ในส่วนของบอดี้นั้นผลิตจากอลูมิเนียม ขนาดนั้นไม่ใหญ่เกินไป ทำให้จับกระชับมือดีครับ โลโก้ Aune ที่ด้านหน้ารวมถึงปุ่มต่างๆ นั้นใช้การยิงเลเซอร์ลงไปบนตัวบอดี้เลย
ส่วนในแพ็คเกจนั้นก็จะมีตัวเครื่องและสายชาร์จมาให้ครับ

มาดูสเปคภายในกันบ้าง
ชิบ Dac ที่ใช้ก็จะเป็นรุ่นระดับเรือธงอย่าง AK4490 จากค่าย AKM ที่รองรับไฟล์ความละเอียดสูงสุดได้ถึง 32 Bit/192K และ DSD128 เรียกว่าเป็นชิบสเปคสูงยอดนิยมที่ Dap หลายๆรุ่นิยมนำมาใช้กันในยุคนี้เลยครับ เพราะนอกจากจะรองรับไฟล์ความละเอียดที่สูงและยังให้โทนเสียงที่เป็นกลางมากๆครับ
ที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นภาคแอมป์ที่มีความโดดเด่นกว่าเพลเยอร์อื่นๆในท้องตลาด โดยเป็น Class A ที่ให้ความเป็นธรรมชาติสูงและความเพี้ยนต่ำ เวลาเร่งโวลุ่มสูงๆแล้วไม่เกิดอาการพร่ามัวหรือแผดเลย และเสียงนั้นให้ฟีลลิ่งที่เนียน ลื่นไหลเป็นธรรมชาติคล้ายกับเอาเจ้าแอมป์ Aune B1 มาต่อเข้าไปด้วยเลยครับ
( M2 Pro จะต่างกับ M2 ธรรมดาตรงที่ใช้ Op - Amp ในเกรดที่สูงขึ้น และเปลี่ยน Clock เป็น USA Crystek CCHD575 crystal ที่ให้ความแม่นยำสูงขึ้นนั่นเองครับ )

เมมโมรี่จะใช้จาก Micro SD Card ซึ่งรองรับได้สูงสุดที่ 128 Gb ครับ

ในส่วนของการใช้งาน ตอนเปิดเครื่องนั้นก็ไวมากๆ บูตแค่ไม่กี่วินาทีก็มาที่หน้าเล่นเพลงแล้ว ( ลองเปิดหลังจาก Turn off ไปแล้วครับ )
โดยในส่วนของการแสดงผลหน้าจอนั้นจะไม่มีรูปปกอัลบั้มครับ

การใช้งานเป็นแบบสัมผัส ( ต้องสัมผัสให้โดนปุ่มเท่านั้น...... อ่ะ จ๊ากกกก!!!! ) ไม่ใช่ละคร้าบ 55+ จริงๆแล้วเป็นแบบปุ่มกดทั้งหมดครับ ปุ่มกลมๆตรงกลางเป็นปุ่ม Play/Pause และ Enter ใช้สำหรับเข้าเมนูต่างๆ ปุ่มซ้ายขวาเป็น Next , Previous และใช้เป็นปุ่มเลื่อนขึ้นลงตอนเลือกเพลงได้ด้วยครับ

ปุ่มด้านข้าง ( Jog Dial ) สำหรับปรับโวลุ่ม และใช้เลื่อนขึ้นลงเวลาเลือกเพลงได้อีกเช่นกัน หรือกดลงไปก็จะเป็นปุ่ม OK , Enter ครับ ส่วนการ Back กลับไปยังเมนูก่อนหน้า จะใช้การกดปุ่ม Enter ค้างไว้แป๊บนึงครับ

ด้านซ้ายจะเป็นช่องหูฟัง ถัดมาเป็นช่อง Line Out และช่องชาร์จครับ

เมนูนั้นแทบไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเลยครับ มีแค่ Browse ไฟล์ เลือกเพลง , ย้อนกลับ หรือ Setting
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นอยู่ได้ประมาณ 6- 7 ชั่วโมงครับ

ในส่วนของฟังก์ชันการใช้งาน ในโหมดการเล่นก็จะมี 3 แบบ คือเล่นทั้ง Folder , Shuffle และ Single Repeat ครับ

Filter Mode มีให้เลือก 4 แบบ
- Sharp SD ( Sort Delay )
- Sharp LD ( Long Delay )
- Slow SD
- Slow LD

Sharp นั้นจะให้เสียงที่คมชัด จะแจ้ง ส่วน Slow เสียงจะสมู้ท หวาน และให้เนื้อเสียงที่่หนากว่าเล็กน้อยครับ
SD ( Sort Delay ) เสียงจะกระชับ ปลายเสียงเก็บตัวได้ไว เหมาะกับเพลงเร็วๆ
LD ( Long Delay ) ปลายเสียงทอดตัวไปได้ไกลครับ

จุดเด่นอีกอย่างนึงของ M2 Pro นั่นก็คือ สามารถเล่นไฟล์ .iso ได้ด้วย สะดวกสำหรับใครที่มีไฟล์นามสกุลนี้เยอะๆ ไม่ต้องมาแตกไฟล์อีกต่อนึงครับ
ส่วนไฟล์เพลงแบบ DSD ก็เล่นได้ทั้ง .dsf และ .dff ครับ

Gapless ก็มีมาให้ด้วยคร้าบ

ภาษาไทยก็อ่านได้ด้วยนะคร้าบบบบ

มาถึงเรื่องเสียงกันบ้างครับ โทนเสียงของ M2 Pro นั้นเป็นกลางมากๆ แบบที่แทบไม่เอียงไปทางสว่าง หรือออกไปทางดาร์คเลยครับ เรียกได้ว่าถูกจูนมาให้ Natural (เป็นธรรมชาติ) พร้อมกับให้ความเป็น Musical แบบฟังแล้วเพราะ มีความเป็นเป็นดนตรีด้วย ไม่ได้เที่ยงตรงขนาดแบบมอนิเตอร์ครับ

ทีเด็ดคือเสียงร้อง ที่ Aune ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เสียงร้องมีน้ำเสียงที่ใสสะอาด มีฮาร์โมนิคที่เด่นชัดที่แสดงคาแรคเตอร์ของนักร้องได้อย่างยอดเยี่ยม ปลายเสียงเปิดกังวานออกไป ให้อิมเมจที่ลอยเด่นออกมาและทิ้งวางระยะห่างออกมาจากฉากหลังกับมือกลองอย่างมีมิติ รวมถึงตำแหน่งด้านข้างที่ไม่ถูกเครื่องดนตรีมาเบียดจนทำให้กลืนกันไปหมดครับ ทำให้ฟังแล้วเหมือนนักร้องนั้นมีพื้นที่ส่วนตัวแบบมีเอกเทศน์มากๆ มีโฟกัสที่นิ่ง เป๊ะ มีความเป็นตัวตนสูง และยังให้ไดนามิคที่มีพลัง เป็นเสียงที่ร้องที่ให้ความรู้สึกว่าเปล่งออกมาจากลำคอ รวมถึงรายละเอียดของเสียงร้องที่่แสดงออกมาได้อย่างครบถ้วนอย่างไม่ตกหล่น การไล่เมโลดี้สูงต่ำ เสียงผ่อนหนักผ่อนเบาที่ขึ้นลงอย่างพริ้วไหว มีชีวิตชีวา ด้วยโทนที่เป็นกลางมากๆทำให้ได้เสียงร้องที่ถูกต้องสมจริง ไม่ถูกบูตให้นุ่มเกินจริง หรือสดจนคมเลยครับ
เบสนั้นไม่ใช่แนวดุดัน หรือเน้นแรงปะทะมากนัก แต่ก็มีมาให้อย่างไม่ขาด ยังให้มวลที่ดีกับหัวโน๊ตอย่างการเดินเบสที่ชัดเจนครับ
เสียงแหลมใสกังวาน ทอดตัวไปจนสุด และไม่ถึงกับคมจนขึ้นขอบ มีประกายเสียงที่พอดีแบบไม่ฟุ้ง ด้วยโทนที่เป็นกลางทำให้แมชท์ชิ่งเล่นกับหูฟังได้ง่ายครับ เรียกว่าได้ทั้งหูฟังแบบสว่างหรือดาร์ค ก็ยังเข้ากันได้ดี ไม่โดดไปทางสว่างจ้า หรืออับทึบเลยครับ
เวทีเสียงนั้นกว้างขวางและมีช่องไฟ,ระยะห่างของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้ดีครับ รวมไปถึงรายละเอียด, Ambient ต่างๆที่ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน


มาลองเทียบกับ Dap ที่ราคาใกล้กันอย่าง Opus #1 , Onkyo DP-X1 กันดูดีกว่าครับ

เจ้า Opus จะให้เบสที่หนากว่า ดำดิ่งลงลึกถึงฐาน คล้ายกับการฟังลำโพงที่บวกซับวูฟเฟอร์เข้าไปด้วยครับ มวลเสียงร้องที่อิ่มฉ่ำ อิมเมจของนักร้องตัวโตกว่าเล็กน้อย และโทนโดยรวมที่จะวอร์มกว่า
ส่วน M2 Pro บาลานซ์โดยรวมทำได้ยอดเยี่ยม เสียงแหลมมีไดนามิคที่เด่นชัดและมีประกายและกังวานกว่าครับ รวมไปถึงเวทีเสียงที่โปร่ง กว้างขวางกว่าครับ

เทียบกับเจ้า Onkyo DP-X1 กันดูบ้างครับ
เนื้อเสียงรวมถึงเบสของ M2 Pro นั้นจะหนากว่าครับ และให้โฟกัสชิ้นดนตรีได้นิ่งและเป็นตัวตนกว่า
โดยโทนเสียงของ Onkyo DP-X1 จะ Bright เสียงแหลมกังวานกว่า และเวทีโปร่ง,กว้างกว่าเล็กน้อยครับ

โดยรวมแล้วใครที่กำลังมองหา Dap ที่เน้นคุณภาพเสียงในโทนที่ฟังสบาย หรือชอบเพลงแนว Audiophile อย่าง Classical ,Vocal , Jazz , Acoustic , Country นั้นถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆเลยครับ โดยเฉพาะแนว Vocal ยอดนิยมอย่าง Susan Wong , Diana Krall , Norah Jones , Rebecca Pidgeon , Olivia Ong ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าฟังสุดๆ เหมือนต้องมนต์สะกดของนักร้องที่ทำให้เราต้องฟังให้จบเพลงกันเลยทีเดียวครับ หรือจะเป็นจะสลับอารมณ์มาเป็นป็อบ ,ลูกทุ่งหรือร็อคเบาๆ ก็ทำได้ดีมากๆเช่นกันครับ

ราคาของ Aune รุ่น M2 Pro นั้นอยู่ที่ 18,900 บาท โดยมีจะให้เลือก 2 สี ทั้งเงินและดำเลยครับ ส่วนตัวสีฟ้าแบบเดโม ไม่มีล่ะจ้าา 55+ ตัวเดโมจะมีให้ลองที่สาขาเรือธงเลยครับผม

วันนี้ต้องลากันไปก่อน
ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงทุกท่านคร้าบบบบบบบ

โอ เปิดมาก็ประทับใจเลย ภาพละลายหลังได้งามมาก ยังไม่ทันอ่านด้วยซ้ำ ^^

รีวิวเยี่ยม สงสัยหลุยส์ไปหลับอยู่แถวไหน 555

จากรีวิวแล้ว คงจะไม่เหมาะกับDream Theater งั้นคงเหลือแค่Opus1

ตอนที่ได้ลองตัวนี้นี่วางไม่ลงเลยอ่ะ จำได้ว่าตอนนั้นที่หยิบคู่มาอีกตัวเป็น A&K240 มัง เนียนลื่นไหลแบบเฉพาะตัวจริงๆ ตอนนั้นยังไม่ได้อัพเฟิร์มแวร์เลยมีปัญหากะการ์ดที่ใส่เลยไม่ได้ลองเพลงของตัวเอง ว่างๆ เด๋วต้องไปลอง iso อีกซักที

ขอบคุณครับพี่แนน พี่หลุ่ง มาเจิมก่อนเลย อิอิ

@m and m ถ้าแนว Dream Theater นี่ Opus ฟังมันส์กว่าครับพี่

ไม่แน่ใจว่าการ์ดพี่แนนเป็น Fat32 รึป่าวครับ ที่ร้านลองใส่เมมที่เป็น Exfat จะไม่อ่านครับ

อ่อ สงสัยเป็นที่ format card อ่ะ เป็น exfat

@คุณTum จริงๆผมฟังหลากหลายตั้งแต่เติ่งลี่จวินยันDream Theater เลยครับ เลยลังเล เหลือแค่ Aune m2pro Opus1 Questyle

@m and m เราฟังเพลงคลาสสิคเยอะก็จริง แต่เราชอบร๊อคแบบเมทัลเหมือนกันนะ แต่อาจจะนานๆ ฟังทีไม่บ่อยมาก ถ้าอยากจะฟังแบบเป็นเรื่องเป็นราว เราใช้วิธีเปลี่ยนหูฟังเอาอ่ะ DAP เลยเลือกที่เสียงเป็นกลางมากๆ ไว้ก่อน แต่ถ้าประเภทเมทัล ฮิบฮอบ EDM เป็นอาหารคงเลือกแบบที่ชอบๆ ไปเลยจะตรงกว่า

สวัสดีครับพี่ตั้ม มาชมรีวิวเยี่ยมๆของพี่ด้วยคนครับ

ขอบคุณมากครับ ว่าแต่ใครแอบปลอมตัวเป็นยาจกล่ะเนี่ย 55+

รีวิวเยี่ยมครับ

ว่าแต่ ยาจกศิริราชนี่ทำให้นึีกถึงยอดคนในตำนาน พี่..ย์เลยนะครับ ^ ^

AUNE M2 PRO เล็งตัวนี้ อยู่เหมือนกัน คับ เป็น อันดับต้นๆ เลยคับ ทั้ง ดีไซน์ + บุคลิกเสียง เลย คิดว่า ตัวนี้ น่าจะเป้น เนื้อคู่ ZERO DOPPIO ได้ดีเลยคับ

ไม่รู้ ถ้าเอา ZERO DOPPIO ไป จับคู่ กับ ONKYO DP-X1 จะไปกันได้เปล่าเลย เพราะ เด่น เสียงแหลมใสสว่างนุ่ม ทั้งคู่ เลย 555+ กลัวว่า ถึง จะ ใสนุ่ม ก้ อาจมี แอบ ใสชัดบาดหู เล็กน้อยได้

ไม่เหมือน AUNE M2 PRO ที่เด่นทั้ง เสียงแหลมใส + เสียงกลางหวานใส เป้น ธรรมชาติ ไป พร้อมกันเลย ไม่สดเกิน และ ไม่นุ่มเกินไป ให้ ความเป็น ANALOG สูง

ที่รู้ๆ ได้เจอ เนื้อคู่แน่ ล่ะ งานนี้

พี่เหน่งบา ขอบคุณครับ

@TTPOD ZERO มาลองเทียบกันที่เรือธงได้เลยครับผม มีให้ลองทั้ง 2 ตัวเลยล่ะคร้าบ

กำลังขับตัวนี้เป็นยังไงบ้างตั้ม ขับ Pk1 พอไหวมั๊ย

รีวิวได้ดีเช่นเคยเลยตั้ม ชอบตรงที่ตั้มเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ นี่ละ ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายดี

AUNE M2 PRO เป็นอีก 1 DAP ที่คุณภาพเสียงเกินค่าตัวไปมากๆ เวลาไปขอลองฟังนี่ไม่พลาดเลยที่จะต้องฟัง Norah Jones กับ Rebecca Pidgeon ฟังเพลงร้องโคดดดดดี ตัวนี้

สำหรับใครที่ต้องการเน้นที่คุณภาพเสียงล้วนๆ ไม่สนเรื่อง UI ต้องหาเวลาไปลองฟังจริงๆ ครับ

- พี่หลุ่ง กำลังขับกลางๆ พอๆกับตัวอื่นครับ ต่อตรงกับ PK1 ไม่ไหวอยู่ดีครับพี่

- Think ขอบคุณคร้าบบบ

ที่ร้านมีรุ่นไหนขายบ้างครับ M2s มีป่าวครับ

ผมเคยสอบถามจำได้ว่าไม่นำเข้ามานะครับ สงสัยกลัวชนกับOpus1มั้ง

ตอนนี้จะมีแค่รุ่น M2 Pro ส่วนรุ่น M2S สามารถสั่งมาให้ได้ครับ