ไม่ใช่ล่ะครับ คือหูฟังนั้น ลักษณะการจำลองเวทีเสียงมันต่างจากชุดเครื่องเสียงบ้าน พวกซีดีและเพลงต่างๆที่เค้าบันทึกนั้น เค้าทำมาเพื่อให้ใช้เล่นกับพวกเครื่องเสียงบ้าน เทคนิคการอัด การวางตำแหน่งไมโครโฟน

การฟังเสียงจากลำโพงบ้าน จะให้มิติที่เสมือนจริงมากกว่า คือดนตรีสามารถรับรู้ได้ว่าอะไรอยู่ไกลอยู่ใกล้ได้ง่ายกว่า และขนาดของวงนั้น จะอยู่ต่อหน้าเรา ลึกเข้าไปทางหลังห้อง เหมือนกับการฟังดนตรีที่เล่นกันจริงๆ (ไม่เหมือนแต่ถือว่าใกล้เคียง)

ส่วนหูฟังนั้น เราใช้เพลงที่บันทึกมาเพื่อการเล่นเครื่องเสียงทั่วไป ก็จะให้มิติแบบ 2 แชลแนลหรือสเตอริโอ แล้วพวกเสียงที่อยู่แชลแนลกลางๆ อย่างนักร้อง ก็มักจะอยู่ใกล้ๆ หน้าผาก ค่อนไปบนศีรษะ โดยชิ้นดนตรีและส่วนประกอบต่างๆ ก็จะยังคงอยู่ในระยะใกล้ๆ อาการแบบนี้ เค้าเรียกว่า เสียงไม่หลุดหัว หรือไม่หลุดจากศีรษะนั่นเอง

หูฟังที่คุณภาพดี รวมไปถึงการใช้แอมป์คุณภาพดี จะสามารถยืดซาวด์เสตทให้ไกลออกไปได้ และทำให้เราไม่อึดอัด เสียงคนร้องจะร้องอยู่หลุดสูงออกไปจากศีรษะ เรามักจะเรียกว่า เสียงหลุดจากหัว หรือฝรั่งมักจะใช้บ่อยๆ ว่า out of head ครับ

หูฟังที่คุณภาพดีขึ้นมา จะสร้างสนามเสียงจำลอง รวมถึงเวทีเสียงที่ฟังแล้วผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น แต่ที่ว่ามานั้นต้องอยู่ในระดับการฟังแบบเอาจริง ซึ่งปกติทุกวันนี้ลักษณะเสียงที่ได้จากหูฟังทั่วไปถือว่าดีในระดับยอมรับได้แล้วล่ะ

ค่อยๆ สังเกตุ และทดลองฟังครับ หรือไม่ก็แวะมาที่ร้านมาลองฟังว่าหูฟังแต่ละตัว มันให้เสียงและเวทีเสียงได้ต่างกันจริงๆๆ เชียวหรือ..........

555

เพราะมันไม่มีระยะทาง การไม่มีการสะท้อน การดูดซับ เหมือนลำโพง

และที่สำคัญแค่หูขวาหูเดียวเราก็ได้ยินเสียงจากลำโพงทั้งซ้ายและขวา

แต่ระยะทางต่างกัน มุมต่างกัน การสะท้อน การดูดซับ ต่างกันด้วยครับ

อย่างมากถ้าเขาอัดมาเพื่อหูฟังจริงๆก็พอได้ แต่มันเป็นการสร้างขึ้นมาแค่นั้นครับ

มันยังมีปัจจัยอีกหลายๆอย่าง ที่หูฟังไม่สามารถให้เสียงได้เหมือนลำโพง

นั้นคือสภาพอคูสติกภายในห้องฟัง และเป็นส่วนที่สำคัญที่ทำให้เครื่องเสียงชุดเดียวกัน เสียงต่างกันครับ

ขึ้นอยู่กับประเภทของหุฟังด้วยนะครับ ว่าเป็นแบบเอียร์บัด อินเอียร์ มินิฟูลไซค์ ฟูลไซค์ ตามที่ผมเคยใช้นะครับ เสียงของฟูลไซค์จะให้ลักษณะของเวทีเสียงใกล้เคียงกับลำโพงนะครับ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อของหูฟังนั้นด้วยว่าผู้ผลิตนั้นต้องการให้ออกมาแบบไหน อีกทั้งยังจะต้องมีแอมป์ และสายต่างมาเกี่ยวข้องอีก ทางที่ดีไปลองฟังครับจะดีที่สุด

ลองฟังเสียงแบบ Holophonic ดูครับ
ใกล้เคียงลำโพงมากๆ
ในแผ่น audiophile บางแผ่นก็ใช้เทคนิคนี้อยู่เหมือนกันมั้ง เคยได้ยินบางเพลงครับ
^^\"

แบบนี้เสียงไม่หลุดหัวครับ

แนะนำให้ปรับปรุงคุณภาพจากต้นทาง รวมทั้งหูฟังด้วยครับ

โถท่าน
ผมใช้ W5000 อยู่ ยังรู้สึกว่าเสียงยังไม่หลุดหัวเลยครับ
หูฟังก็มีลิมิตของมันอยู่ครับ ผมเคยฟัง HD800 ก็กว้างครับ แต่อย่างไรก็เทียบไม่ได้กับลำโพงล่ะครับ

ขอถามหน่อยครับ หูฟัง Ultrasone HFI-580 ถ้าใช้ดูหนัง หรือฟังเพลง เวทีเสียงจะเหมือนหรือคล้ายฟัง จากลำโพงป่าว ครับ

W5000 source ดีๆ หลุดหัวแน่นอนครับ ไม่ได้กระจุกตีกันในหัวแบบ ES7
แต่แบบที่เฮียมั่นบอก มันมีข้อจำกัดของมัน ไม่ได้กว้างแม่น้ำแบบลำโพงแน่ครับ
หูฟังไม่เหมือนลำโพง แต่ลักษณะเสียงที่หลุดตู้ลำโพง กับหลุดหัว ลักษณะเดียวกัน

แล้วจะเป็นไปได้มัยครับ ถ้าจะสร้างAmp ที่ปรับแต่งเสียงทำให้มัน\"หลุด\"ได้อ่ะครับ

ลองฟัง Those sweet words ของน้องหนู นอร่า โจนส์ ดูสิครับ แล้วจะชอบ
เสียงเธอลอยเด่นอยู่ตรงกลาง มีเสียงดนตรี อ้อยอิ่งคลออยู่รอบ ๆ ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
เสียบหูฟัง เร่งเสียงให้พอเหมาะ เอนหลัง หลับตา
แล้วลองนึกภาพดู ถ้าเสียงเธออยู่ตรงหน้าผากเรา จมูกเราก็อยู่ตรงซอกคอพอดี โอเย่......

แสดงว่าคุณยังไม่เคยลองฟังเพลงที่ใช้การอัดแบบ binaul สิครับ นั่นคือการอัดเพลงแบบ realtime live rechording โดยจำลองการฟังของหูคน แล้วจะได้ sound stage ใกล้เคียงกับการฟังลำโพงบ้าน แม้ว่าจะใช้หูฟีง stereo ราคาถูกๆ ก็ตาม ลองหาดูนะครับ ถ้าหาไม่ได้ไว้เมล์มาได้ครับ จะลองส่งไปให้ฟังซักเพลง [email protected]

ก็อย่างที่เฮียบอก คือซีดีเขาอัดมาไว้ใช้กับลำโพงพอมาฟังกับหูฟังมันก็เลยไม่ได้มิติ
แต่ถ้าเป็นแผ่นสำหรับหูฟัง เช่นแผ่น binural หรือแผ่นเทสหูฟังโดยตรง เสียงจะได้มิติมาก หลุดออกจากหัวไปเลยครับ แต่ก็ยังมีเรื่องมิติหน้ากับหลังที่ยังจับยากอยู่ ผมมีสะสมไว้หลายชุดเหมือนกัน อย่าง virtual hair cut เนี่ยเผลอขยับหัวหลบกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

ขอบคุณครับ เดี๋ยวต้องไปหามาฟังซะแล้ว

ไม่ใช่ครับ

ถ้าเรียนสายแพทย์มาจะทราบดีว่า

การรับฟังเสียงของมนุษย์

ไม่ได้รับรู้โดย \"หู\" เพียงอย่างเดียวครับ

^
^
^
ถูกครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งยวด อิอิ

การรับฟังเสียงของมนุษย์ ไม่ได้รับรู้โดย \"หู\" เพียงอย่างเดียวครับ
============================================
ไม่เข้าใจครับ รบกวนช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยครับ?

มีผิวหนัง แรงสั่นสะเทือนด้วยมั้งครับ

ใบหูด้วยครับ อิอิ

ผมส่งเพลง binural ไปให้ฟังเพลงนึงแล้ว้นะครับ ของ otmar Liebert ได้ผลยังไงบอกกันด้วยนะครับ

อ่า ไม่ได้รับเมล์ครับ สงสัยไฟล์ใหญ่ไป แต่ไม่เป็นไรครับ เด๋วผมจะลองหาดูเอง

คนตาบอดบางคนเขาจะรู้เลยว่า เสียงมาจากตรงไหน ไกลแค่ไหน

เสียงสะท้อนกับอะไรมาบ้าง ก่อนถึงหูเขา

เหมือนกับห้องฟังเพลง ไม่ใช่ว่าเขาจะติดอุปกรณ์ดูด ซับ เสียงอย่างเดียว

เขาจะต้องมีพื้นที่ให้เสียงได้สะท้อน เพื่อให้เสียงดูกว้าง ดูมีมิติ

และนั้นล่ะครับ ที่หูฟังทำไม่ได้ครับ ต่อให้ binural (เพราะเคยฟังมาแล้ว)

ก็ได้แค่ให้ความรู้สึกว่าหลุดจากหัวครับ ของบางอย่างใช้ได้เฉพาะทางน่ะครับ

\" ผมส่งเพลง binural ไปให้ฟังเพลงนึงแล้ว้นะครับ ของ otmar Liebert ได้ผลยังไงบอกกันด้วยนะครับ\"

^
^
^
ขอบคุณมากครับ แหล่มเป็ด จริงๆ เหมือนนั่งหันหลังให้เวทีเลย ชักอยากได้ทั้ง อัลบั้มแล้วซิ อิอิ

ลอง search ดูครับ ชื่ออัลบั้ม upclose ไม่น่าจะหายากครับ

คุณburst แผ่นนี้หาซื้อได้ที่ไหนครับ

ในบรรดาหูฟังที่เคยฟัง HFI 2200 ฟังแล้วคล้ายลำโพงมากที่สุดครับ (แต่ไม่ได้บอกว่าเหมือนนะ)

Upclose +1
ครับ เหมื่อนว่า อัลบั้มนี้ทำมาเพื่อ หูฟัง โดยเฉพาะเลยหละ

ลองหามาฟังดูครับ

ผมว่าอีกหน่อย อาจจะมีการบันทึกเสียงเพื่อใช้ร่วมในการฟังหูฟังโดยเฉพาะก็เป็นได้นะครับ

แต่ปัจจุบัน เวลาเราฟังหูฟังนั้น มันจะให้สัดส่วนและขนาดวงแค่พอใช้ได้ คือต้องทำใจว่านี่คือการเอาเพลงที่บันทึกมาเพื่อการฟังกับลำโพง 2 แชลแนล แต่เราเอามาฟังในหูฟัง

อะไรก็ยังบันทึกตามใจคนที่เอาไปฟังกับชุดเครื่องเสียงบ้านน่ะครับ 555

สำหรับตัวแผ่นผมเองก็ไม่มีครับ มีแต่ตัวไฟล์เท่านั้น

ผมเห็นด้วยกับเฮียนะครับ ทุกวันนี้พัฒนาการของการบันทึกเสียงก็ก้าวหน้าไปมาก จากระบบ track แบบโบราณ มาสู่ binaural (ต้องสะกดอย่างนี้ ตอนแรกผมพิมพ์ผิดไป)

การบันทึกเสียงแบบ binaural นั้น ก็คือการจำลองหัวและหูของคนในการรับฟัง ย้ำ! จำลองหัวและหูของคนจริงๆนะครับ (เรียกว่า Dummy Head)โดยเอาเครื่องรับสัญญาณหรือ microphone ไปฝังไว้ในหุ่นจำลอง และทำการบันทึกเสียงดนตรีโดยให้แหล่งเสียงอยู่รอบๆ ในระยะห่างต่างกัน ทำให้ได้มิติที่ใกล้เคียงกับ live music มากที่สุด

หากใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่ม ลองเข้าไปอ่าน (และแปล)ตามนี้นะครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Binaural_recording

ภาพนี่เป็นภาพจริงของ Dummy Head และตำแหน่งการยืนของนักดนตรีที่ทำการบันทึกเสียงครับ

ส่วนภาพนี้เป็น Dummy Head ที่ใช้ในการบันทึกเสียงนอกสถานที่ครับ มักใช้ในการทำ sound สำหรับสารคดีที่ต้องการระบบเสียง surround อย่างละเอียด บ้างก็ใช้สำหรับการทดลองและเก็บข้อมูลทางนิเวศน์วิทยาครับ

กลับกัน การบันทึกแบบ Binaural นี่ถ้าเอาไปเปิดกับลำโพงธรรมดาจะให้ความรู้สึกยังไงมั่งครับ

ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นลำโพงแบบไหนครับ 2.1-5.1- 7.1 เสียงที่ออกมาก็จะออกมาตามทิศทางของแหล่งกำเนิดเสียงครับ

เออแฮะ เค้าทำกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะครับ 555

รบกวนแนะนำที่ซื้อCD albumนี้หน่อยค่ะ (หรือท่าใดใจดีชี้เป้าให้หลังไมค์ก็ไม่ว่ากันค่ะ ^^)

แล้วมีalbumไหนแนะนำอีกมั้ยคะ ที่เป็นอัดแบบนี้เหมือนกัน

ผมว่าเฮียมั่นคงน่าจะหาแผ่นพวกนี้มาขายกับหูฟังด้วยนะครับ เอาให้ครบวงจรเลย

ใน www.binaural.com น่าจะมีการแชร์ไฟล์ให้กันฟรีๆนะครับ ลองๆดูครับ พอดียังไม่มีเวลา

อีกอัลบั้มที่อยากแนะนำ แต่ก็ออกมา 10 ปีแล้วนะครับ เป็นอัลบั้ม ชื่อ Binaural ของ Pearl Jam ครับ ก็บันทึกเสียงระบบนี้เช่นกัน