร่อยอย่าบอกใคร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 5
นายมั่นคง
29/01/2013 21:40:40
4,294
ผมเล่ามั่ง
จากสันนิษฐานของผมเอง และจากที่เคยอ่านๆๆจากหนังสือเก่าๆ จากนักเขียนรุ่นเก่าและนักบันทึกสมัยก่อน อย่างเช่น ส.พลายน้อย เทพชู ทับทอง หนังสือต่างๆ จะมีภาพมากมาย แต่ไม่มีซักเล่มที่ระบุว่าตรงไหนคือประตูผีกันแน่
แต่ความเห็นผม ให้ลองสังเกตุแนวเส้นสีเขียวที่ผมลากให้ดู อันนี้จะเป็นแนวกำแพงป้อมพระกาฬ จากรูปเก่าๆ จะเห็นว่าแนวสีเขียวนี้จะลากยาวไปจนถึงหน้าวังบูรพา ซึ่งปัจจุบันก็คือห้างเมอรี่คิงส์ที่เพิ่งรื้อทำห้างใหม่ไปแล้ว
ส่วนแนวสีฟ้านั้น เป็นแนวกำแพงเหมือนกัน จนมาเหลือแนวกำแพงป้อมตรงบริเวณวัดราชนัดดา และวัดเทพธิดาราม ตรงนี้จะคงเห็นแนวกำแพงอยู่เหมือนกัน
ซึ่งแนวกำแพงจะลากยาวขนานกันไป ระหว่างสีฟ้ากับสีเขียว คนที่อยู่ในแนวหลังเส้นสีฟ้า คือคนที่ถือว่าอยู่ในบริเวณเขตเมือง หรือเขตพระบรมมหาราชวัง จะกินอาณาเขตจากแนวสีฟ้าไปตรงคลองหลอด เสาชิงช้า กระทรวงกลาโหม
ส่วนพวกที่อยู่นอกแนวเขตเมือง คือพวกที่อยู่ข้ามมาทางหลังเส้นสีเขียวที่ผมลากให้ดู ซึ่งหลังแนวนี้ลงไปจะเป็นคลองโอ่งอ่าง ตรงไปคือแม้นศรี และมีวัดสระเกศหรือภูเขาทอง ซึ่งสมัยก่อนกินอาณาเขตกว้างกว่าปัจจุบันมาก และแน่นอนถ้าสังเกตุให้ดีๆ ตรงบริเวณที่ผมวงสีแดงไว้ให้ คือสี่แยกสำราญราษฎร์นั่นเอง
แล้วคนตายจะไปลอดทางไหน และทางไหนน่าจะเป็นประตู ???
ผมเดาว่า กำแพงสีฟัาถูกรือออก และถูกตัดตรงเป็นถนนบำรุงเมือง และจากเสาชิงช้ามุ่งหน้าตรงมาก็จะเป็นสี่แยกประตูผี ทางที่น่าจะเป็นทางผ่านไปทางเดียวก็คือสี่แยกสำราญราษฎร์นั่นเอง และจากสี่แยกประตูผี มุ่งหน้าตรงขึ้นไป จะเป็นสะพานเล็กๆข้ามคลองโอ่งอ่าง
ซึ่งถ้าหามศพผ่านออกไปก็น่าจะผ่านตรงสะพานนี้ลงไป เพื่อจะเลี้ยวซ้ายตามเส้นสีแดงเข้าไปที่บริเวณวัดสระเกศ ซึ่งวัดสระเกศนั้่นในสมัยโบราณนั้นใช้เป็นสถานที่อเนกประสงค์ คือเมืองไทยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เกิดอหิวาตกโรคครั้งใหญ่ คนตายมากมาย
ตายแล้วก็หามเดินผ่านออกจากกำแพงเมืองเพื่อลอดเข้าสี่แยกสำราญราษฎร์(จุดแดง) ซึ่งสมัยก่อนตรงนี้น่าจะเป็นประตูใหญ่ที่เปิดลอดผ่านไปเพื่อไปเข้าวัดสระเกศนั่นเอง อีกประการหนึ่ง เวลามีนักโทษประหาร เค้าก็จะนำตัวจากเรือนจำกรุงเทพ (ปัจจุบันนี้เป็นสวนรมณียนาถ)
นำไปมัดกับหลักและตัดหัวที่บริเวณวัดสระเกศ ตัดเสร็จแล้วก็ไม่ต้องทำพิธีอะไรมากมาย คือปล่อยให้แร้งกินซากศพจนหมด จากรูปหลายรูปที่ผมเคยเห็น อีแร้งจะมารอกินศพตั้งแต่คนยังไม่เสียชีวิตกันเลยทีเดียว.....
ผมเล่ามั่ง
จากสันนิษฐานของผมเอง และจากที่เคยอ่านๆๆจากหนังสือเก่าๆ จากนักเขียนรุ่นเก่าและนักบันทึกสมัยก่อน อย่างเช่น ส.พลายน้อย เทพชู ทับทอง หนังสือต่างๆ จะมีภาพมากมาย แต่ไม่มีซักเล่มที่ระบุว่าตรงไหนคือประตูผีกันแน่
แต่ความเห็นผม ให้ลองสังเกตุแนวเส้นสีเขียวที่ผมลากให้ดู อันนี้จะเป็นแนวกำแพงป้อมพระกาฬ จากรูปเก่าๆ จะเห็นว่าแนวสีเขียวนี้จะลากยาวไปจนถึงหน้าวังบูรพา ซึ่งปัจจุบันก็คือห้างเมอรี่คิงส์ที่เพิ่งรื้อทำห้างใหม่ไปแล้ว
ส่วนแนวสีฟ้านั้น เป็นแนวกำแพงเหมือนกัน จนมาเหลือแนวกำแพงป้อมตรงบริเวณวัดราชนัดดา และวัดเทพธิดาราม ตรงนี้จะคงเห็นแนวกำแพงอยู่เหมือนกัน
ซึ่งแนวกำแพงจะลากยาวขนานกันไป ระหว่างสีฟ้ากับสีเขียว คนที่อยู่ในแนวหลังเส้นสีฟ้า คือคนที่ถือว่าอยู่ในบริเวณเขตเมือง หรือเขตพระบรมมหาราชวัง จะกินอาณาเขตจากแนวสีฟ้าไปตรงคลองหลอด เสาชิงช้า กระทรวงกลาโหม
ส่วนพวกที่อยู่นอกแนวเขตเมือง คือพวกที่อยู่ข้ามมาทางหลังเส้นสีเขียวที่ผมลากให้ดู ซึ่งหลังแนวนี้ลงไปจะเป็นคลองโอ่งอ่าง ตรงไปคือแม้นศรี และมีวัดสระเกศหรือภูเขาทอง ซึ่งสมัยก่อนกินอาณาเขตกว้างกว่าปัจจุบันมาก และแน่นอนถ้าสังเกตุให้ดีๆ ตรงบริเวณที่ผมวงสีแดงไว้ให้ คือสี่แยกสำราญราษฎร์นั่นเอง
แล้วคนตายจะไปลอดทางไหน และทางไหนน่าจะเป็นประตู ???
ผมเดาว่า กำแพงสีฟัาถูกรือออก และถูกตัดตรงเป็นถนนบำรุงเมือง และจากเสาชิงช้ามุ่งหน้าตรงมาก็จะเป็นสี่แยกประตูผี ทางที่น่าจะเป็นทางผ่านไปทางเดียวก็คือสี่แยกสำราญราษฎร์นั่นเอง และจากสี่แยกประตูผี มุ่งหน้าตรงขึ้นไป จะเป็นสะพานเล็กๆข้ามคลองโอ่งอ่าง
ซึ่งถ้าหามศพผ่านออกไปก็น่าจะผ่านตรงสะพานนี้ลงไป เพื่อจะเลี้ยวซ้ายตามเส้นสีแดงเข้าไปที่บริเวณวัดสระเกศ ซึ่งวัดสระเกศนั้่นในสมัยโบราณนั้นใช้เป็นสถานที่อเนกประสงค์ คือเมืองไทยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เกิดอหิวาตกโรคครั้งใหญ่ คนตายมากมาย
ตายแล้วก็หามเดินผ่านออกจากกำแพงเมืองเพื่อลอดเข้าสี่แยกสำราญราษฎร์(จุดแดง) ซึ่งสมัยก่อนตรงนี้น่าจะเป็นประตูใหญ่ที่เปิดลอดผ่านไปเพื่อไปเข้าวัดสระเกศนั่นเอง อีกประการหนึ่ง เวลามีนักโทษประหาร เค้าก็จะนำตัวจากเรือนจำกรุงเทพ (ปัจจุบันนี้เป็นสวนรมณียนาถ)
นำไปมัดกับหลักและตัดหัวที่บริเวณวัดสระเกศ ตัดเสร็จแล้วก็ไม่ต้องทำพิธีอะไรมากมาย คือปล่อยให้แร้งกินซากศพจนหมด จากรูปหลายรูปที่ผมเคยเห็น อีแร้งจะมารอกินศพตั้งแต่คนยังไม่เสียชีวิตกันเลยทีเดียว.....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6
นายมั่นคง
29/01/2013 21:41:47
4,294
รูปอีแร้งกำลังรอกินศพของคนตายจากอหิวาตกโรคครับ
รูปอีแร้งกำลังรอกินศพของคนตายจากอหิวาตกโรคครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7
นายมั่นคง
29/01/2013 21:52:03
4,294
เติมอีกนิดครับ ใครอยากรู้ว่ากำแพงชั้นในอยู่ตรงไหน ให้สังเกตุจากแนวป้อมต่างๆครับ จะเป็นจุดแดงล้อมเป็นวงกลม ซึ่งปัจจุบันจะเหลือแต่ป้อมพระสุเมรุและป้อมมหากาฬให้เราเห็นเท่านั้นครับ และมองอีกที ตรงบริเวณป้อมหมู่ทะลวง ตรงนั้นจะใกล้กับจุดสี่แยกสำราญราษฎร์มากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นประตูที่ใช้หามศพลอดออกไป เพื่อไปทางวัดสระเกศ
ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่เรียกว่า "ประตูผี" นั่นเอง
เติมอีกนิดครับ ใครอยากรู้ว่ากำแพงชั้นในอยู่ตรงไหน ให้สังเกตุจากแนวป้อมต่างๆครับ จะเป็นจุดแดงล้อมเป็นวงกลม ซึ่งปัจจุบันจะเหลือแต่ป้อมพระสุเมรุและป้อมมหากาฬให้เราเห็นเท่านั้นครับ และมองอีกที ตรงบริเวณป้อมหมู่ทะลวง ตรงนั้นจะใกล้กับจุดสี่แยกสำราญราษฎร์มากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นประตูที่ใช้หามศพลอดออกไป เพื่อไปทางวัดสระเกศ
ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่เรียกว่า "ประตูผี" นั่นเอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8
เหม่งน้อย
29/01/2013 22:10:26
0
เคยเดินไปบริเวณนั้นขนลุกเหมือนกัน .,เลยเดินไปกินผัดไท กับราดหน้าโครตแพงแทน ไม่รู้ยังอยู่ไหม อีกทีได้ไปลองหูฟังไม่รู้ร้านใคร เสียงดีแต่ตอนนั้นจนไปกับลูกพี่ผม ลองเสร็จไปหม่ำข้าวต้มเป็ดซอย 7-11 ไม่ได้ไปมา 8 ปีแล้ว คิดถึงของกินแถวนั้นจัง T_T
เคยเดินไปบริเวณนั้นขนลุกเหมือนกัน .,เลยเดินไปกินผัดไท กับราดหน้าโครตแพงแทน ไม่รู้ยังอยู่ไหม อีกทีได้ไปลองหูฟังไม่รู้ร้านใคร เสียงดีแต่ตอนนั้นจนไปกับลูกพี่ผม ลองเสร็จไปหม่ำข้าวต้มเป็ดซอย 7-11 ไม่ได้ไปมา 8 ปีแล้ว คิดถึงของกินแถวนั้นจัง T_T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9
นายมั่นคง
29/01/2013 22:42:58
4,294
555 ถ้าเคยมาลองหูฟังแถวนี้ แสดงว่าเป็นแฟนคลับยุคก่อนจูราสสิคอีกเลยนะครับ 555
555 ถ้าเคยมาลองหูฟังแถวนี้ แสดงว่าเป็นแฟนคลับยุคก่อนจูราสสิคอีกเลยนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10
เหม่งน้อย
29/01/2013 23:02:02
0
555 ตอนนั้นฟังแล้วชอบแต่ไม่มีเงินลูกพี่ผมสอยไป ผมไปยืมฟังต่ออีกที ฟังฟรีไม่เสียเงิน ล๊อตแรกไม่ได้เก็บกด เลยสอยล๊อตสุดท้าย 2 ตัวแทน 555
555 ตอนนั้นฟังแล้วชอบแต่ไม่มีเงินลูกพี่ผมสอยไป ผมไปยืมฟังต่ออีกที ฟังฟรีไม่เสียเงิน ล๊อตแรกไม่ได้เก็บกด เลยสอยล๊อตสุดท้าย 2 ตัวแทน 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11
นายมั่นคง
29/01/2013 23:05:44
4,294
นี่ถ้าเห็นหน้าผมจำได้เลยนะเนี่ย 555
นี่ถ้าเห็นหน้าผมจำได้เลยนะเนี่ย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12
เหม่งน้อย
29/01/2013 23:08:14
0
555 แก่ขึ้นเยอะเลยครับผม เดี๋ยวมีโอกาสไป กทม. จะไปเยื่อนครับเฮีย ^ ^
555 แก่ขึ้นเยอะเลยครับผม เดี๋ยวมีโอกาสไป กทม. จะไปเยื่อนครับเฮีย ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13
เป็ดคร้าบ
29/01/2013 23:20:42
0
ยังจำได้เลยครับ ตอนนั้นเฮียมีแค่ Koss 35 กับ Alessandro MS1 ขาย
รู้สึกว่าที่ผมเข้าไปที่ร้านเพราะจะถามเฮียเรื่องจุกของ Koss Spark plug ที่ผมใช้อยู่ ซึ่งเฮียยังไม่ได้เอามาขาย
แล้วก็นั่งลอง Koss35 ไป เฮียก็นั่งทำงานไป ขนาดยุ่งๆเฮียยังลุกมาคุยด้วย
จำได้ว่าเฮียบอกว่าถ้าสนใจแต่อินเอียร์ จะมีหูอินเอียร์ยี่ห้อ Jays กำลังจะออกมา น่าสนใจ เฮียอาจจะเอามาขายด้วย
วันนั้นเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย จนมาเจอเฮียตอนมี๊ตติ้งทาฟ ผมยังงงเลย เฮียจำผมได้ด้วย
ยังจำได้เลยครับ ตอนนั้นเฮียมีแค่ Koss 35 กับ Alessandro MS1 ขาย
รู้สึกว่าที่ผมเข้าไปที่ร้านเพราะจะถามเฮียเรื่องจุกของ Koss Spark plug ที่ผมใช้อยู่ ซึ่งเฮียยังไม่ได้เอามาขาย
แล้วก็นั่งลอง Koss35 ไป เฮียก็นั่งทำงานไป ขนาดยุ่งๆเฮียยังลุกมาคุยด้วย
จำได้ว่าเฮียบอกว่าถ้าสนใจแต่อินเอียร์ จะมีหูอินเอียร์ยี่ห้อ Jays กำลังจะออกมา น่าสนใจ เฮียอาจจะเอามาขายด้วย
วันนั้นเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย จนมาเจอเฮียตอนมี๊ตติ้งทาฟ ผมยังงงเลย เฮียจำผมได้ด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14
vi
29/01/2013 23:28:12
0
แนวกำแพงถนนมหาชัยสมัยนู้น
แนวกำแพงถนนมหาชัยสมัยนู้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15
เหม่งน้อย
29/01/2013 23:36:15
0
ผมชอบภาพเก่าๆแบบนี้จัง ดูแล้วย้อนอดีตดี ^ ^
ผมชอบภาพเก่าๆแบบนี้จัง ดูแล้วย้อนอดีตดี ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16
นายมั่นคง
29/01/2013 23:43:04
4,294
จำได้แม่นครับ อย่างคุณเป้ดนี่คือผู้มาเยือนยุคแรกสุดเลย และอีกหลายๆท่านในเว็บนี้ ก็คงเคยไปเยี่ยมเยือน แวะไปทดลองฟัง Koss KSC35 กับผมในยุคนั้นล่ะครับ 555
น๊านนานจริงๆๆๆ จะ 7 ปีแล้วนะครับ ทำเป็นล้อเล่นไป 555
จำได้แม่นครับ อย่างคุณเป้ดนี่คือผู้มาเยือนยุคแรกสุดเลย และอีกหลายๆท่านในเว็บนี้ ก็คงเคยไปเยี่ยมเยือน แวะไปทดลองฟัง Koss KSC35 กับผมในยุคนั้นล่ะครับ 555
น๊านนานจริงๆๆๆ จะ 7 ปีแล้วนะครับ ทำเป็นล้อเล่นไป 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17
นายมั่นคง
29/01/2013 23:47:16
4,294
ผมเป็นอีกคนที่ชอบดูภาพสมัยก่อนครับ และไม่ใช่เพิ่งจะชอบดู ผมสนใจดูตั้งแต่ตอนเล็กๆแล้วครับ
เวลาดูรูปเก่าๆ ดูแล้วมันประหลาดใจว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น ทำไมมันเป็นแบบนี้มาก่อนได้อย่างไร ดูแล้วก็เกิดความสนเท่ห์ และก็มีความดีใจ สุขใจลึกๆ ว่าตรงนั้นตรงนี้เราเคยผ่าน เคยเดินไป เคยเห็น ทำนองนั้นล่ะครับ
ดูลิงค์นี้เล่นๆๆครับ
http://topicstock.pantip.com/siam/topicstock/2010/09/F9710111/F9710111.html
ผมเป็นอีกคนที่ชอบดูภาพสมัยก่อนครับ และไม่ใช่เพิ่งจะชอบดู ผมสนใจดูตั้งแต่ตอนเล็กๆแล้วครับ
เวลาดูรูปเก่าๆ ดูแล้วมันประหลาดใจว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น ทำไมมันเป็นแบบนี้มาก่อนได้อย่างไร ดูแล้วก็เกิดความสนเท่ห์ และก็มีความดีใจ สุขใจลึกๆ ว่าตรงนั้นตรงนี้เราเคยผ่าน เคยเดินไป เคยเห็น ทำนองนั้นล่ะครับ
ดูลิงค์นี้เล่นๆๆครับ
http://topicstock.pantip.com/siam/topicstock/2010/09/F9710111/F9710111.html
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18
lifezz
29/01/2013 23:56:54
5
รู้แค่ผัดไทเค้าไส่หมู ผมกินไม่ไดไปกินแค่ขนมเบื้อง อย่างเดียว เหะๆ
รู้แค่ผัดไทเค้าไส่หมู ผมกินไม่ไดไปกินแค่ขนมเบื้อง อย่างเดียว เหะๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19
น้อย
30/01/2013 00:00:51
1
เย็นตาโฟหัวมุมสี่แยกก็จัดจ้านดีนะครับ
ถ้าไปแถวนั้นก็จะแวะกินตลอดเลยครับผม
เย็นตาโฟหัวมุมสี่แยกก็จัดจ้านดีนะครับ
ถ้าไปแถวนั้นก็จะแวะกินตลอดเลยครับผม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20
รัน
30/01/2013 00:10:43
1
โหๆๆๆๆ อ่านดีจัง เห็นรูปเก่าๆ แล้วเจ๋งครับ
น่าเปิดกระทู้เอารูป เก่าๆ ที่ไม่เคยเห็นมาโชกัน อยากดูจังครับ แหะๆ
โหๆๆๆๆ อ่านดีจัง เห็นรูปเก่าๆ แล้วเจ๋งครับ
น่าเปิดกระทู้เอารูป เก่าๆ ที่ไม่เคยเห็นมาโชกัน อยากดูจังครับ แหะๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21
เหม่งน้อย
30/01/2013 00:34:34
0
มันเป็นอะไรที่โอ้ เยาวราชแต่ก่อน ถนนเจริญกรุง คนเราแต่งตัวแบบนี้ รถรางเป็นแบบนี้ ความรู้สึกคล้ายๆเฮียครับ ชอบดูมากกว่าพระเครื่องอีก ...ขลังดีครับ
จำได้ว่าตอน 5-6 หกขวบ ประตูน้ำไม่ได้เป็นสี่แยกเหมือนปัจจุบัน เพชรบุรีตัดใหม่ยังไม่มี คุ้นๆ
ตอน 10 ขวบ มาบุญครองเปิดครั้งแรก ลงข่าวห้างที่ใช้หินอ่อนทั่งห้าง
เวลาช่ังเร็วจริงๆ
...อะไรอีกมากมาย
มันเป็นอะไรที่โอ้ เยาวราชแต่ก่อน ถนนเจริญกรุง คนเราแต่งตัวแบบนี้ รถรางเป็นแบบนี้ ความรู้สึกคล้ายๆเฮียครับ ชอบดูมากกว่าพระเครื่องอีก ...ขลังดีครับ
จำได้ว่าตอน 5-6 หกขวบ ประตูน้ำไม่ได้เป็นสี่แยกเหมือนปัจจุบัน เพชรบุรีตัดใหม่ยังไม่มี คุ้นๆ
ตอน 10 ขวบ มาบุญครองเปิดครั้งแรก ลงข่าวห้างที่ใช้หินอ่อนทั่งห้าง
เวลาช่ังเร็วจริงๆ
...อะไรอีกมากมาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22
blackpie
30/01/2013 01:07:32
33
@คุณ lifezz ครับผัดไทไม่น่าจะใส่หมูยะครับ เพราะคนที่ทำให้ผมรู้จักผัดไทประตูผีเนี่ยคือแฟนเก่าผมครับสมัยยังเรียนมหาลัยนู่น แล้วเค้าก็เป็นอิสลามครับ ก็พาผมไปกินอร่อยจนติดใจมาจนทุกวันนี้ตอนนี้มีลูกมีเมียก็ยังหาโอกาสไปกินอยู่บ่อยๆหละคร้าบบบบ
@คุณ lifezz ครับผัดไทไม่น่าจะใส่หมูยะครับ เพราะคนที่ทำให้ผมรู้จักผัดไทประตูผีเนี่ยคือแฟนเก่าผมครับสมัยยังเรียนมหาลัยนู่น แล้วเค้าก็เป็นอิสลามครับ ก็พาผมไปกินอร่อยจนติดใจมาจนทุกวันนี้ตอนนี้มีลูกมีเมียก็ยังหาโอกาสไปกินอยู่บ่อยๆหละคร้าบบบบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23
เหน่งบา
30/01/2013 04:40:48
0
ขอบคุณเฮียมากเลยครับ สำหรับข้อมูลดีๆที่ให้มา
เห็นภาพ ไม่ใช่แค่ตา แต่ในจินตนาการด้วย..ชัดเจนมากครับ
ขอนำข้อมูลของเฮีย ไปเผยแพร่ต่อนะครับ ไปเติมเต็มกระทู้นี้ของผมในเว็บที่เคยวาง
ขอบคุณท่านอื่นที่เข้ามาร่วมพูดคุย และให้ข้อมูลส่วนอื่น
...หึ เพราะข้อมูลผม มีแค่ประโยคเดียวคือ ประตูผีของกรุงเทพฯ อยู่ที่สำราญราษฎร์ แค่นี้เองครับ ^ ^
หากมีโอกาส จะไปหม่ำตามลายแทงคุณดิวครับ
เย็นตาโฟคุณน้อยก็อยู่ในลิสท์แล้ว
ส่วนน้องหม่อง ผัดไทใส่หมูไม่น่ามีครับ แต่ถ้าน้ำมันหมูละก็...ไม่แน่ - -*
ขอบคุณเฮียมากเลยครับ สำหรับข้อมูลดีๆที่ให้มา
เห็นภาพ ไม่ใช่แค่ตา แต่ในจินตนาการด้วย..ชัดเจนมากครับ
ขอนำข้อมูลของเฮีย ไปเผยแพร่ต่อนะครับ ไปเติมเต็มกระทู้นี้ของผมในเว็บที่เคยวาง
ขอบคุณท่านอื่นที่เข้ามาร่วมพูดคุย และให้ข้อมูลส่วนอื่น
...หึ เพราะข้อมูลผม มีแค่ประโยคเดียวคือ ประตูผีของกรุงเทพฯ อยู่ที่สำราญราษฎร์ แค่นี้เองครับ ^ ^
หากมีโอกาส จะไปหม่ำตามลายแทงคุณดิวครับ
เย็นตาโฟคุณน้อยก็อยู่ในลิสท์แล้ว
ส่วนน้องหม่อง ผัดไทใส่หมูไม่น่ามีครับ แต่ถ้าน้ำมันหมูละก็...ไม่แน่ - -*
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24
นายมั่นคง
30/01/2013 10:13:29
4,294
ข้อมูลของผมก็ไม่ใช่ถูกต้อง หรือใช้อ้างอิงได้จริงๆนะครับ เป็นเพียงการสันนิษฐานของผมจากรูปผ่านต่างๆๆเท่านั้นเองจ้าๆๆๆ 555
ข้อมูลของผมก็ไม่ใช่ถูกต้อง หรือใช้อ้างอิงได้จริงๆนะครับ เป็นเพียงการสันนิษฐานของผมจากรูปผ่านต่างๆๆเท่านั้นเองจ้าๆๆๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25
น้อย
30/01/2013 10:43:21
1
อย่าลืมแวะพักกินซาลาเปาด้วยนะครับพี่น้อง
อร่อยนุ่มเนียนมากๆเลยครับเฮีย
อย่าลืมแวะพักกินซาลาเปาด้วยนะครับพี่น้อง
อร่อยนุ่มเนียนมากๆเลยครับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 26
นายมั่นคง
30/01/2013 11:22:59
4,294
อ๋อ ไอ้ร้านนี้เหรอครับคุณน้อย 555 กินจนเบื่อแล้่วคร้าบบ
อ๋อ ไอ้ร้านนี้เหรอครับคุณน้อย 555 กินจนเบื่อแล้่วคร้าบบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27
vi
30/01/2013 13:28:56
0
โตก๋วยจั๊บหมูกรอบ ตะก่อนไปนั่งกินทุกวันเลย ทางผ่านกลับบ้านพอดี
โตก๋วยจั๊บหมูกรอบ ตะก่อนไปนั่งกินทุกวันเลย ทางผ่านกลับบ้านพอดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28
Sledped
30/01/2013 22:04:16
หลอนจนขนลุกเลยว่ะ.........ดูภาพเก่าๆแล้วนึกถึงบ้านยายที่ต่างจังหวัดตอนนั้น 5 ขวบได้กำลังจะเข้ามุ้งเจอของดีในป่าหลังบ้านไม่อยากจะเซดเลย...............บรื๋อยยยยยยยย
หลอนจนขนลุกเลยว่ะ.........ดูภาพเก่าๆแล้วนึกถึงบ้านยายที่ต่างจังหวัดตอนนั้น 5 ขวบได้กำลังจะเข้ามุ้งเจอของดีในป่าหลังบ้านไม่อยากจะเซดเลย...............บรื๋อยยยยยยยย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29
Gaia_Blue
30/01/2013 22:21:17
0
เล่าความหลังกันซะละ อ่านแล้วก็นึกภาพไปด้วย แต่ผมอยู่บ้านอกต่างจังหวัด สภาพแวดล้อมต่างจาก กทม เยอะเลย เห็นภาพเก่าๆแล้วมีมนต์ขลังดีจังครับ สมัยก่อนนี้ช่างน่าอยู่กว่าตอนนี้จัง นึกถึงตอนถนนราดยางแคบๆ รถสามล้อ นานๆจะเห็นรถยนต์ที
เล่าความหลังกันซะละ อ่านแล้วก็นึกภาพไปด้วย แต่ผมอยู่บ้านอกต่างจังหวัด สภาพแวดล้อมต่างจาก กทม เยอะเลย เห็นภาพเก่าๆแล้วมีมนต์ขลังดีจังครับ สมัยก่อนนี้ช่างน่าอยู่กว่าตอนนี้จัง นึกถึงตอนถนนราดยางแคบๆ รถสามล้อ นานๆจะเห็นรถยนต์ที
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30
lifezz
30/01/2013 22:48:42
5
@คุณblackpie คือเพื่อนผมที่นั่งกินดวยกันมันทักว่ามีอะไรกรอบๆมาด้วย
พอมันดูเห็นมันบอกเศษกากหมูหรอแคปอะไรเนี้ยแหละครับ
ส่วนตัวผมม่ได้เคร่งมากครับแต่ถ้ารู้ก็จะไม่ยากกินครับ เพราะบางทีใช้รสดีหมู ประมาณเนี้ยครับ ^^
@คุณblackpie คือเพื่อนผมที่นั่งกินดวยกันมันทักว่ามีอะไรกรอบๆมาด้วย
พอมันดูเห็นมันบอกเศษกากหมูหรอแคปอะไรเนี้ยแหละครับ
ส่วนตัวผมม่ได้เคร่งมากครับแต่ถ้ารู้ก็จะไม่ยากกินครับ เพราะบางทีใช้รสดีหมู ประมาณเนี้ยครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 31
zetathix
31/01/2013 11:58:39
11
ผัดไทถ้าเจ้าไหนดั้งเดิมเขาต้องใช้น้ำมันหมูเจียวเป็นมาตรฐานเลยครับ เลยคิดว่าคงเป็นอันนี้แหล่ะมั้ง
ชอบจังเลยครับ กระทู้แบบนี้ อยากให้มีทุกๆวัน สาระประโยชน์
ผมชอบให้ตีนกาขึ้นสมอง 555
ผัดไทถ้าเจ้าไหนดั้งเดิมเขาต้องใช้น้ำมันหมูเจียวเป็นมาตรฐานเลยครับ เลยคิดว่าคงเป็นอันนี้แหล่ะมั้ง
ชอบจังเลยครับ กระทู้แบบนี้ อยากให้มีทุกๆวัน สาระประโยชน์
ผมชอบให้ตีนกาขึ้นสมอง 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32
lifezz
31/01/2013 13:28:34
5
ผมก็ไม่ได้ถืออะไรมากหรอกน่อครับ
แต่ถ้ารู้หรือไอ้เพื่อนแสบทักจะหยุดกินและหันไปอย่างอื่นแทนเลยทันทีอ่ะครับ เหะๆ
ผมก็ไม่ได้ถืออะไรมากหรอกน่อครับ
แต่ถ้ารู้หรือไอ้เพื่อนแสบทักจะหยุดกินและหันไปอย่างอื่นแทนเลยทันทีอ่ะครับ เหะๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33
กอบกุล ลอเสรีวานิช
16/12/2015 08:59:45
ขออนุญาต นำภาพไปใช้ตกแต่งร้านกาแฟแถวประตูผี ขอบคุณคะ
ขออนุญาต นำภาพไปใช้ตกแต่งร้านกาแฟแถวประตูผี ขอบคุณคะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34
เหน่งบา
16/05/2016 19:43:48
1,866
อีแร้งลง....ที่เมรุปูนวัดสระเกศฯ
แยกเมรุปูน เป็นแยกที่ตัดกับถนนบำรุงเมืองที่มาจากเสาชิงช้า ผ่านแยกสำราญราษฎร์ หรือที่เรียกกันว่าประตูผี แล้วจึงผ่านแยกเมรุปูน ทอดยาวสู่แยกแม้นศรี
แต่เดิมนั้นยังไม่มีถนนบำรุงเมือง ดังนั้นถนนบำรุงเมืองและบริเวณพื้นที่ทั้งสองฟากฝั่งนี้ จึงเป็นพื้นที่ผืนเดียวกันกับวัดสระเกศฯ สำหรับจุดที่เป็นที่ตั้งของ "เมรุปูนวัดสระเกศ" ก็อยู่ภายในบริเวณวิทยาลัยสารพัดช่างพระนครในปัจจุบันนั่นเอง
เมรุปูนวัดสระเกศ เป็นเมรุที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) แต่ครั้งยังเป็นพระยาพิพัฒน์รัตนราชโกษา เป็นนายช่างสร้างเมรุด้วยการก่ออิฐถือปูน
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นนี้ เพื่อใช้สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านาย และศพข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มีการก่อสร้างอย่างปราณีต สมบูรณ์ยิ่งกว่าเมรุปูนของวัดอรุณราชวราราม และวัดสุวรรณาราม ที่ได้สร้างมาก่อนหน้านี้แล้ว
เมรุปูนวัดสระเกศ มีสิ่งก่อสร้างบริเวณรอบเมรุ เช่น พลับพลา โรงธรรม โรงครัว โรงมหรสพ ตลอดจนพุ่มกัลปพฤกษ์ และระทา (หอสี่เหลี่ยมทรงยอดเกี้ยว ใช้สำหรับจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ในพิธี) ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ล้วนทำด้วยการก่ออิฐถือปูนทั้งสิ้น
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตัดถนนบำรุงเมือง โดยการตัดผ่านของถนนเส้นนี้ ทำให้กุฎีวัดสระเกศกับบริเวณ เมรุปูน แยกออกจากกันคนละฝั่งถนน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการแก้ไขบริเวณเมรุปูนนี้ให้เหมาะสมกับถนนที่ตัดขึ้นใหม่
เมื่อมีการตัดถนนใหม่ บ้านเรือนในบริเวณนั้นจึงถูกเบียดให้ติดกับเมรุปูน รวมถึงทางสัญจรก็ต้องผ่านเมรุปูนแห่งนี้ ทำให้ไม่เหมาะที่จะทำการฌาปนกิจศพ จึงได้ยุบเลิกเมรุปูน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาทางวัดสระเกศก็ได้มอบสถานที่นั้นให้เป็นที่ตั้งของ "โรงเรียนช่างไม้วัดสระเกศ" ถัดมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ จึงมอบพิ้นที่นี้ต่อให้กับกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งขึ้นเป็น "โรงเรียนสารพัดช่างพระนคร"และยกวิทยฐานะเป็นวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร จนปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้ภายในวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร จะมีองค์พระวิษณุกรรมเทพแห่งการช่าง พระวรกายสีทองยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้า จุดนี้เองคือจุดที่ตั้งของ "เมรุปูน" ในอดีต
และหลักฐานชิ้นสุดท้ายของเมรุปูน ที่คนรุ่นเราได้พบเห็นก็เพียงชิ้นส่วนที่เป็นเพียงบันไดของเมรุ ขณะที่มีการซ่อมพื้นแผนกวิชาช่างยนต์ ทำให้ได้ขุดพบบันไดเมรุที่ทำด้วยปูนอยู่ลึกลงไปใต้ดิน โดยเชิงบันไดทอดยาวไปทางด้านทิศตะวันออก เหตุนี้เององค์พระวิษณุกรรมที่สถิตอยู่ ณ จุดที่เคยเป็นที่ตั้งของ "เมรุปูน" จึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หลายคนได้พบได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านมากมาย ชุมชนและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนครูอาจารย์ และนักเรียนนักศึกษา ให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง
แร้งวัดสระเกศ
ในแผ่นดินรัชกาลที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เกิดโรคห่าระบาดอย่างหนัก ในเมืองพระนคร ขณะนั้น ยังไม่มีวิธีรักษา และรู้จักการป้องกัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ จึงทรงใช้วิธีให้กำลังใจ โปรดฯ ให้ตั้งพิธีขับไล่โรคนี้ขึ้น เรียกว่า "พิธีอาพาธพินาศ"
โดยจัดขึ้นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดคืน อัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุออกแห่ มีพระราชาคณะโปรยพระพุทธมนต์ตลอดทาง ทรงทำบุญเลี้ยงพระ โปรดให้ปล่อยปลาปล่อยสัตว์ และประกาศไม่ให้ประชาชนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อยู่กันแต่ในบ้าน กระนั้นก็ยังมีคนตายเพราะอหิวาต์ประมาณ ๓ หมื่นคน ศพกองอยู่ตามวัดเป็นภูเขาเลากา เพราะฝังและเผาไม่ทัน บ้างก็แอบเอาศพทิ้งลงในแม่น้ำลำคลองในเวลากลางคืน จึงมีศพลอยเกลื่อนกลาดไปหมด ประชาชนต่างอพยพหนีออกไปจากเมืองด้วยความกลัว พระสงฆ์ทิ้งวัด งานของราชการ และธุรกิจทั้งหลายต้องหยุดชะงัก เพราะผู้คนถ้าไม่หนีไปก็มีภาระในการดูแลคนป่วย และจัดการกับศพของญาติมิตร ในเวลานั้น วัดสระเกศ เป็นศูนย์รวมของแร้งจำนวนนับพัน
อหิวาต์ เวียนมาในทุกฤดูแล้ง และหายไปในฤดูฝนเช่นนี้ทุกปี จะในปี พ.ศ. ๒๓๙๓ อหิวาต์ ก็ระบาดหนักอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ปีนังก่อน แล้วแพร่ระบาดมาจนถึงกรุงเทพฯ เรียกกันว่า "ห่าลงปีระกา" ในระยะเวลาช่วง ๑ เดือน ที่เริ่มระบาดมีผู้เสียชีวิตถึง ๑๕,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ คน และตลอดฤดู ตายถึง ๔๐,๐๐๐ คน
ขณะนั้นเจ้าฟ้ามงกุฏฯ (รัชกาลที่ ๔ ) ซึ่งขณะนั้นดำรงเพศบรรพชิตเป็นพระราชาคณะ ได้ทรงบัญชาให้วัดสามวัด คือ วัดสระเกศ วัดบางลำพู (วัดสังเวชวิศยาราม) และวัดตีนเลน (วัดเชิงเลน หรือวัดบพิตรพิมุข) ให้เป็นสถานที่สำหรับเผาศพ มีศพที่นำมาเผาสูงสุด ถึงวันละ ๖๙๖ ศพ แต่กระนั้น ศพที่เผาไม่ทัน ก็ถูกกองสุมกันอยู่ตามวัด โดยเฉพาะวัดสระเกศ มีศพส่งไปไว้มากที่สุด ทำให้ฝูงแร้งแห่งไปลงทึ้งกินซากศพ ตามลานวัด บนต้นไม้ บนกำแพง และหลังคากุฏิเต็มไปด้วยแร้ง แม้เจ้าหน้าที่จะถือไม้คอยไล่ก็ไม่อาจกั้นฝูงแร้ง ที่จ้องเข้ามารุมทึ้งซากศพอย่างหิวกระจายได้ และจิกกินซากศพ จนเห็นกระดูกขาวโพลน พฤติกรรมของ "แร้งวัดสระเกศ" ที่น่าสยดสยองจึงเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วทั้งพระนคร ...สยามประเทศ
เอกสารประกอบการเขียน/ขอบคุณ
- วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3462.3345
http://krooair.blogspot.com/2011/05/blog-post.html
ทำอย่างไรถึงจะได้รับข้อความที่ทางเพจโพสทุกครั้ง ... กดคำว่า “ถูกใจ” แล้ว ใต้ “ภาพหน้าปก” จะมีคำว่า “รับการแจ้งเตือน” ให้กดที่คำนี้ จนเห็นเครื่องหมาย ‘ถูก’ ปรากฎขึ้น เพียงเท่านี้ คุณก็จะไม่พลาดข้อความดีๆอีกต่อไป
fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas
อีแร้งลง....ที่เมรุปูนวัดสระเกศฯ
แยกเมรุปูน เป็นแยกที่ตัดกับถนนบำรุงเมืองที่มาจากเสาชิงช้า ผ่านแยกสำราญราษฎร์ หรือที่เรียกกันว่าประตูผี แล้วจึงผ่านแยกเมรุปูน ทอดยาวสู่แยกแม้นศรี
แต่เดิมนั้นยังไม่มีถนนบำรุงเมือง ดังนั้นถนนบำรุงเมืองและบริเวณพื้นที่ทั้งสองฟากฝั่งนี้ จึงเป็นพื้นที่ผืนเดียวกันกับวัดสระเกศฯ สำหรับจุดที่เป็นที่ตั้งของ "เมรุปูนวัดสระเกศ" ก็อยู่ภายในบริเวณวิทยาลัยสารพัดช่างพระนครในปัจจุบันนั่นเอง
เมรุปูนวัดสระเกศ เป็นเมรุที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) แต่ครั้งยังเป็นพระยาพิพัฒน์รัตนราชโกษา เป็นนายช่างสร้างเมรุด้วยการก่ออิฐถือปูน
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นนี้ เพื่อใช้สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านาย และศพข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มีการก่อสร้างอย่างปราณีต สมบูรณ์ยิ่งกว่าเมรุปูนของวัดอรุณราชวราราม และวัดสุวรรณาราม ที่ได้สร้างมาก่อนหน้านี้แล้ว
เมรุปูนวัดสระเกศ มีสิ่งก่อสร้างบริเวณรอบเมรุ เช่น พลับพลา โรงธรรม โรงครัว โรงมหรสพ ตลอดจนพุ่มกัลปพฤกษ์ และระทา (หอสี่เหลี่ยมทรงยอดเกี้ยว ใช้สำหรับจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ในพิธี) ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ล้วนทำด้วยการก่ออิฐถือปูนทั้งสิ้น
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตัดถนนบำรุงเมือง โดยการตัดผ่านของถนนเส้นนี้ ทำให้กุฎีวัดสระเกศกับบริเวณ เมรุปูน แยกออกจากกันคนละฝั่งถนน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการแก้ไขบริเวณเมรุปูนนี้ให้เหมาะสมกับถนนที่ตัดขึ้นใหม่
เมื่อมีการตัดถนนใหม่ บ้านเรือนในบริเวณนั้นจึงถูกเบียดให้ติดกับเมรุปูน รวมถึงทางสัญจรก็ต้องผ่านเมรุปูนแห่งนี้ ทำให้ไม่เหมาะที่จะทำการฌาปนกิจศพ จึงได้ยุบเลิกเมรุปูน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาทางวัดสระเกศก็ได้มอบสถานที่นั้นให้เป็นที่ตั้งของ "โรงเรียนช่างไม้วัดสระเกศ" ถัดมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ จึงมอบพิ้นที่นี้ต่อให้กับกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งขึ้นเป็น "โรงเรียนสารพัดช่างพระนคร"และยกวิทยฐานะเป็นวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร จนปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้ภายในวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร จะมีองค์พระวิษณุกรรมเทพแห่งการช่าง พระวรกายสีทองยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้า จุดนี้เองคือจุดที่ตั้งของ "เมรุปูน" ในอดีต
และหลักฐานชิ้นสุดท้ายของเมรุปูน ที่คนรุ่นเราได้พบเห็นก็เพียงชิ้นส่วนที่เป็นเพียงบันไดของเมรุ ขณะที่มีการซ่อมพื้นแผนกวิชาช่างยนต์ ทำให้ได้ขุดพบบันไดเมรุที่ทำด้วยปูนอยู่ลึกลงไปใต้ดิน โดยเชิงบันไดทอดยาวไปทางด้านทิศตะวันออก เหตุนี้เององค์พระวิษณุกรรมที่สถิตอยู่ ณ จุดที่เคยเป็นที่ตั้งของ "เมรุปูน" จึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หลายคนได้พบได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านมากมาย ชุมชนและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนครูอาจารย์ และนักเรียนนักศึกษา ให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง
แร้งวัดสระเกศ
ในแผ่นดินรัชกาลที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เกิดโรคห่าระบาดอย่างหนัก ในเมืองพระนคร ขณะนั้น ยังไม่มีวิธีรักษา และรู้จักการป้องกัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ จึงทรงใช้วิธีให้กำลังใจ โปรดฯ ให้ตั้งพิธีขับไล่โรคนี้ขึ้น เรียกว่า "พิธีอาพาธพินาศ"
โดยจัดขึ้นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดคืน อัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุออกแห่ มีพระราชาคณะโปรยพระพุทธมนต์ตลอดทาง ทรงทำบุญเลี้ยงพระ โปรดให้ปล่อยปลาปล่อยสัตว์ และประกาศไม่ให้ประชาชนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อยู่กันแต่ในบ้าน กระนั้นก็ยังมีคนตายเพราะอหิวาต์ประมาณ ๓ หมื่นคน ศพกองอยู่ตามวัดเป็นภูเขาเลากา เพราะฝังและเผาไม่ทัน บ้างก็แอบเอาศพทิ้งลงในแม่น้ำลำคลองในเวลากลางคืน จึงมีศพลอยเกลื่อนกลาดไปหมด ประชาชนต่างอพยพหนีออกไปจากเมืองด้วยความกลัว พระสงฆ์ทิ้งวัด งานของราชการ และธุรกิจทั้งหลายต้องหยุดชะงัก เพราะผู้คนถ้าไม่หนีไปก็มีภาระในการดูแลคนป่วย และจัดการกับศพของญาติมิตร ในเวลานั้น วัดสระเกศ เป็นศูนย์รวมของแร้งจำนวนนับพัน
อหิวาต์ เวียนมาในทุกฤดูแล้ง และหายไปในฤดูฝนเช่นนี้ทุกปี จะในปี พ.ศ. ๒๓๙๓ อหิวาต์ ก็ระบาดหนักอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ปีนังก่อน แล้วแพร่ระบาดมาจนถึงกรุงเทพฯ เรียกกันว่า "ห่าลงปีระกา" ในระยะเวลาช่วง ๑ เดือน ที่เริ่มระบาดมีผู้เสียชีวิตถึง ๑๕,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ คน และตลอดฤดู ตายถึง ๔๐,๐๐๐ คน
ขณะนั้นเจ้าฟ้ามงกุฏฯ (รัชกาลที่ ๔ ) ซึ่งขณะนั้นดำรงเพศบรรพชิตเป็นพระราชาคณะ ได้ทรงบัญชาให้วัดสามวัด คือ วัดสระเกศ วัดบางลำพู (วัดสังเวชวิศยาราม) และวัดตีนเลน (วัดเชิงเลน หรือวัดบพิตรพิมุข) ให้เป็นสถานที่สำหรับเผาศพ มีศพที่นำมาเผาสูงสุด ถึงวันละ ๖๙๖ ศพ แต่กระนั้น ศพที่เผาไม่ทัน ก็ถูกกองสุมกันอยู่ตามวัด โดยเฉพาะวัดสระเกศ มีศพส่งไปไว้มากที่สุด ทำให้ฝูงแร้งแห่งไปลงทึ้งกินซากศพ ตามลานวัด บนต้นไม้ บนกำแพง และหลังคากุฏิเต็มไปด้วยแร้ง แม้เจ้าหน้าที่จะถือไม้คอยไล่ก็ไม่อาจกั้นฝูงแร้ง ที่จ้องเข้ามารุมทึ้งซากศพอย่างหิวกระจายได้ และจิกกินซากศพ จนเห็นกระดูกขาวโพลน พฤติกรรมของ "แร้งวัดสระเกศ" ที่น่าสยดสยองจึงเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วทั้งพระนคร ...สยามประเทศ
เอกสารประกอบการเขียน/ขอบคุณ
- วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3462.3345
http://krooair.blogspot.com/2011/05/blog-post.html
ทำอย่างไรถึงจะได้รับข้อความที่ทางเพจโพสทุกครั้ง ... กดคำว่า “ถูกใจ” แล้ว ใต้ “ภาพหน้าปก” จะมีคำว่า “รับการแจ้งเตือน” ให้กดที่คำนี้ จนเห็นเครื่องหมาย ‘ถูก’ ปรากฎขึ้น เพียงเท่านี้ คุณก็จะไม่พลาดข้อความดีๆอีกต่อไป
fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35
raymee_4
16/05/2016 20:00:35
19
ก๋วยจ๊ั๊บกับซาลาเปาเป็นร้านเฮียแกเองครับ5555 ทำใหม่ๆเททิ้งทุกวัน
ก๋วยจ๊ั๊บกับซาลาเปาเป็นร้านเฮียแกเองครับ5555 ทำใหม่ๆเททิ้งทุกวัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36
เหน่งบา
05/10/2016 05:59:54
1,866
ขออนุญาตเฮียกับคุณvi เอาภาพและข้อมูลไปลงเฟซหน่อยนะครับ เผยแพร่ให้คนที่สนใจเรื่องเก่าๆได้อ่านกัน
ขออนุญาตเฮียกับคุณvi เอาภาพและข้อมูลไปลงเฟซหน่อยนะครับ เผยแพร่ให้คนที่สนใจเรื่องเก่าๆได้อ่านกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37
Aof111
13/10/2016 10:41:29
0
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 32 - lifezz
ผมก็ไม่ได้ถืออะไรมากหรอกน่อครับ
แต่ถ้ารู้หรือไอ้เพื่อนแสบทักจะหยุดกินและหันไปอย่างอื่นแทนเลยทันทีอ่ะครับ เหะๆ
จ้า
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 32 - lifezz
ผมก็ไม่ได้ถืออะไรมากหรอกน่อครับ
แต่ถ้ารู้หรือไอ้เพื่อนแสบทักจะหยุดกินและหันไปอย่างอื่นแทนเลยทันทีอ่ะครับ เหะๆ
จ้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ตอบกระทู้ :
"ประตูผีของกรุงเทพฯ....."
รายละเอียด :
ชื่อ :
รหัสความปลอดภัย :
ตกลง
ตั้งค่าใหม่
แจกหูพิเศษ :
แจ้งลบกระทู้ / ข้อความ
สาเหตุ :
โพสที่แจ้งลบ
แจ้งโดย
เหตุที่แจ้ง
สถานะ