ในแพ็คเกจนอกจากหูฟังแล้ว ก็มีเคสทรงรีๆ ลักษณะคล้ายเคสของ Beats เลยล่ะครับ 55+ แล้วก็ยังแถมแจ็คแปลงจากเล็กไปใหญ่ และ Adaptor สำหรับใช้บนเครื่องบินได้ด้วยครับ

Headband ด้านในนั้นจะเป็นหนังเทียมที่นิ่มมากๆ มีน้ำหนักเบา ใส่แล้วกระชับดี เวลาเอียงหรือหันไปมาก็ไม่หลุดโฟกัสครับ

ในส่วนของแพดนั้นจะเหมือน Focus Pad ที่ด้านข้างนั้นเป็นหนังและส่วนที่สัมผัสกับตัวเราจะเป็นกำมะหยี่ ซึ่งให้ความนุ่มนวลเบาสบายๆมากๆเลยครับ ขนาดนั้นออกแบบมาเข้ากับรูปหูพอดี ถ้าคนที่หูขนาดไม่ใหญ่นั้นสามารถครอบลงได้มิดเต็มใบหูเลยครับ

สายจะเป็นแบบมีไมค์และ Volume Control มาให้ด้วยครับ

จุดเด่นของรุ่นนี้นอกจากจะพกพาง่ายแล้ว ยังอัพเกรดสายได้อีกด้วยครับ ซึ่งเป็นช่องต่อแบบ 3.5 โดยไม่มีการเซาะร่องลงไป หรือมีเขี้ยวล็อกแต่อย่างใดเลย ทำให้เราสามารถหา AUX ต่างๆมาเสียบได้ตามใจชอบเลยล่ะครับ จากการทดลองกับสายทองแดงอย่าง Audioquest Big Sur นั้นเสียงอัพเกรดขึ้นไปอีกเยอะพอควร ได้เนื้อเสียงและอิมแพคเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ

ตัว Cup นั้นสามารถพับเก็บเข้าไปได้ ลักษณะจะเหลือเป็นครึ่งวงกลมครับ

เสียงเจ้า Edition S นั้น ฟังที่แรกก็ผิดคาดครับ เพราะหูฟังส่วนใหญ่ รุ่นเล็กมักจะเสียงขุ่นกว่ารุ่นบนๆ แต่ตัวนี้มาแบบใสกระจ่างกว่าที่คิดเลยครับ

คาแรคเตอร์โดยรวมออกไปทางฟังง่าย โดยแบบปิดนั้นจะให้เบสที่มีมวลควบแน่นกว่า รวมทั้งเนื้อเสียงที่มีเนื้อเสียงที่เข้มข้นขึ้นครับ รวมถึงโฟกัสตำแหน่งได้แม่นยำกว่า ในขณะที่แบบเปิดได้อารมณ์ที่ Relax และได้บรรยากาศที่เปิดโล่งกว่าครับ ( แหง๋ ล่ะสิ ไม่ต้องบอกเค้าก็รู้กันหมดแล้ว 55+ ) และน่าแปลกที่ได้มวลเบส,เสียงร้อง กับอิมเมจที่ใหญ่ขึ้นด้วยครับ แต่ไม่ถึงกับต่างกันมากจนฟังแบบนึง แล้วกลับมาฟังอีกแบบไม่ได้ครับ

เบสนั้นมีมวลปานกลาง ไม่ถึงกับหนาและอุ่นแบบรุ่นพี่อย่าง HE-400i , HE400 ครับ แรงปะทะที่มาแบบให้พอฟังเพลินๆมากกว่ารุกเร้าดุดัน

เสียงร้องนั้นใสเคลียร์ เปิดออก ไร้อาการม่านหมอกมาบังแบบหูฟังที่ออกโทนวอร์มในบางรุ่น และไม่ Forward จนฟังแล้วอึดอัดครับ

เสียงแหลมนั้นไม่ถึงกับอุ่นเหมือนรุ่นพี่อย่าง HE-400S แต่ให้ความสดใสในเนื้อเสียง รวมถึงประกายที่ระยิบระยับเป็นละออง แต่ไม่ใช่ปลายเสียงมนๆ เนียนๆจนฟังแล้วอยากหลับครับ ทั้งยังกังวานและให้รายละเอียดได้ดีเยี่ยม พริ้วไหวและมีให้ไดนามิคที่โดดเด่น
ถ้าใครเคยลอง Dita The Answer จะให้ฟีลลิ่งของเสียงแหลมที่คล้ายๆกันเลยครับ ( แหม่จริงๆมันไม่น่ามาคล้ายกันได้เลยเนาะ 55+ )

โดยรวมแล้ว Edition S ยังคงเสน่ห์ของ Hifiman ที่ให้เนื้อเสียงสมู้ท ราบเรียบต่อเนื่องอย่างเป็นธรรมชาติ มีความสดใสของย่านกลางแหลมที่เติมให้เข้ากับเพลงตลาดทั่วไปได้เป็นอย่างดี รวมถึงการไล่เมโลดี้ที่ทำได้อย่างกลมกลืน

ในส่วนของ Soundstage นั้นทำได้กว้างอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะใส่เป็นแบบ Close ก็ตามครับ ชิ้นดนตรีนั้นกระจายออกด้านข้าง ไม่กระจุกตัวอยู่แค่ตรงกลาง


ลองมาเทสกับเพลงกันดูบ้างดีกว่า

ตุ๊กตาหน้ารถ - ลุลา

แนวเพลงชิลๆสบายๆ สไตล์บอซซ่าแบบนี้เมาะกับเจ้า Edition S มากครับ ตอนเริ่มต้นเพลงเสียงกลองกับเพอร์คัสชั่นต่างๆแยกออกตำแหน่งจาก กันได้อย่างดี ( เรียกว่าทำได้เกินตัวอีกรุ่นนึงครับสำหรับการแยกชิ้นดนตรี ) กระเดื่องมาเป็นลูกกำลังสวย ไม่บวมหรือไร้ขอบเขต จังหวะจะโคนแม่นยำ กีต้าร์อคูสติคมีความชัดใส ก้องกังวาน คล้ายกับการฟังสดในที่เปิดโล่ง ปลายเสียงทอดยาวไปจนสุด เสียงของลุลานั้นเคลียร์ดีทีเดียวครับ มีความแหบปนอยู่ตามต้นฉบับ แต่ฟังแล้วไม่รู้สึกแผด ให้เนื้อเสียงที่ปานกลางแบบคนน่ารักหุ่นกะทัดรัด ไม่ได้หนาจนอวบอ้วนเกินจริงไปล่ะคร้าบ

Close To You - Susan Wong

แนว Audiophile นั้นทำได้ดีเยี่ยม ไม่เสียเชิง Hifiman เลยครับ กับเสียงร้องที่ใสสะอาด เปิดเผยรายละเอียดดนตรีที่รายล้อมได้อย่างกระจ่างชัด ความกังวานของเปียโนและกีต้าร์ที่ไม่โดนย่านเบสมากลบ และละอองเสียงแหลมของฉาบแฉที่เป็นประกายน่าฟัง โดยไม่ถึงกับคมจนขึ้นขอบครับ


Love Will Keep Us Alive - The Eagles

แนวซอฟท์ร็อคที่ไม่ถึงกับโหดร้ายทารุณนั้นทำได้ดีไม่แพ้กันครับครับ ทั้งเสียงไลน์กีต้าร์โปร่งและไฟฟ้าที่แยกกันได้อย่างชัดเจน ท่อนโซโล่หวานๆยังฟังได้เพลินๆไม่กระชากอารมณ์ เสียงร้องนั้นอยู่ตำแหน่งที่ฟังสบายไม่ Forward มากจนเกินไปครับ

โดยรวมแล้ว Hifiman Edition S เหมาะกับใครที่กำลังมองหาหูฟัง On - ear เสียงใสๆ แต่ยังมีเบส, ขับง่าย ,ฟังเพลงได้ทั้ง Audiophile และป็อบตลาดทั่วไปได้ดีด้วย ,มีลูกเล่นอย่างการเปลี่ยนตัว Plate ให้เป็นแบบเปิดและปิดได้ตามความสะดวก แถมยังสามารถอัพเกรดสายได้ง่ายๆอีกด้วยครับ

ราคาของ Hifiman รุ่น Edition S นั้นอยู่ที่ 9,900 บาท ครับ
เดโมตอนนี้จะมีให้ลองที่สาขาเรือธงนะคร้าบ

วันนี้ต้องลากันไปก่อนครับ

มีความสุขกับการฟังเพลงทุกท่านนะคร้าบบบ

รีวิวเยี่ยมเหมือนเดิม

ขอบคุณมากครับพี่หลุ่ง
มาเจิมคนแรกเหมือนเดิมเลย อิอิ

รีวิวได้เยี่ยมเลยครับตั้ม

Edition S เสียงดีจริงๆครับ
เหมาะในการใช้กับมือถือและราคาเป็นมิตรกว่า Edition X มากมาย 555+

รีวิวดีครับพี่ตั้ม

มาช้าดีกว่าไม่มาครับ ^^

เปล่าครับตั้ม พี่ยังไม่ได้อ่านเลย 555

อ้าววว เพ่หลุ่งทำไมอย่างงี้ T_T

ขอบคุณ พี่ Five กับนิวด้วยคร้าบบ

เฮ้ย ล้อเล่น 555

ยังรีวิวได้เยี่ยมเช่นเคยครับพี่ตั้ม

Edition S เสียงใช้ได้เลย และถ้าแงะแผ่นเข้าออกให้เป็นแบบปิดๆเปิดๆ เสียงก็ต่างกันพอสมควร มือถือก็ขับออกแล้วระดับหนึ่ง หูฟังในราคาไม่ถึงหมื่นนี่เป็นหูตัวนึงที่ควรจะลองฟังดูก่อนตัดสินใจ

พี่ตั้มรีวิวได้ดีมากครับ เฮียมั่นได้นักเขียนฝีมือดีมาอีกคนนึงแล้ว

ขอบคุณมากครับพี่อ่าง นึกว่าให้ลองแบบปิดข้างนึง เปิดข้างนึงครับพี่ 55+

@Krisato ขอบคุณครับนนท์

สรุปว่ามันเป็น On Ear หรือ Over Ear กันแน่ครับ หรือว่าออกแนวกึ่งยิงกึ่งผ่านเหมือนพวก Beats Executive/Studio