(วิหารบูชาเทพเจ้าของชาวมายัน ตั้งอยู่ในเขตที่ราบยูคาตัน ประเทศเม็กซิโก)

“ผมรู้สึกประหลาดใจแล้วก็ตื่นเต้นมาก เมื่อผมพบว่าตำแหน่งของดาวที่สว่างที่สุด จะตรงกับเมืองใหญ่ๆ ของชาวมายัน” William กล่าว

จากความหลงใหลเรื่องอารยธรรมโบราณของชาวมายา หลังจากได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับคำทำนายเรื่องวันสิ้นโลกของชนเผ่าโบราณกลุ่มนี้ และมักใช้เวลาวันละหลายชั่วโมงศึกษาแผนภาพกลุ่มดาวและแผนที่ตั้งเมืองต่าง ๆ ของชาวมายา จนกระทั่งวันหนึ่งเขาต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าตำแหน่งของกลุ่มดาวและตำแหน่งที่ตั้งเมืองของชาวมายามีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งถือเป็นการค้นพบครั้งแรกที่ไม่เคยมีนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญคนใดค้นพบทฤษฎีนี้มาก่อน
จากการศึกษากลุ่มดาว 22 กลุ่ม วิลเลียมสามารถจับคู่กลุ่มดาวเหล่านี้กับตำแหน่งที่ตั้งเมืองโบราณของชาวมายา 117 แห่ง ซึ่งถูกค้นพบก่อนหน้านี้และกระจายตัวอยู่ในเม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์


ต่อมาเขาสังเกตเห็นหมู่ดาวหมู่หนึ่ง ซึ่งมีเมืองสองเมืองอยู่ในตำแหน่งเดียวกับหมู่ดาวนั้น แต่หมู่ดาวนั้นกลับมีอยู่สามดวง นั่นแปลว่าต้องมีเมืองของชาวมายันซ่อนอยู่อีกแห่งแน่ๆ

เมื่อเขาเปิด Google Map แ่ล้วเทีียบตำแหน่งดาวกับแผนที่ดู เขาก็พบว่า มีเมืองของชาวมายันที่ยังไม่เคยถูกค้นพบ ซ่อนอยู่ในป่าทึบใกล้ชายแดนของประเทศเม็กซิโก

เขาจึงนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งกับทางการของแคนาดา หน่วยงานทางด้านอวกาศของแคนาดา จึงใช้ดาวเทียมความละเอียดสูง ส่องลงไปยังพื้นที่ดังกล่าว แล้วก็พบว่า บริเวณนั้นมีเมืองโบราณตั้งอยู่จริงๆ รวมถึงปิรามิดแบบชาวมายันอีกด้วย!!

ซึ่งเมืองแห่งนี้ยังไม่เคยถูกค้นพบเพราะถูกพืชพรรณไม้ขึ้นปกคลุมหนาทึบจนมองแทบไม่เห็น ประกอบกับอยู่เกือบสุดชายแดนของประเทศ จึงยังหลงเหลืออยู่

วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เว็บไซต์ Science Alert เปิดเผยเรื่องราวการค้นพบร่องรอยอันอาจเป็นเมืองโบราณอีกแห่งของอาณาจักรมายา เจ้าของอารยธรรมโบราณอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี อยู่กลางป่าบนคาบสมุทรยูทากัน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก

เด็กหนุ่มผู้นี้ยังสืบค้นลงไปอีกและพบว่า บริเวณป่าดังกล่าวได้เผชิญไฟป่าไปเมื่อปี 2548 อันหมายความว่าหากมองลงมาจากด้านบน ก็น่าจะมองเห็นร่องรอยซากสิ่งปลูกสร้างอะไรได้บ้าง วิลเลียมจึงได้ทำการสำรวจร่างจุดที่น่าจะเป็นเมืองโบราณนั้นจากกูเกิลเอิร์ธ และในที่สุดก็ได้เกิดการตรวจภาพดาวเทียมที่ได้จากนาซา, องค์การอวกาศแคนาดา และองค์การอวกาศญี่ปุ่น และพบว่า ที่ตรงนั้นมีร่องรอยสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นเป็นแนว ซึ่งดูแล้วไม่ใช่ฝีมือธรรมชาติเป็นแน่ มันเป็นร่องรอยของพีระมิด และสิ่งปลูกสร้างอีก 30 หลัง นับได้ว่าเป็น 1 ใน 5 เมืองมายันที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการค้นพบมา วิลเลียมได้ตั้งชื่อดินแดนโบราณที่เขาพบตรงนี้ว่า K??ak? Chi? ซึ่งแปลว่า ปากแห่งไฟ

ในตอนนี้ วิลเลียมกำลังทำงานร่วมกันทีมงานขององค์การอวกาศแคนาดา เพื่อเผยแพร่การค้นพบของเขาลงในวารสารสำหรับสมาชิก ตลอดจนจะได้รับเกียรติขึ้นกล่าวถึงการค้นพบของตนเองในนิทรรศการวิทยาศาสตร์ นานาชาติของบราซิลในปี 2560 นี้ด้วย

นอกจากนี้แล้ว ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยนิว บรุนสวิก กำลังทำเรื่องขอเงินสนับสนุนเพื่อลงสำรวจขุดค้น ณ พื้นที่ดังกล่าวอยู่ โดยนักโบราณคดีผู้นำโครงการนี้ระบุว่า หากทุนได้รับการอนุมัติ ก็จะพาวิลเลียมไปร่วมขุดค้นด้วยอย่างแน่นอน

เครดิต http://www.bbc.com/news/blogs-trending-36259047
http://www.bbc.com/news/blogs-trending-36259047
http://www.catdumb.com/kid-found-mayan-lost-city-064/
http://hilight.kapook.com/view/136548

หลังจากบอร์ดมีปัญหาเข้าไม่ได้ พอกลับมารู้สึกข้อมูลจะหายไปเกือบๆวันนึงเห็นจะได้คับ

เห็นมีนักวิชาการบางรายก็พยายามเบรคว่า อาจไม่มีอยู่จริงก็ได้ อาจเป็นไร่ข้าวโพดเก่า
นักวิชาการบางคนก็ว่า บังเอิญ (ฟลุค?) แผนที่เมืองในอารยธรรมมายามันก็กระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่หลายประเทศ เมืองมันไม่ได้ตั้งตามแผนที่ดาว...ก็ว่ากันไป

ส่วนตัวผมว่าน่าจะมีเค้านะครับ ทั้งในเรื่องเมืองที่ว่าน่าจะมีจริง และเมืองมันน่าจะตั้งตามแผนผังของกลุ่มดาว ผมยังค่อนข้างเชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นจริง จะได้ค้นพบเมืองของชาวมายาจริง ขอชื่นชมความมุ่งมั่นฝักใฝ่ค้นคว้าของเด็กคนนี้

และสำหรับตัวเอง ผมว่ามันเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ แทบจะว่าของศตวรรษก็ว่าได้ครับ สุดยอดคับ

ข้อมูลที่ผมคอมเม้นท์ไว้ก็หายไปด้วยครับ