เริ่มจากภาพแรกครับ โดยปกติแล้วเครื่องเล่นเพลงของเรานั้นจะมีสิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันหมดก็คือ โปรแกรมเล่นเพลงครับ โดยแต่ละโปรแกรมที่ใช้เล่นเพลงนั้นก็มีความแตกต่างของเสียงด้วย ซึ่งโปรแกรมเล่นเพลงนั้นจะทำหน้าที่ถอดรหัสไฟล์เพลงของเรา นามสกุลต่างๆๆ ให้เป็นรูปแบบ PCM มาตรฐานที่ใช้ในการ ถอดรหัสทาง Digital ต่อไปครับ แล้วส่งไปยังภาค Digital Interface เพื่อเปลี่ยนรูปแบบของสัญญาณ Digital ในรูปแบบต่างๆให้กับภาค DAC ซึ่งปัจจุบันที่นิยมใช้คือ S/PDIF , I2S แล้วก็ USB Interface ครับ

S/PDIF นั้นสามารถพบได้ในรูปแบบ Optic, Coax หรือ AES ครับ ทั้งสามแบบนี้จะเรียกว่า Digital Out กัน ต่างกันที่ช่องต่อเท่านั้นครับว่าเป็นแบบไหน อาจจะเป็นสาย Optic แบบหัว 3.5mm หรือสาย Coax 3.5mm ก็เป็นสัญญาณเดียวกันครับ

USB Interface หลังๆก็ได้รับความนิยมมากครับ คือการดึงสัญญาณดิจิตอลออกจาก USB ของเครื่องเล่น เพื่อเอาไปต่อกับ DAC ภายนอกครับ แต่ไม่ใช่เครื่องเล่นทุกเครื่องจะสามารถทำได้นะครับ เพราะว่าจะต้องออกแบบมาโดยเฉพาะ อันนี้ต้องเช็คข้อมูลของเครื่องเล่นแต่ละเครื่องให้ดี ซึ่งบางครั้งเราเห็นช่อง USB ของเครื่องเล่น มันใช้ได้แค่ส่งรับข้อมูล หรือชาร์ตเท่านั้น จะแปลงหัว USB หรือแปลงสายยังไงไม่สามารถเอา DAC ไปต่อแล้วใช้งานได้นะครับ

และ DAC USB ที่เอามาใช้งานกับเครื่องเล่นตรงๆแบบนี้ จะต้องเป็น DAC ที่รองรับด้วยครับ ไม่งั้นต่อไปก็ใช้งานไม่ได้เช่นกัน ซึ่งตรงนี้ต้องเช็คข้อมูลก่อนซื้อนะครับ

ภาพที่สองนี้คือการทำงานขั้นตอนต่อมาของเครื่องเล่นครับ ภาค Digital Interface จะส่งสัญญาณ Digital ไปยังภาค DAC เพื่อทำการถอดสัญญาณให้เป็น Analog (สัญญาณเสียง) ซึ่งขั้นตอนนี้มีผลต่อเสียงอย่างมากครับ เครื่องเล่นเพลงแพงๆ ที่ออกแบบภาค DAC มาดีๆ จึงมีราคาสูงกว่าปกติครับ ซึ่งหลังจากภาค DAC ทำงานเสร็จแล้ว ก็จะส่งต่อไปยังภาคขยายสัญญาณ Analog เพื่อให้สัญญาณที่ออกมามีความแรงมากขึ้น เอาไปใช้งานต่อกับภาคแอมป์ได้ ซึ่งสัญญาณที่ออกมาจากภาค DAC นั้นเบามากๆๆ เอาไปใช้งานไม่ได้ จึงต้องผ่านวงจร ภาคขยายสัญญาณ Analog นี้ก่อน

โดยเราสามารถดึงสัญญาณตรงนี้ออกไปใช้งานได้ ที่มักเรียกกันว่า Line Out หรือ Audio Out ครับ เอาไปใช้งานกับลำโพง Active ที่มีแอมป์ในตัว แอมป์หูฟัง, แอมป์บ้าน หรืออื่นๆที่มีภาคขยายในตัวครับ โดยสัญญาณตรงนี้จะไม่สามารถปรับเสียงได้ ต้องไปปรับที่แอมป์แทน และเอาไปใช้กับหูฟังก็ไม่ดีครับ เพราะเป็นสัญญาณที่มีแต่ Voltage ไม่มี Current สำรองไว้ขับหูฟัง จึงเหมาะกับการนำไปต่อแอม์อีกทีจ้าา

และภาพสุดท้าย คือการทำงานแบบครบๆของเครื่องเล่นครับ คือเอาสัญญาณ Line Out ที่ออกมาจากภาคขยายสัญญาณ Analog ไปเข้าภาคแอมป์หูฟัง กับส่วนของ Volume Control อีกทีนึง เพื่อเพิ่มพละกำลังให้กับช่องหูฟังที่เราจะต่อใช้งานครับ ซึ่งจริงๆแล้วเราก็สามารถเอาสัญญาณตรงนี้ไปใช้แทน Line Out ได้เพียงแต่ว่าเสียงที่ออกมาจะบริสุทธิ์สู้ที่ออกจากภาคขยายสัญญาณ Analog ชุดแรกไม่ได้ครับ เพราะมันต้องผ่านวงจรขยายอีกชั้นนึง เอามาใช้ได้ในกรณีที่เครื่องเล่น ไม่มี Line Out มาให้ครับ

มาถึงตรงนี้น่าจะช่วยให้หลายๆท่านเข้าใจกันมากขึ้นนะครับ ว่าเราควรจะดึงสัญญาณตรงไหนไปใช้งาน และมีจุดที่มีผลต่อเสียงกี่ขั้นตอน เราจะได้เอาไปประยุกต์ใช้งาน กันได้อย่างถูกต้อง และตรงตามความต้องการจ้าาา ^^

สาระล้วนๆเลย ปักหมุดเก็บไว้เลย ขอบคุณมากครับ อธิบายเข้าใจง่าย เห็นภาพตาม

@ SounDFeVeR ครับ ด้วยความยินดีครับ มีข้อสงสัยตรงไหนเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยจ้าา ^^

ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง+กระเทียมเจียวเลยครับ กระทู้ดีๆอย่างนี้สมควรจับไปแขวน เอ้ย!จับปักหมุดเลยครับ555

เยี่ยมไปเลยครับ

เข้าใจง่ายดีครับ เป็นประโยชน์สำหรับคนพึ่งหัดเล่นครับ

งั้น dap ทุกตัวเดี๋ยวนี้ก็ไม่มี line out แท้ซิครับ เพราะยังสามารถปรับ volume ที่ dap ได้อยู่ พูดง่าย ๆ ก็คือ line out ของ DAP ทุกตัวเดี๋ยวนี้บังคับผ่านภาคปรีหลัง dac เสมอ ถ้าเป็น line out แท้ (ไม่ผ่านภาคปรี) ต่อแอมป์แล้ว ต้องปรับ volume ที่ dap ไม่ได้ซิครับ ? ยิ่ง ak ยิ่งแล้วใหญ่เลย ไม่มี line out ด้วยเหอะ (มั้ง) มีแต่ speaker out อย่างเดียวด้วยเหอะ อันนี้ผมเข้าใจผิดหรือถูกครับ ?

ถ้าผมเข้าใจถูกแล้ว ปัจจุบันนี้ยังมี dap ตัวไหน ปล่อยสัญญาณ analog แท้ โดยไม่ผ่านภาคปรีบ้างครับ ?

รบกวนคุณหมูหวานหรือ guru ท่าอื่น ช่วยวิสัชณาหน่อยครับ

@stocamadas ครับ

สัญญาณที่ออกจากภาค DAC จำเป็นต้องผ่านภาคปรีแอมป์ หรือ Analog Amp อยู่แล้วครับ
เพราะสัญญาณที่ภาค DAC ทำการถอดรหัสออกมา Voltage มันจะต่ำมากๆๆครับ ไม่สามารถเอาไปใช้งานได้

และปกติแล้วการดีไซน์เครื่องเล่นเพลงสามารถวางรูปแบบการ Control Volume ได้หลายแบบครับ

คือถ้าใส่ไว้ที่โปรแกรมเล่นเพลงเลย สามารถทำงานได้สองแบบคือ ปรับระดับความแรงของสัญญาณตั้งแต่ข้อมูลเป็น Digital อยู่ คือลดขนาดความสูงของสัญญาณ PCM ครับ
หรือไปคอนโทรลปรับสัญญาณที่ภาค Analog ปรีแอมป์ครับ

ซึ่งการปรับแบบนี้สัญญาณที่ออกไปจากภาค Line Out ยังไม่ผ่านภาคแอมป์หูฟังครับ
พูดง่ายๆคือใช้ภาคแอมป์หูฟังทำงานเหมือน Power Amp เร่งลดที่ Pre หรือข้อมูล Digital แทน
ทำให้ Player บางตัวที่เปิด Volume สุด จะเท่ากับ Line Out ครับ ยังไม่ผ่านภาคแอมป์หูฟัง

แจ่มมากคับ

Playerที่เปิดVolumeสุด เป็นLine outที่ผ่านปรีแอมป์แล้ว EQมีผลอยู่มั้ยครับ

@เด็กแป๊ะ ครับ
EQ ในเครื่องเล่น มันไปปรับแต่งข้อมูลเพลงตั้งแต่เป็นไฟล์ Digital แล้วครับ
เพราะฉนั้นถ้าเรสปรับแต่งเมื่อไร จะมีผลต่อเสียงทุกกระบวนการจ้าาา

งั้นแสดงว่าช่อง line out ของ dap ทุกตัว ไม่ผ่านภาคขยายที่ตัว dap เองแน่นอนนะครับ ?

ถ้าไม่ใช่เรามีวิธีทดสอบยังงัยว่าสัญญาณจาก line out ผ่านหรือไม่ผ่านภาคขยายของ dap เอง ?

ถามต่อ ตกลง config จาก fw ใหม่ 1.4 ของ ak สามารถ set headphone out เป็น line out ได้ แล้วยังงี้สัญญาณยังผ่านภาคขยายในตัว ak อยู่มั้ยครับ ?

@หมูหวาน

ขอบคุณครับพี่หมูหวาน

รอกลางปี เดี๋ยวจะมีที่เก็บรวบรวมสาระต่างๆๆให้อ่านกันครับ ตอนนี้ทนใช้วิธีค้นกันเองไปก่อนนะครับ 555

@ stocamadas ครับ
คืออย่างทีผมบอก Player อย่าง AK นั้นภาค Volume Control นั้นจะทำการลดเสียงตั้งแต่ภาค Digital ครับ
วิธีทดสอบคงไม่มีครับ แต่ว่าตามหลักการแล้วมันเป็นแบบนี้ครับ ภาค line out จะต้องออกจาก Audio Amplifier Out แต่ไม่ผ่านภาค Headphone Amp ครับ
แต่ถ้ายี่ห้อไหนจะดีไซน์ต่างจากนี้ ผมก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่าเพราะอะไร
ซึ่งผมต้องการอธิบายหลักการเบื้องต้นของการทำงานในภาคต่างๆของ DAP และการนำสัญญาณต่างๆไปใช้งานครับผม

คุณหมูหวานครับ แล้วเครื่องพวก direct drive มันคืออะไรหรือครับ?

ขอบคุณคุณหมูหวานมากครับ

@ well ครับ
ไม่ทราบว่าเป็นของ Player ตัวไหนเอ่ย ผมจะได้ไปช่วยหาข้อมูลให้จ้าาา

@ stocamadas
ด้วยความยินดีครับ มีข้อมูลตรงไหนสงสัย สามารถแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ตลอดจ้าา ^^

ของ ifi อะครับ (โทษทีครับที่ถามถึงของที่ไม่ได้ขาย ขอบคุณครับ)

หมายถึงภาคแอมป์หูฟังรึป่าวครับ Direct Drive อาจจะเป็นการตั้งชื่อวงจรของตัวเองครับ
เหมือน ACSS ของ Audio-gd หรือ Satari ของ Bakoon ครับ แต่ที่จริงแล้วพื้นฐานวงจรจะไม่หนีกันมากจ้าา ^^

อ่อ ขอบคุณครับ

ได้รับความรู้มากมาย ขอบพระคุณครับ

ด้วยความยินดีครับผม หากมีเรื่องราวอื่นๆน่าสนใจ จะเอามาเขียนให้อ่านกันอีกจ้าา