ผมเองเป็นคนนึงซึ่งติดตามวงนี้มานานพอควรแต่ถ้าถามว่าฟังทุกเพงทุก อัลบัมไหม
คงตอบว่าแค่ที่เด่นๆของแต่ละอัลบัมเท่านั่นแหละครับ แต่ก็ประทับใจพวกเขาพอสมควรเหมือนกัน
ด้วยชั้นเชิงงานดนตรีที่ไม่เป็นรองใครบนแผ่นดินนี้ และความชัดเจนของแนวดนตรีที่ออกเพื่อชีวิต
สไตล์ Metal(ผมคิดแบบนี้จริงๆตั้งกะฟังครั้งแรกเลยครับ)ทำให้สร้างความแตกต่างจะวง Rock
ตลาดๆได้มากพอดู และผมขอพูดว่า Album ใหม่นี้จะไม่ทำให้ท่านเสียดายเงินแม้แต่สตางค์เดียว
หลังจากฟังเพลงเปิดตัว ของ Album นี้ไปนานพอดู ผมก็หลงๆลืมไปแล้วว่า Ebola เตรียม
จะออกอัลบัมใหม่ในอีกไม่ช้าจนมาเจอเอาในร้าน CD ใกล้ๆบ้านนี่เองเลยตัดสินใจอุดหนุนแบบ
ไม่ต้องคิดมากทันที
ในยุคแรกๆนั้นวงนี้เป็นวงใต้ดินที่โด่งดังพอตัวเหมือนกันจนมามีผลงานกับ วอเนอร์ก็ยังคงความเป็น
ใต้ดินที่เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังทั่วไปได้ยากอยู่จนมาถึง Enlighten ที่ทำดนตรีให้ดูเข้าใจง่ายขึ้น สนอง
ตอบโจทย์ของนายทุนได้เป็นอย่างดี แต่ก็นั่นก็เป็นส่วนที่ทำให้พื้นฐานการร้องของคุณเอ๋นักร้องนำดี
ขึ้นมาอีก และทางดนตรีที่แน่นเนียนขึ้นมามาก ผมเองคิดว่าเป็น อัลบัมที่น่าจดจำอันนึง ณ ช่วง
เวลานั้น พอมาถึง The Way ที่ผมเข้าใจว่าพวกเขากลับสู่หนทางที่เคยดำเนินอีกครั้งและจะเป็นอย่างนี้ร่ำไป
เพราะมันกลับมาเป็น ความหนักแน่น ชัดเจน มีตัวตน อีกครั้ง แต่เปล่าเลยครับ พวกเขาตัดสินใจมุ่งสู่
ด้านสว่างของชาวร็อค(และนายทุน)อีกครั้ง
อัลบัมนี้ประกอบด้วยบท 12 บทเพลงที่ทำออกมากลางๆ ไม่หนัก ไม่แต๋ว จะว่าหาจาก วง Rock ดาดๆ บ้านๆก็มีเยอะแยะครับ แต่ทีต้องขอชื่นชมเลยฝีมือของผู้เล่นและผู้ประพันธ์ครับ แต่ละเพลง
มันลงตัวไปทุกๆจุด และการพัฒนาของนักร้องนำที่ไม่ได้มีดีแค่ว๊ากเก่ง มีเพลงเร็วช้าสลับๆกันไป เนื้อหายังคงสะท้อนสังคมได้ดีตรงนี้แหละที่ผมว่ามันเพื่อชีวิตนะ รวมไปถึงการบันทึกเสียงระดับน่าชื่นชมทีเดียวครับ แยกแยะสิ่งต่างๆได้ชัดเจนพอควรเลยล่ะครับ
Track ที่ผมจะแนะนำมี สาม Track ละกันครับ
เอาให้ตาย : งานเปิดตัวคุณภาพด้วยเนื้อหาที่ประชดประชันได้สะใจดี เสียงรัวกลอง ริบกีตาร์สนุกสนานดีมากครับ
War Song : เรียกร้องสันติภาพด้วยบทเพลง Rock หนักปนเบาฟังติดหูดีเหมือนกัน กับวลีเด็ด \"ต่างคนต่างมา ต่างคนศรัทธาไม่เหมือนกัน เมื่อตอนสุดท้ายก็เอาศรัทธามาฆ่ากัน\"
หนีไม่พ้น : เพลงจังหวะกลางๆ ที่สอดประสานจังหวะของกลองชุดและกีตาร์สองตัวได้ดี เนื้อหาดีมีข้อคิดครับ
แต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อติเลยเสียทีเดียวครับนั่นคือการที่ ได้สองสมาชิกจาก BigAss มาดูแลงานนี้ทำให้หลายๆเพลง
ติดเอาอารมณ์ของ BigAss มาพอดู จนบางเพลงผมคิดว่าหากเปลี่ยนเอาคุณแด๊กมาร้องมันก็กลายเป็นเพลงของ
BigAss ดีๆนี่เอง และมันก็ทำให้ตัวตนของพวกเขาถูกกลืนไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกสิ่งแย่ลงไป
รวมๆแล้วเป็นอัลบัมที่น่าเก็บอีกอันนึงครับ เพื่อสนับสนุนวงดีๆ ที่หาได้ยากแล้วในบ้านเรา ก็ขอจบการรีวิวมั่วนิ่มไว้ ณ ที่นี้ จ้าา