ที่มา http://www.cnet.com/news/when-are-expensive-cables-worth-it/

ต่างแบบชัดเจนครับไม่ต้องพูดถึงเรื่องว่าสายแถมกับสายมีแบรนด์หรอกครับ
สายมรแบรนด์แต่ละแบรนด์ เอามาเทียบกันบุคลิกเสียงยังไม่เหมือนกันเลยครับ

ตอนผมไปซื้อ Marantz HD-DAC1 พนักงานที่ร้านก็เชียร์ให้ซื้อสาย USB เทพ กับสายไฟเทพ (ตรางูเห่า) ด้วยเหมือนกันครับ ราคาแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่พนักงานเค้าบอกว่าใช้แล้วเสียงดีกว่าเยอะ พอมาอ่านบทความของท่าน Step Back แล้ว ผมนี่อึ้งเลยครับ

ส่วนตัวนะ ปัญหาหลักอยู่ที่การเข้าหัว กับคุณภาพสายที่ใช้ถ้าได้มาตรฐานดีๆ ราคามันไม่ควรจะต่างกันมากๆ อ่ะ อันนี้พูดในทางวิทยาศาสตร์เลย ส่วนใหญ่เวลาคุยกันเรื่องสายดิจิตอล จะคุยกันที่ว่าอย่าซื้อสายถูกเกินไป เพราะคุณภาพการเข้าหัว วัสตุของหัวที่ใช้ มาตรฐานของสายมันไม่เท่ากัน

เครื่องความต่างของคุณภาพสายดิจิตอล มันไม่ได้ชัดแบบสายทองแดงอ่ะ เราเห็นซื้อสายแลนเส้นละ 3000 นี่เราก็อึ้งแล้ว อย่าว่าแต่เป็นหมื่น

สายไฟนี่เสียงดีขึ้นจริงครับแต่ USB นี่ก็ถกเถียงกันมานานหลายกระทู้ทั้งบ้านเราทั้งเมืองนอก ก็คงต้องไปฟังเองครับว่าต่างไม่ต่าง

คนขายเขาได้กำไรได้ค่าคอมค่าเชียร์เขาต้องบอกว่าดีขึ้นแน่นอนครับเพราะมันเป็นธุรกิจ ถ้าอยากรู้ว่าคนขายพูดจริงหรืออยากขายก็จับคนขาย Blind test ครับ

ยกตัวอย่างชัดมากๆ เอาเรื่องอินเตอร์เน็ตก็ได้ เคยเจอบางพวกมาเถียงว่า สัญญาณมันตกระหว่างทางป่าว (คิดในใจ ปลวกเอ๊ย ไฟเบอร์ที่ไหนสัญญาณตกตามทาง ไม่ใช่สายทองแดง) ปัญหาหลักที่คุณภาพไม่เหมือนกันอยู่ที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ที่ประกอบขึ้น

คือเรื่องตลกร้ายสำหรับผมคือ พอผมซื้อสายไฟเทพ (ตรางูเห่า) มาแล้ว กลับมาถึงบ้านผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าผมเสียบมันเข้าเต้ารับที่ผนังตรง ๆ ไม่ได้ครับ แต่ผมต้องเอามันไปเสียบกับรางปลั๊กไฟ Toshino ของจีนแดง อารมณ์ประมาณว่าขับรถซุปเปอร์คาร์อยู่บนถนนมอเตอร์เวย์อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นถนนลูกรังไปซะอย่างนั้นแหละครับ 555 และผมเห็นด้วยกับท่าน Beamharit ที่ให้จับคนขายมา blind test ครับ 555

มาถามเว็บคนหูดีเยอะซะด้วย 555 มีหลายคนเค้าบอกว่าฟังเสียงความต่างสาย usb ออกนะ

ผมโชคร้าย ที่ฟังไม่ออกครับ อิๆ

เอาที่สบายใจและไม่เดือดร้อนละกันครับ

ถ้าท่าน shorttoeh ฟังความต่างของสาย USB ไม่ออก แนะนำให้ลอง AudioQuest JitterBug ดูครับ มันคือ USB filter ที่ช่วยให้สาย USB เทพนั้นอัพเกรดขึ้นไปถึงระดับจอมเทพ สามารถขจัด noise และ jitter ที่รบกวนการทำงานของระบบ digital ทำให้ USB ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ มือถือแอนดรอยด์ ไอโฟน ไอพอด และไอแพดครับ

จขกท.เคยลองรึยังครับหรือว่าอ่านเอาเฉยๆ ครับ
ถ้าลองแล้วไม่ต่างก็โอเคครับ ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

ส่วนตัวเคยลองแล้วทั้งเรื่องสาย hdmi ต่อเข้า tv ด้วยตาของผมมองเห็นภาพต่างกันเห็นได้ชัดระหว่างสายแถม สายแพงๆ กับ สายโคตรแพง สายที่ดีให้ภาพและเสียงที่ดีกว่ามากครับ แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนหนังจากน้าค่อมกลายเป็นแบรด พิตต์อะไรแบบนั้นหรอกนะครับ

ส่วนเรื่องสาย usb หรือ digital อื่นๆ ต่อเข้า dac ด้วยหูของผมเองฟังแล้วก็ต่างกันเห็นได้ชัดเจนเหมือนกันครับ

สุดท้ายไม่ว่าจะพิมพ์ยืดยาวแค่ไหนยังไงมันก็วนมาที่เดิม คือ เคยลองรึยังหรือแค่อ่านมาครับ

ปล. ถ้าจะลองสาย hdmi เดินไปร้าน Taan ได้เลยครับพกสายแถมจากบ้านมาแล้วไปขอเค้าลองเทียบ Palic, AQ Vodka, AQ Diamond, Wireworld
ส่วนสาย usb ขอลองร้านเรือธงก็ได้ครับ พกสายแถมไปแล้วขอลองเทียบ Moon Silver Dragon, Nordost Purple flare

ถ้าลองแล้วไม่ต่างก็ยินดีด้วยครับ มันจะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผมเคยมีความคิดแบบนี้เด๊ะๆ เลยครับ สัญญาณดิจิตัลมันมีแค่ 0 กับ 1 ทำไมต้องหาสายดีๆ แต่พอทำความเข้าใจในรายลัเอียดเพิ่มขึ้นแล้วลองดูเองมันต่างจริงๆ ครับ ยิ่ง hdmi ถูกๆ กับแพงหน่อยนี่คนล่ะเรื่องเลย ต่อให้ไม่เน้นคุณภาพแต่ราคา hdmi ที่ต่ำกว่า 1000 นี่ไม่กล้าซื้ออีกแล้วครับ

ผมมีวงจรที่ทำตัวนี้อยู่แล้วล่ะครับ มีแบบถูก แบบแพงด้วย แต่ยังไม่ได้ทำเลย 555

ซื้อ ic ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ทำเลยครับ

คนวงการนี้รู้ๆ กันว่า ขายสายมันกำไรเยอะ (หมายถึงผู้ผลิต) แต่ว่าราคาเหมาะสมควรอยู่ตรงไหนนั่นตะหาก เพราะสายเส้นละหมื่นหรือหลายหมื่น มันโละๆ ขายลด 70% มันยังกำไร เอางี้แล้วกัน

เรื่องพวกนี้ diminishing of return มันต่ำโคตรๆ จ่ายมากขึ้นหลายเท่า แต่ที่ได้เพิ่มกลับมามันน้อย

ผมว่าถ้าสายคุณภาพดีจนคนถึงระดับหนึ่งแล้ว
เทียบกัน 2 เส้นผมเริ่มแยกไม่ออกครับ
แต่สายแถม กับ สาย nordost frey นี้ฟังออกนะ

เลือกหูฟังยังต้องไปลองฟังด้วยตัวเองเลย ทุกคนก็เห็นตรงกันว่าเชื่อ "รีวิว" ทั้งหมดไม่ได้ ใช้เป็นได้แค่แนวทาง

ทีเรื่องนี้กลับเชื่อ "บทความ" ของคนเล่นคอม ซึ่งไม่ได้ลึกซึ้งเรื่องอิเลคทรอนิกและไม่ได้เล่นเครื่องเสียง

จริงๆ มันก็ลองได้ง่ายๆเหมือนกันอะ

เท่าที่เคยอ่านๆ กลุ่มคนที่เล่นเครื่องเสียงจริงจัง พูดอยู่เสมอว่า ให้เอาเงินไปลงที่ปลายทางให้มากที่สุด ซึ่งหมายถึง ลำโพงหรือหูฟัง เส้นสายมีไว้คัดท้ายเพื่อปรับเปลี่ยนบุคลิกเสียงนิดหน่อยให้ได้ตามที่ใจต้องการ ดังนั้นเวลาอัพเกรด ถ้าใครสักคนบอกว่าอยากอัพสายแพงๆ ถึงจุดนึงคำแนะนำที่ได้ก็มักจะเป็นว่าเอาเงินไปเปลี่ยนลำโพงหรือหูฟังดีกว่า....

ปล.จากประสบการณ์ส่วนตัว ก็เห็นด้วยตรงจุดนี้คับ

เท่าที่อ่านตัวบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าเป็นบทความที่เขียนออกมาได้ดี และ Geoffrey Morrison ที่เป็นคนเขียนบทความนี้ก็เป็นคนที่มีความรู้ทางด้านเครื่องเสียงเป็นอย่างดี เรียนจบด้าน Audio Production และยังเขียนบทความลงนิตยสารเครื่องเสียงด้วย

ส่วนเรื่องที่กระทู้นี้กำลังถกกันอยู่ ผมขอไม่ออกความเห็นอะไร เพราะประเด็นเรื่องดิจิทัลกับแอนะล็อกนั้น ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันทั้งในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปและกลุ่มผู้ใช้มืออาชีพที่ผลิตผลงานออกมา ซึ่งสาเหตุส่วนนึงอาจเป็นเพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์เรามัน subjective ครับ

@at1987 ต่อให้ซาวด์เอนจิเนียมาเขียนก็ยังเถียงกันต่อไปค่ะ ^^ ที่จริงก็มีพูดกันไว้หลายๆ คนอยู่

น่าจะเป็นที่คุณภาพของสาย
ทำให้วงจรรับสัญญานแก้ไขข้อผิดพลาดลดลง
มีผลทำให้คุณภาพเสียง/ภาพ ดีขึ้นครับ

คุยกันเรื่องรูปธรรม แต่รับรู้ด้วยนามธรรม
มันก็ต่างความเห็นแบบนี้ครับ
การรับรู้ เป็นเรื่องของความสุนทรีของหู

อันนี้ผมเคยโพสไว้ที่เว็ปนึง
-------
สายไฟ สายสัญญาณ
มันก็แค่เรื่อง กระแสไฟฟ้า ตัวนำไฟฟ้า
ดิจิตอล ก็เอาศักย์ไฟฟ้า มาเทียบค่าเป็น 0 1
---------
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่
บางท่านเปลี่ยน สาย HDMI แล้วไม่เห็นความแตกต่าง
บางท่าน ว่าภาพต่าง เสียงไม่ต่าง
บางท่านว่า ต่างทั้งภาพ และเสียง
เพราะชุดอุปกรณืต่างกัน
----------
บางท่านชุดสมบูรณ์เต็มที่ ทั้งระบบไฟในบ้าน ทั้งชุดเครื่องเสียง
อาจเห็นผลได้ชัดเจน
บางท่าน ไม่สนใจ ระบบไฟในบ้าน ระบบไฟชุดเครือง ตัวเครื่อง
อาจจะไม่เห็นผลอะไรเลยก็ได้
------------
แล้วระบบไฟมันเกี่ยวกันตรงไหน
ระบบไฟดี ตัวจ่ายสัญญาณทำงานได้สมบูรณ์เต็มที่
สายสัญญาณที่ดีกว่า ย่อมแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่า สายที่ด้อยกว่า
ระบบไฟไม่ดี ตัวจ่ายสัญญาณทำงานได้ไม่สมบูรณ์
สายสัญญาณที่ดีกว่า ย่อมแสดงประสิทธิภาพได้เท่าที่รับมาอาจไม่แตกต่างกับสายที่ด้อยกว่า
(ไม่พูดถึงราคา ถูกหรือแพง ยังมีเรื่องของตัวสาย
ไม่ว่าหน้าตัด ตรงหรือตีเกลียว แกนเดี่ยว แกนฝอย ส่วนผสมของโลหะ
ชนิดของฉนวน ที่แตกต่างกัน ทำให้มีบุคลิคของสาย
เช่น สีจัด สีนวลสบายตา เสียงโทนต่ำหนักหรือนุ่ม แหลมพุ่งหรือกังวาล)

การเลือกซื้ออยู่ที่ความพอใจ...และความเหมาะสมมากกว่า
คนใช้ สาย HDMI ราคาสูง ก็ยังเปลี่ยนกันเยอะ...อาจเป็นเพราะไม่ชอบ
ไปหาตัวที่ถูกใจมากกว่า...
..บางทีสายที่ถูกใจอาจไม่ใช่สายราคาแพงก็ได้

เห็นพูดถึงอินเตอร์เนท ...ขออ้างหน่อยครับ
--------------------
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Phoenix007
คุณเสือลง Details เลยนะครับ เยี่ยมครับ

ขอเสริมนิดหนึ่งนะครับ Media ทุกประเภทมีเปอร์เซ็นต์ของการสูญเสียขอมูลจากโรงงานอยู่แล้วนะครับ ยิ่งถ้ามีการตัดต่อ หรือการเข้าหัวต่างๆนะครับ ไม่เว้นแม้แต่ Fiber Optic ที่ส่งข้อมูลระดับหลาย Gigabit/second ก็ตาม

เนื่องจากผมทำงานบริษัทด้าน Telecom และได้เขาอบรบด้าน Fiber Optic ถึงได้ทราบว่ามันมี percent lost มาจากโรงงานอยู่แล้ว ยี่ห้อเดียวกันแต่ต่างรุ่น ค่าของ percent lost ก้ไม่เท่ากัน นะครับ แล้วถ้ามีการตัดต่อหรือแยก cores ของ fiber ตามบ่อต่างๆ percent lost ก็จะสูงขึ้น แต่นั้นจะมีเครื่องมือวัดที่แน่นอนอนะครับ

ขอเสริมเท่านี้แหล่ะครับ

@tiger_silver มีบริบทเยอะค่ะ ต่อให้สายมาตรฐานเดียวกันถ้าจะวัดละเอียดกันขนาดนั้น แต่บังเอิญตอนที่คุยเค้าคิดแบบ adsl หรือ docsis อย่างบางเจ้าที่โฆษณาทุเรศๆ ว่าเป็นไฟเบอร์อ่ะแหละ ถ้าเทียบไฟเบอร์ด้วยกัน มาตรฐานเดียวกัน มันไม่ได้ตกเยอะมากขนาดนั้น

แปลกใจ..เล็กๆ
หลายปีผ่านไป..กับเรื่องดิจิตอล
หลายคนยังไม่เข้าใจระหว่าง
การโอนถ่ายข้อมูลแบบ มัลติมีเดีย
การโอนถ่ายข้อมูลแบบ ดาต้า

ไอ้ที่ว่า ดิจิตอล 0101 ส่งไปมันก็ 0101 นั่นมันคำอธิบายของคำว่า ดิจิตอล

แต่ของจริงที่วิ่งในสายน่ะ มันคือไฟฟ้า หรือ แสง ทีนี้ถ้าสายออกแบบมาดี ไฟฟ้า วิ่งดี แสง วิ่งดี ไอ้ 0101 มันก็ครบถ้วน ไปด้วยความรวดเร็วฉับพลัน

มันเลยมีผลให้ภาพดีเสียงดี

นี่อธิบายแบบง่ายที่สุดไม่ต้องวิชาการมากมาย

คห.24 จะแปลกใจทำไม ในยุคที่คนทั้งโลก สื่อสารถึงกันได้ โดยใช้นิ้วจิ้มๆปาดๆหน้าจอ แต่ก็ยังมีคนนับถือผี นับถือคนทรงเจ้า

ในประเทศที่เรียกตัวเองว่าเป็นเมืองพุทธ ที่ผ่านพุทธศักราช มาถึง 2559 ปี อย่าว่าแต่ปุถุชนคนทั่วไปเลย แม้แต่คนที่โกนหัวบางคน (ย้ำบางคน) ยังไม่เข้าใจถึงแก่นธรรมะ ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน มาเมื่อสองพันกว่าปีเลย

แล้วเรื่องยากๆ อย่างดิจิตอล จะไปเหลืออะไร

เห็น บทความแปลไทย กับ บทความต้นฉบับ

ก็ไม่เข้าใจว่า blinetest มันงอกมาจากไหน ทั้งๆที่ต้นฉบับใช้ blind
ผมหงุดหงิดแค่นี้แหล่ะ ...ไหนๆจะพิมพ์(แปล)บทความทั้งที ตรวจสอบหน่อยไม่ได้หรือไง
คือมันสื่อได้ถึงความน่าเชื่อถือของบทแปล ผมขอพูดเท่านี้ละกัน

อย่าคิดว่าถูกชักชวนผู้อื่นคิดว่าถูกเพราะ "ตนเองคิดว่าถูก"
อย่าเชื่อเค้าว่าถูกเพราะ "เค้าบอกว่าถูก"
แต่จงเชื่อว่าถูก เพราะ "ตนเองได้ลองแล้ว มันถูก"

เรื่องแบบนี้เถียงวัวตายควายล้มก็เป็นปัญหาโลกแตกครับ
เอาเวลาที่เถียงกันไปลองด้วยตัวเองเลยจะดีกว่า
ถ้าตนเองไปลองแล้ว บอกไม่ต่างกันเลย ก็จงเชื่อแบบนั้นเถอะครับ แต่ถ้าลองแล้วมันต่างเห็นว่าต่าง ด้วยความรู้สึกโดยตัดอคติและความนึกคิดว่ามันดีหรือไม่ดีออกไป นั่นแหละครับจงเชื่อว่ามันต่าง

ของแบบนี้ "ลองกับตัวดีที่สุด"
ปล. เมื่อก่อนผมก็คิดว่าเรื่องแบบนี้โง่เง่างมงาย สายอะไรเส้นเป็นพันเป็นหมื่น แต่ผมอยากจะบอกว่าไปลองเหอครับ ถ้าท่านลองแล้วบอกว่าไม่ต่างอันนั้นก็วาสนาของท่าน เสมือนคนชิมไวน์หลายๆคนแยกไม่ออกระหว่าไวน์ขวดละพันกับขวดละหมื่น(ซึ่งผมก็คนนึงแหละ) แต่หลายๆคนบอกความต่างได้ก็เพราะเค้าชิมจน "ชำนาญ"

เห็นคล้ายๆ กับ คห.25

คนที่บอกว่า ดิจิตอลคือ 0101 คือ คนในสายคอมพิวเตอร์ หรือคนที่เรียนคอมฯพื้นฐานมา บอกกันตามตำราเรียนบทที่ 1 ในหนังสือเรียน แต่จริงๆ ในระดับลึกลงไปมันเป็นเรื่องของอิเลคทรอนิค เป็นระดับวงจรไฟฟ้า เป็นระดับโปรโตคอลในการสือสาร

คหสต. เนื่องจากผมทำงานในแวดวงคอมพิวเตอร์มาหลายปี เท่าที่คลุกคลีคนในสายคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ เป็นแค่ user ของการใช้งานอิเลคทรอนิคเท่านั้น เพื่อนๆที่ผมรู้จักที่จบวิศวฯคอม หรือวิทยาฯคอม ก็ไม่เห็นมีใครรู้ลึกเรื่องอิเลคทรอนิคหรือโปรโตคอลการสือสารสักคน ซึ่งผมคิดว่า Sound engineer ก็เช่นกัน

@blackpie
ชอบการเปรียบเทียบเรื่องไวน์มากเลยคับ สำหรับผมเห็นภาพเลย
น้องชายผมชอบกินไวน์ ถึงกับไปเข้าคอร์สมา มันเอาชอบเอาไวน์ 2 ระดับราคามาเปิดให้กินต่อกัน ผมที่ไม่มีความรู้เรื่องไวน์ ไม่เคยแยกราคามันได้ หรือแต่ละครั้งขวดที่ชอบก็ไม่เคยสัมพันธ์กับความแพงของราคา
ตรงข้ามกับเรื่องเครื่องเสียงที่มันให้ผมช่วยเลือก บอกว่าอันไหนดีมันก็ซื้ออันนั้น มันบอกมันแยกไม่ออก

สาย usb ทดสอบง่ายกว่าลำโพงตั้งเยอะ ผมยังเคยลองเอาสายชาร์จมือถือหลายๆเส้นในบ้าน มาเสียบจากคอมเข้า mojo ฟังเสียงเล่นๆ สนุกดีออกคับ :)

อะไรที่เล่นกับอารมณ์และความรู้สึกมันไม่ชัดเจนหรอกครับ

เลือกเสพตามความพอใจของตัวเอง เห็นต่างไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่หากเห็นเหมือนกันหมด สิแปลกมากกว่า

ขออนุญาตเรียนตอบคุณ ellevoid นะครับ

เรื่องเสียงผมไม่ขอพูดถึงฮะ ว่าด้วยประเด็นทางภาพเพียวๆในเรื่องของสาย HDMI

กับคำถามของคุณที่ว่า "เคยลองแล้วรึยัง"
ผมไม่ได้ลองครับ.....ผมทำงานกับภาพดิจิตอลเป็นอาชีพครับ

ขออนุญาตเท้าความนิดนึงแล้วกันครับ จะได้เข้าใจตรงกันว่า ไม่ได้อ่านมา ไม่ได้มโน ไม่ได้ฟังเค้ามา
ด้วยอาชีพของผมคือเป็นผู้กำกับ / ผู้ตัดต่อ หนังโฆษณา หนังไวรัล และในบางงาน เป็นผู้กำกับภาพเองน่ะครับ

ผมเลยต้องอยู่กับไอ้พวกภาพดิจิตอลทุกวัน ก็เลยมีโอกาสได้ทดลองนั่นนี่ของเรื่องการเทสต์สายอยู่เรื่อยๆ

กล้องที่ผมใช้ถ่ายหรือเอาฟุตเตจมาตัดต่อก็มีตั้งแต่ทั่วไปอย่าง EOS-5D ยัน Red ยัน Alexa ครับ ซึ่งตรงนี้ขอแบ่งเป็น 2 ประเด็นเกี่ยวกับสาย HDMI

1-- ในกองถ่าย บางครั้งเราใช้สาย HDMI เชื่อมจากกล้องไปยังมอนิเตอร์ผู้กำกับ หรือ มอนิเตอร์ของ Focus Puller ครับ (ถ้ากล้องในงานนั้นๆมีพอร์ต hdmi นะครับ บางครั้งเราก็ใช้ bnc แล้วแต่งานครับ) มอนิเตอร์ที่เอาไว้ใช้ในกองส่วนมากใช้ยี่ห้อ TV logic ครับ ถ้าเทียบกับจอคอมก็คล้ายๆจอ ips สีสันตรงและละเอียด

แต่ก่อนตอนแรกๆผมก็อยากรู้แหละ ว่ามันจะต่างมั้ย จะต่างกันขนาดไหน ดังนั้น...

ผมเคยทะลึ่งเปลี่ยนสาย HDMI เล่นๆ แล้วอยู่เฉยๆไป ไม่บอกผู้กำกับ / ผู้กำกับภาพ ไม่บอกอะไรใครทั้งนั้น (จริงๆก็ไม่ใช่ครั้งเดียวฮะ แอบเลว) ทุกครั้งไม่เคยมีใครทักอะไรครับ ... คุณคิดว่าสายตาของผู้กำกับภาพหนัง / หนังโฆษณา แย่มั้ยครับ

คนพวกนั้นเค้าทำงานกับภาพมาตลอดชีวิต ไฟและแสงผิดนิดเดียว เวลามองผ่านกล้อง เค้าก็ต้องแก้แล้ว...แต่เวลามีการสลับสาย เค้าไม่เคยเอะใจหรือบอกหรือทักอะไรได้เลย

ถ้ามันต่างอย่างมีนัยยะขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่คนฝีมือฝีตาระดับนั้นจะไม่ทัก

2.ในห้อง Post-production
เวลาผมตัดต่องาน ที่ออฟฟิศก็จะมีห้อง 2 แบบครับ
งานโฆษณาหรือทีวี ผมยิงสัญญาณจากคอมออกมาผ่าน HDMI เข้าทีวี
งานหนัง ผมยิงผ่าน HDMI ไปโปรเจคเตอร์เพื่อฉายจอใหญ่หน่อย

โดย software ที่ผมใช้ขับเคลื่อนการตัดต่อคือ Adobe premiere Pro กับ Final cut Pro ซึ่งมันก็เป็นโปรแกรมที่ฮอลลีวู้ดก็ใช้กัน ดังนั้นในการขับ source มันคงไม่แย่นักหรอกครับ

และแน่นอน เมื่อมีโอกาส ผมก็เปลี่ยนสายเล่นไปมาเนื่องด้วยความอยากรู้อยากเห็นแน่นอน...ผลที่ได้จากการดูด้วยตัวเอง เหมือนเดิมเลยครับ

รวมไปถึงหลังจากตัดเสร็จ บางครั้งงานที่ไม่แพงมาก ลูกค้าไม่มีงบส่งห้อง colour grading เราก็ต้องแก้สีกันเอง
Software ที่เราใช้คือ Da vinci resolve ซึ่งตอนนี้น่าจะเป็น Colour grading software ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดตัวนึงแล้ว
มันก็คงมีมาตรฐานและไม่แย่เกินไปนะครับ

และเช่นเคย ขณะทำการแก้สี ผมก็ยังทะลึ่งลองเปลี่ยนสายไปมา ผลที่ตาเห็น....เหมือนเดิมเลยครับ

คุณอาจจะบอกว่าผมตาไม่ดี อืม ก็อาจเป็นได้ครับ

แต่จากหลายๆปีที่ผมพยายามจะพิสูจน์ด้วยตัวเอง กับ เรียกพรรคพวกคนทำหนังมาช่วยกันทดสอบ..ทุกคน(ผู้กำกับภาพและนักแก้สี) ก็แยกความแตกต่างไม่ออกน่ะสิครับ ผมว่ามันก็ผิดปกตินะที่คนที่ทำงานโดยตรงด้านนี้จะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง....ก็ว่ากันไปครับ

แต่โดยส่วนตัวสายที่ผมใช้ทั้งที่ห้องตัดต่อทำงานและชุดโฮมที่บ้าน ผมก็ไม่ได้ใช้ของที่ถูกซะจนไม่ไหวนะครับ (ใช้ Jericho) ผมเชื่อในงานประกอบที่มันจะได้อยู่ไปยาวๆนานๆ ขั้วต่อไม่หลุดและไม่หักในไปก่อน อันนั้นคือเหตุผลที่ผมใช้สายดีครับ

ถกเถียงกันได้ด้วยเหตุผลครับ อันนี้ก็เป็นมุมมองและประสบการณ์นึงของผมคร้าบ

ขอปรมมือให้คุณ noonman41 ครับ

ไปกับเพื่อน แล้วเราปิดตาไว้ ให้เพื่อนสลับสายดูหลายๆเส้น โดยเพื่อนอาจจะสลับจริงหรือไม่สลับสายเลยก็ได้แล้วให้เราทายว่า อันนี้เป็นสายยี่ห้ออะไรเอ่ย ลองทายซิตัวเอง......

+1 love song

ผมเข้าใจที่คุณ noonman41 อธิบายนะครับ แต่วงการเครื่องเสียง เค้าจะมีมนุษย์ที่มีประสาทสัมผัสดีกว่ามืออาชีพครับ แม้แต่ sound engineer ยังสู้พวกเค้าไม่ได้เลย (แหม sound engineer ใช้หูฟังราคาเท่าไหร่ ลำโพงราคาเท่าไหร่ พวกนั้นเค้าแพงกว่าหลายขุมครับ) ราคากล้องอะไรที่คุณบอกมา มันแค่เสี้ยวของ system ของพวกหูทองเค้าครับ พวกนั้นแอมป์ราคา 2-3 ล้านต่อข้างนะครับ เพราะฉะนั้นสายราคา 2-3 หมื่นนี่สิวๆครับ ปลั๊กไฟผนังบ้าน เค้ายังฟังออกได้เลยว่าตัวนี้เสียงอย่างไง แม้แต่ฝรั่งที่เป็นผู้ผลิตยังไม่กล้าโฆษณาเรื่องคุณสมบัติทางเสียงเลยครับ สงสัยกลัวโดนฟ้อง เพราะใน usa โดนฟ้องจนเจ๊งได้เลยนะ แต่เค้าจะบอกว่าทำไม มันมีคุณสมบัติอย่างนันอย่างนี้ ทางวิศวกรรมก็ว่ากันไป แต่คนพวกนี้เค้าฟังออกครับ มีเรื่องเล่า ว่ามีพวกบ้าเครื่องเสียงคนหนึ่ง ถึงขนาดจ้างการไฟฟ้ามาเปลี่ยนหม้อแปลงให้บ้านเค้าโดยเฉพาะเลยนะครับ ผมว่าถ้าสร้างโรงไฟฟ้าเองได้ เค้าคงทำไปแล้วล่ะ 555


จริงๆ ต้องบอกว่าประสาทสัมผัสคนเราไม่เท่ากัน แม้แต่สายตา สั้นยาวก็ยังไม่เท่ากัน แล้วหูล่ะ ได้ยินเสียงเท่ากันรึปล่าว ไม่เท่าแน่ๆ

ถ้าจะวัดจริงๆ มันต้อง blind test แหละครับ แต่ก็อย่างที่ว่ากันมาหลายทีแล้ว ใครมันจะกล้าล่ะครับ พวกโชว์ตัวเป็นหูทองตาทิพย์ เจ้าของผู้ผลิตสาย พ่อค้า รีวิวเวอร์ จะกล้าเหรอ ถ้าฟังออกก็เสมอตัว ฟังไม่ออก เครดิตพังทะลาย ของขายไม่ออก ไม่มีใครทุบหม้อข้าวตัวเองหรอกครับ

ผมว่าสายแพงถูกมันก็เหมือนๆกับnetแพงๆกับ ถูกๆ นั่นแหละครับ
สายแพงมันจะมีความเร็วในการส่งข้อมูลมากกว่า ทำให้ข้อมูลไปเต็มไปครบครับ เรื่องคุณภาพนี่หายห่วงได้เลยครับ
ส่วนสายถูก ส่วนมากความเร็วไม่ค่อยได้เต็มสเปคหรอกครับ แต่ผมว่าอุปกรณ์เดี๋ยวนี้มันฉลาดครับ สัญญาณมายังไม่ครบมันก็ใช้Softwareช่วยได้ เพราะขนาดไฟล์วิดีโบางตัวโหลดมาไม่ครบ มันยังมีโปรแกรมที่เล่นได้กับไม่ได้เลย บางตัวเล่นได้ครึ่งเรื่อง บางตัวเล่นได้เต็มเรื่อง ผมว่าในทีวีหรือลำโพงเดี๋ยวนี้มันก็ยัดเข้ามาด้วยแน่ๆครับ

สังเกตง่ายๆครับ ก็พวกลูกเล่นแทรกเฟรมเรท100Hz 200Hz 400Hz นั่นแหละครับ บางทีสีมาไม่ครบ เช่นข้อมูลต้นฉบับเป็น (ฟ้าอ่อน ฟ้า น้ำเงิน) ปลายทางได้รับแค่(ฟ้าอ่อน น้ำเงิน) Softwareมันก็ประมวลผลแล้วแทรก(ฟ้า)เข้าไปตรงกลางได้ หลักการก็คล้ายๆกับการแทรกเฟรมเรท
ถ้าเป็นในเรื่องของเสียงก็มีของSonyไงครับDSEE (Digital Sound Enhancement Engine)มีในWalkmanแทบทุกรุ่น เพิ่มรายระเอียดที่หายไปของเสียงความละเอียดต่ำ หรือพวกฟังก์ชั่นNC - Noise Canceling ก็คงคล้ายๆกันแค่ปรับให้มันทำงานตรงข้ามกันเท่านั้นเอง

ฉะนั้น ผมว่าซีเรียสที่ตัวOut put ก่อนตัวนำสัญญาณดีกว่าครับ

ขี้เกียจ debate เรื่องเดิมๆ เคยถกนานแล้ว
สมัยเมื่อก่อนก็ยังเถียงว่ามันจะต่างกันได้ไง(วะ) 55555

เคยทำ blind A/B testing สำหรับสาย usb มาแล้ว ผลก็คือ ถูก 20ครั้ง+ รวด (มากกว่า20ครั้ง แต่ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ เพราะคนเปลี่ยนสายขี้เกียจจดแล้ว) ทดสอบจนคนเปลี่ยนสาย บอก(มึง)พอยัง (กู)เบื่อแล้ว
ยิ่งถ้า ตัวนำสัญญาณคนละชนิดกันนี่แยกง่ายมากๆ บุคคลิกเสียงคนละโทนเลย ฟังไม่ถึงห้าวิ ก็ตอบได้เลย

ส่วนสาย hdmi เรื่องภาพ ที่เคยทดสอบเอง ผมแยกไม่ออก

ขอบคุณที่ชี้แจงครับ แต่จริงๆ ในงานผลิตก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นครับ ส่วนนึงเพราะว่าสายต่างๆ มันจะมีบุคลิคในตัวมันซึ่งเวลาเราฟังหรือดูแล้วเราชอบแต่มันอาจจะมากเกินไปสำหรับคนอื่นครับ เพราะงั้นการใช้พวกสายทองแดงที่คุณภาพดีๆ เพื่อผลิตเพลงหรือหนังจึงเพียงพอแล้วครับ

ปล. ขอแอบถามครับว่าสาย hdmi ที่เอาไปเปลี่ยนคือยี่ห้อไหนรุ่นไหนครับ เพราะส่วนตัวพวกสายต่ำกว่าหกเจ็ดพันเปลี่ยนแล้วไม่เห็นผลจริงๆ และคิดว่าถ้าเอา AQ Diamond ไปแอบเปลี่ยนผกก.อาจจะไม่สังเกตแต่เสร็จงานสายอาจจะหายไปก็ได้ครับ ฮ่าๆๆๆๆ

เข้ามามุง มาดูภาพ กับ เสียง ใครจะมี เหตุผล กับ ประสาทสัมผัสการแยกแยะ มากกว่ากัน

ผมเหมือนคุณ rurika เลย
usb แยกออก แต่ hdmi แยกไม่ออกแฮะ

hdmi กับเสียง ผมว่าผมพอแยกออกนะ (ยังไม่เคย A/B ไม่มีคนคอยเปลี่ยนสายให้แล้ว)
ผมใช้ hdmi i2s อยู่ ฟังคนละเส้นก็พอๆแยกออกอยู่ ไม่รู้คิดไปเองป่าว ไม่ได้ A/B ไม่กล้าพูด 55555

แต่ usb นี่ กล้าเถียงอ่ะ มั่นใจ ใครท้า มาตบกับผมได้ ทดสอบแล้ว
ขี้เกียจทำด้วย ต้องมาวัดความดังเสียงอีก ให้มันเสียงมันดังเท่าๆกัน จับว่าต้องหมุน volume ไปที่เท่าไหร่ ของสายแต่ละเส้น หลายอย่างไง ถึงไม่มีคนทำให้... 55555

คหสต คู่นี้น่าจะฟังกันออกได้ไม่ยาก

usb shunyata venom vs furutech gt2 ลองดูว่า character เสียงจะต่างกันไหม ราคาน่าจะพอๆกันด้วย

หึ...เอาให้สนุกว่านั่น

เปลี่ยนสายภาพ แต่เสียงเปลี่ยนครับ ^ ^

Hdmi ภาพเปลี่ยนนะคับ สีจะชัดสวยขึ้น ภาพไหลลื่นขึ้นเยอะเลย ดูออกเลยที่เดียว แต่เสียงนี่ไม่แน่ใจนะคับ
usb ชัวร์มากเสียงเปลี่ยน ฟังออกเลย ว่าของดี มันดีจริง ผมใช้ Heimdall 2 ของเขาดีจริงคับ รายละเอียดมาเต็ม คุ้มมากๆ

ถ้าชอบฟังเพลง กับดูหนังจริงๆ ติสนิดๆ รับลองดูออก ฟังออกแน่นอนคับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเชี่อ จนมาได้ลองกับตัว

@rurika
ถ้าอยากเทียบว่าชอบสายเส้นไหน เห็นด้วยว่าต้องปรับ volume คับ
แต่ถ้าจะเทียบว่า usb เสียงต่างกันได้ไหม ไม่ต้องปรับคับ
มันเป็นดิจิตอลมีแค่ 0101 แอมปลิจูดของ 0101 ไม่มีผลกับความดังคับ มันต้องดังเท่ากันคับ :)

ระบบเสียงทำให้ได้มาตราฐานมันไม่ยากซื้อมาจับต่อๆๆก็พอแยกได้แล้วชุดดีพอไม่มีปัญหาหรือการ matching อะไรมากมาย

แต่ภาพให้่ได้มาตราฐานนั้นต้อง calibrate ด้วยครับ แล้วมีใครบ้างที่ทดสอบสาย HDMI เพราะกับการ calibrate ภาพ ผมว่าเผลอๆยังเปิดภาพแบบบูสสี mode vivid อะไรพวกนี้อยู่เลยมั้ง

Usb คนละ port ก็ไม่มีผล 2.0 หรือ 3.0 ก็ไม่มีผล เพราะ 2.0 compatible บน 3.0 อยู่แล้ว jitterbug ก็ไม่มีผล adapter แปลงหัวก็ไม่มีผล เพราะดิจิตอลถ้ามันส่งได้ก็คือดัง ไม่ได้มันก็แค่เงียบไป แหม...เห็นมั้ยคับชีวิตดีจะตาย ง่ายขึ้นเยอะเลย พวกเราลองๆ เสียเวลากันทำไมเนี่ย

Usb คนละ port ก็ไม่มีผล 2.0 หรือ 3.0 ก็ไม่มีผล <<<
มีผลครับ USB Macbook มีแค่ 2 port เหมือนๆกันยังฟังเหมือนกันเลย ข้างนึงอยู่ข้าง adaptor ชาร์จไฟ อีกข้างอยู่คนละฟากกับที่ชาร์จไฟเสียงก็ต่างละ noise คนละเรื่องเลย

ที่เหลือไม่ขอพูดถึงละกัน กลัวพาดพิงสินค้า brand อื่น ฮาๆๆ แต่ผมก็เห็นด้วยที่ว่าเราควรจะลองพวกนี้ให้ชัดเจนด้วยตนเองนะครับ ไม่ใช่ใครว่าดีก็แห่ซื้อตามกันไป ถ้าลองแล้วไม่ต่างก็ไม่้ต้องเสียเงินกับพวกนี้เพิ่ม การมีหูที่ไม่หาเรื่องนั้นชีวิตสบายขึ้นเยอะเลย ผมล่ะอิจฉาจริงๆนะ

@Windows X
ผมดันเป็นพวกฟังออกว่าต่างคับคุณนนท์ :)

ผมแค่ยกตัวอย่างเหตุเดียวกัน(ดิจิตอล) ที่ควรจะให้ผลเช่นเดียวกัน ให้นึกดูขำๆคับ

"มีผลครับ USB Macbook มีแค่ 2 port เหมือนๆกันยังฟังไม่เหมือนกันเลย"

ผมพิมพ์ผิดครับ ผมจะบอกตรง Macbook ว่าฟังออกแต่พิมพ์ตกไป ไม่งั้น noise จากที่ชาร์จไฟจะมีผลได้ยังไงถ้าฟังไม่ออก ฮาๆๆ

สายดิจิตอลมีผลต่อเสียงแน่นอนครับ และความต่างนั้นสามารถตอบได้แบบชี้ชัด หรือบอกได้ว่าต่างกันอย่างไรและตรงไหน เรื่องอดีตที่ถกเถียงกันมากว่าเป็นดิจิตอลแล้วมันจะไปเหมือนสายอนาลอกได้อย่างไร เพราะดิจิตอลก็คือดิจิตอล แต่สุดท้ายสายดิจิตอลก็ให้ความแตกต่างในคุณภาพเสียงอย่างแน่นอน

และกลายเป็นว่าสายดิจิตอลก็มีคาแรคเตอร์ของค่ายนั้นๆไปซะอีกด้วย คือไม่ใช่แค่การนำส่งสัญญาณอีกต่อไป แต่เป็นการส่งบุคลิคเสียงออกไปยังปลายทางแบบเต็มๆเลยครับ คือจะเอาเสียงหนาเสียงบาง กว้างแคบแบบไหน ตอนนี้สายดิจิตอลอย่างสาย USB นั้นทำได้ตามใจคนซื้อทุกอย่างไปแล้วครับ 555

สายราคาถูกหรือราคาแพงจะมีความแตกต่างที่จับต้องได้ แต่บางทีสายราคาถูกก็ให้เสียงบางอย่างที่ถูกหูได้เช่นกัน ส่วนสายราคาสูง ถ้าได้ source ต่างๆที่ดีด้วย มันก็ฟังออกว่าดีกว่าสายราคาถูกจริงๆแบบเอกฉันท์เช่นกันครับ 555

แต่สำหรับดิจิตอลกับสายภาพ อันนี้ผมยอมรับตามตรงว่ามองความแตกต่างไม่ออกเท่าไรนัก เนื่องจากอุปกรณ์ของผมน่าจะยังไม่ถึงขั้นจะจับต้องความต่างได้ชัดเจนครับ เคยรู้สึกเล็กน้อยเวลาเปลี่ยนสาย HDMI ว่ามันดีขึ้นก็ตรง contrast สีดำที่มันเข้มขึ้น ซึ่งก็ถือว่าบางเบาจนไม่สามารถจะใช้ยืนยันได้ชัดเจนครับ แต่ผมก็เชื่อว่าเซียนทางด้านภาพสามารถตอบได้และชี้ชัดแบบฟันธงได้ครับ ^^

ปล.แต่ถ้าให้ผม Blind Test โอกาสก็น่าจะเหมือนแทงไฮโลสูงต่ำ คืออาจจะแทงถูกมากกว่าแทงผิด แต่โอกาสแทงผิดโดนเจ้ามือกินก็มีอยู่เช่นกัน 555

เรียนตอบคุณ ellevoid ครับ

ในกองถ่าย สายที่มากับ supplier ที่ให้เช่ากล้อง / อุปกรณ์ ผมไม่แน่ใจแฮะว่าเค้าใช้อะไรกัน แล้วแต่เจ้า (บางครั้งจะไม่ใช่ยี่ห้อสำหรับผู้บริโภคที่เราคุ้นๆกันด้วยครับ มันมักจะต้องใช้ หัว L สายสั้นเชื่อมไปที่กล้อง)แต่ที่ผมเคยเห็นๆ แอบดูมาบ้างหลายเจ้าใช้ Kramer แล้วก็ monster เองนี่แหละครับ แต่หลายเจ้าก็ใช้สายทั่วไปไทยแลนด์ครับ

ส่วนที่ผมชอบแอบเอาไปเปลี่ยนนี่สายธรรมดาเลยครับ Belkin บ้าง, กับทั่วๆไปหาตามอมรเลยแหละ 555

เรียนถามคุณ antsound ครับ
อันนี้น่าสนครับ เพราะผมเองเนี่ย พยายามจะจับให้ได้ว่ามันต่างกันยังไงในแง่ของภาพ แต่ผมไม่สามารถทำได้ แต่คุณบอกว่าสามารถ ดูออกได้เลยทีเดียว

หากเราจะทำการทดสอบ Blind test กัน น่าสนใจมั้ยครับ ผมอยากทำเป็นกรณีศึกษา หรือทำเป็นสาารคดีไว้น่ะครับ ไม่ได้ต้องการหาคำตอบสุดท้ายหรอก แต่ผมว่าระหว่างทางที่เราถกเถียงกันนี่แหละที่มันน่าสนใจ

หากท่านทีความยินดีและสะดวกเราจะได้ว่ากันต่อไปได้ครับ ขอบคุณครับ

เขาอุตส่าห์ลงทุนกับอุปกรณ์คุณภาพดี ไปเปลี่ยนของเขาเล่นซะงั้น

@noonman41
สาย monster,Kramer,Belkin,อมร พวกนี้จัดอยู่ในสายระดับล่าง
จะมองไม่เห็นความต่างมันไม่แปลกหรอกครับ นึกว่าไปแอบสับสายแถมกับ Jericho อันนั้นถ้ามองไม่ออกก็เลิกทำกองได้แล้วครับ ผมกล้าพูดได้เลยว่าสี่อิ่มกว่าเยอะขนาดผมไม่ได้เล่นพวก TV หรือพวกโฮมเลยแต่สีมันสวยกว่าดีกว่าสาย hdmi แถมเยอะครับ tv ผมก็ lg รุ่นธรรมดาๆนี่แหละส่วน player ก็ใช้แค่ dune ยังดูออกเลยครับตอนนี้ผมก็ใช้ jericho ยกชุดเพราะลองมาเส้นนึงแล้วเห็นผลความต่างนี่แหละครับจากสายแถมแบบชัดๆ

ในกองถ่ายใช้จอมอนิเตอร์ขนาดกี่นิ้วครับ

ถ้าเล็กกว่า42" เป็นเรื่องปกติที่จะดูไม่ออก

ผู้กำกับดูจอมอนิเตอร์ เขาดู ความเคลื่อนไหว องค์ประกอบต่างๆที่กล้องถ่ายมาผ่านจอมอนิเตอร์มากกว่า ถ้าจอไม่เพี้ยนก็ใช้งานได้ เขาคงไม่ได้มาดูในส่วนคุณภาพ สีสรร คอนทราส ของจอ
คือดูภาพที่กล้องถ่ายมา มากกว่าดูจอ เพราะงั้นการเปลี่ยนสายhdmi แล้วไม่ได้ทำให้สีเพี้ยน ผู้กำกับเขาเลยไม่ว่าอะไร

สายถูกๆก็พอดูได้ไม่ถึงกะเพี้ยน
แต่สายแพงมันดีขึ้นในแงคุณภาพ

ท่าน Draco กำลังจะบอกว่า การส่งข้อมูลผ่านสาย USB มันไม่มี noise กับ jitter และ JitterBug มันคืออุปกรณ์ลวงโลกแบบเดียวกับไม้ชี้ผี GT200 หรือครับ

เอ้อ อันนั้น่าสนใจมากๆครับ
คุณ ผกก.

ก็จริงที่ว่าสายที่มาในกองและสายที่ลองเปลี่ยนไม่ใช่สายคุณภาพสูงมาก

แต่เห็นคนที่บอกว่ามัน"ต่าง"กัน มันช่างฟังดูต่างกันแบบ "เห็นได้ชัด" อย่างมากมาย
สีอิ่มกว่า , ภาพลื่นไหลกว่า...... เอ่อ ถ้าต่างด้วยหัวข้อพวกนั้น ไม่ต้องจอ 42 นิ้วอะไรขึ้นไปหรอกครับ อะไรที่สีไม่เหมือนกัน ภาพลื่นไหลไม่เหมือนกัน จอหนึ่งนิ้วใครๆก็ดูออกครับท่าน

อย่างที่ท่าน ผกก.ว่า โอเค บางครั้งตัวผู้กำกับดูแค่คอมโพสของภาพ และการแสดงผ่านมอนิเตอร์ ถูกต้องครับ แต่ก็อย่างที่ผมกล่าว หลายๆท่าน (จะว่าไปแทบจะทุกท่าน) ก็บอกว่ามัน "ต่างชัดเจน"......สรุปว่าผู้กำกับและผู้กำกับภาพทั่วฟ้าเมืองไทยนี่โง่หมดนั่นเอง ใช่มั้ยครับ


แล้วมันตลกตรงอะไรรู้มั้ยครับ ในเมื่อทุกท่านบอกว่าสายแต่ละเส้นมันต่างกัน และบางท่านยังบอกว่าแต่ละเส้นมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง
พอผมยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงก็บอกว่าต้องของแพง ถึงจะเห็นความแตกต่างได้....

ถ้ามาในตรรกะนี้คือ ของแพงๆทั้งหมด จะให้ผลภาพที่ดีกว่าของถูกๆทั้งหมด....ใช่มั้ยครับ

อ้าว...นี่ผิดตรรกะแล้วนะ ถ้าเป็นอย่างที่ว่ากันมา สายแพงกับสายแพงด้วยกันเองคนละยี่ห้อ ก็ต้องมีความต่างกันของภาพ, สายถูกกับถูกด้วยกันเองก็ต้องต่างกัน , สายแพงกับสายถูกก็ต้องต่างกัน ต้องต่างกันหมดทุกการเปลี่ยนสายโดยไม่อ้างอิงราคาและอะไรสิครับ

แต่...

ผมเองก็ยังอยากศึกษาเรื่องนี้ต่อไปเหมือนเดิม เพราะคาใจมาตลอดชีวิต
ท่านทั้งหลายที่บอกว่าต่าง ผมก็ยังอยากมาพูดคุยถึงโปรเจคต์ Blind test หมู่ ในรูปแบบของหนังสารคดีอยู่นะครับ น่าสนใจจะตาย เรื่องมองออก-ไม่ออก ไม่ใช่ประเด็นหลักหรอกครับ ผมไม่ได้แบ่างข้างหรือจะค้านอะไรขนาดนัั้น ผมสนใจที่ "ระหว่างทาง" ของหัวข้อนี้มากกว่า แลกเปลี่ยนความคิดเห็นพูดคุยกันต่อเนื่องได้ครับ

ยกเว้นท่าน Blackpie ไว้ท่านนึงนะครับ
ที่ผมเข้ามาตอบ มาร่วมพูดคุยในนี้ ผมว่าผมสุภาพนะครับท่าน มีอะไรก็เล่าไปตามประสบการณ์ และ สิ่งที่ผมพบเจอมากับตัวเอง ก็เล่ากันไป บลาๆๆ

ผมไม่ได้ดูถูกวิชาชีพ และ แขวะ แซะ ท่านอื่นเลยนะครับ คุยกันดีๆแซวๆ

ท่านมาถึงนี่เก๋าเลย มาตัดสินคนอื่นๆ
"อันนั้นถ้ามองไม่ออกก็เลิกทำกองได้แล้วครับ"

พี่ๆน้าๆอุปกรณ์ให้เช่ากล้องทั้งหมด ไม่มีใครมองออกครับ คือจะไล่เค้าออกจากอาชีพยกวงการ????

คือในการผลิตหนังหรืออะไรเนี่ย ถ้าตัด ผู้กำกับภาพทิ้งไป ในส่วนอื่นๆไม่มีใครเค้ามาสนใจ "สีของภาพที่เปลี่ยนไป" เป็น First priority ขนาดนั้นหรอกจ้ะ, ผกก.จะทักเมื่อจัดไฟเพี้ยนไปมากจริงๆ หรือ แดดมันเปลี่ยนมากจริงๆจนรู้สึก รวมถึงการเซ็ตกล้องหรืออะไรที่ทำให้เกิดผลทางเทคนิคที่ผิดพลาดไปเลย(ที่ผมแอบเปลี่ยนสายดูเล่นๆ ก็แค่อยากรู้อยากลองครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้ามีคนทักก็ดี แค่นั้นแหละ)

เค้าเอาเวลาและหัวสมองไปปั้นกับอย่างอื่นในกองเถอะครับ

คือถ้าคุณเก่งมากนักเรื่อง การตัดสินภาพจากสายที่เปลี่ยนไป เรียนเชิญคุณมาทำการทดสอบ Blind test กับผมหน่อยครับ แต่อันนี้ไม่เหมือนเชิญท่านอื่นๆ ในเชิงการศึกษา - วิชาการนะครับ, อันนี้เชิญเพราะผมไม่เชื่อโดยส่วนตัวว่าท่านแยกออกได้จริงครับ

แต่เป็นราคาคุยมากกว่า

ท่านกล้ามั้ยครับ

ปล.ขออภัยเฮียและทุกท่านนะครับ การใช้ภาษาอาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่ก็อยู่ในการพูดคุยอย่างมีหลักการและเหตุผลนะครับ จนเกิดการดูถูกสายอาชีพเบาๆจากท่าน Blackpie นี่แหละครับ เลยขออนุญาตต่อความซักนิดนะครับ 555

ผมคิดว่าการ calibrate ให้ได้สีที่ถูกต้องก่อนน่าจะดีกว่านะครับ ถ้า calibrate เสร็จอะไรๆมันก็ง่ายขึ้นเยอะครับ

ชักดุเดือด

@Jack คห.57
ย้อนอ่าน คห.ก่อนและหลังนั้นด้วยคับ

ผมแค่อยากสือว่า ถ้าการส่งผ่านสัญญาณดิจิตอลผ่านสายที่แตกต่างกันไม่มีผล อื่นๆที่ยกมาใน คห. 46, 48 ก็ต้องไม่มีผลเช่นกันหนะคับ

ท่าน Draco คห.48 จงใจแกล้งพูดประชดสินะครับ ผมเข้าใจผิดไป ต้องขออภัยด้วยครับ ^^"

รูปสถานการณ์ปัจจุบัน ขออนุญาตเลียนแบบท่าเฮีย :)

@Jack
ไม่เป็นไรมิได้คับ แสดงว่าผมเขียนไม่ชัดเจนเอง

ยกตัวอย่างอีกซักวงการนึงละกันครับคล้ายๆผู้กำกับครับ

คือวงการเพลง

เจ้าของค่ายเพลง ซาวน์เอนจิเนีย เวลาทำเพลง สังเกตุว่า ถ้าเป็นคนเล่นเครื่องเสียง อัลบั้มที่ออกมามักเสียงดีครับ
อย่างแผ่นออดิโอไฟล์ไทย คนทำมักคลุกคลีอยู่ในวงการเครื่องเสียงด้วย


คือคนกลุ่มนี้เขานึกออกว่าเสียงดีจริงๆคืออะไร เพราะเป็นนักเล่นด้วย ไม่ใช่คนทำอย่างเดียว

ถ้าสายดีกับสายห่วย ลองบนจอเล็กๆอันนี้ดูอาจไม่ออก อย่าง 4k กับ full hd จอ20" ดูไม่ออกแน่นอน หรือจอใหญ่แต่ไม่ได้คาริเบรท ก็อาจดูยากกว่าที่คาริเบรทแล้ว

เหมือนสายเสียงสองเส้น ถ้าลองsystem เล็กๆ หรือมินิคอมโป ฟังออกยากมากครับคือมันต่างกันน้อย แต่ฟังบนsystem ใหญ่ ต่างกันชัดเจนแน่นอน

ตอบคุณ noonman41
ไม่ต้องกังวลครับ ตราบใดที่เราพูดคุยกันด้วยเหตุผล และยังเคารพความเหตุผลของกันและกันอยู่ อาจจะมีหยิกมีหยอกมั่งอันนั้นไม่ใช่ประเด็นครับ 555

เรื่องสายดิจิตอลกับคุณภาพเสียงนี่เรื่องจริงๆครับ เรื่องนี้เป็นรอบสองในทศวรรษที่คนถกเถียงกัน เมื่อ 3 ทศวรรษก่อน วงการเครื่องเสียงก็เคยเถียงกันเรื่องสายไฟมาก่อน ซึ่งเมื่อยุคก่อน สายไฟ สายสัญญาณยังไม่เติบโตเหมือนทุกวันนี้ เพราะคนยังไม่เชื่อว่ามีผลจริง ตราบจนที่พิสูจน์ได้เป็นแน่ชัด คราวนี้บริษัทต่างๆที่ผลิตสาย เกิดแบบรายวันเลยครับ 555

ซึ่งสายดิจิตอลกับเสียงนี่ อันนี้ต่างกันจริงๆ


ส่วนเรื่องภาพนั้น ผมคิดว่ามืออาชีพทางด้านตัดต่อ ทางด้านภาพ อาจจะให้ความสำคัญกันคนละด้านกับความหมายของคนที่ซื้อจอทีวีมาดูครับ ผมเชื่อว่างานหนัง งานตัดต่อมันเป็นอาร์ท ผมว่าทุกคนที่ทำส่วนใหญ่เน้นไปทางแสดงอารมณ์มากกว่าการแสดงผล(เดาๆเอา) 555

แต่คนที่เล่นทางเรื่องภาพเค้าก็สามารถชี้ให้เห็นถึงความต่างในด้านเชิงอุปกรณ์ได้จริงๆครับ ผมเองหนักไปทางเสียงเพียงอย่างเดียวก็เลยไม่สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องได้มากนักครับ

แต่เอาเป็นว่ามาแชร์ข้อมูลกันอย่างมีเหตุผลและสติ อะไรหนักนิดนึงเบาหน่อยนึงไม่ถือสากันว่างั้นล่ะ 555

ตลกดี
พิมพ์ซะยืดยาว แต่ใช่ว่าคุณจะต้องถูกนะครับ
โดนแย้งมาหน่อย ก็ออกอาการแล้ว

ขออภัยด้วยครับ ไม่ได้มาชวนให้เกิดดรามาเพิ่มขึ้น แค่มาแสดงความเห็นบ้าง

โถๆๆๆๆโดนเค้าแซะหน่อยเดียวน้ำลายฟูมปากแล้วอย่าเพิ่งของขึ้นสิรออีกฝ่ายตอบโต้ก่อน อีกฝ่ายก็แซะแรงๆหน่อยจะได้ดุเดือดเลือกพล่าน แหม่คุณกองถ่ายพิมพ์ยาวๆอ้างเหตุผลเยอะๆสุดท้ายก็อยู่แค่ในกะลาตัวเอง น่าสงสารนะครับ เจอคนแบบนี้ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับ อุปส์ส์.........

ขออภัยไม่ได้ชวนทะเลาะนะแจ๊ะแต่อยากเห็นดรามา

ขอแสดงความเห็นบ้างสักเล็กน้อย การที่คนอื่นบอกว่าสามารถแยกความแตกต่างได้ แต่เราแยกไม่ออก ก็ไม่เห็นจะเป็นไร กลับเป็นข้อดีสำหรับเราซะอีก คือไม่ต้องใช้สายแพง ใช้แพงไปก็เสียเงินเปล่าเพราะเราแยกไม่ออก ส่วนท่านที่แยกความแตกต่างได้ก็โชดร้ายไปต้องสียตั้งค์ใช้สายแพงๆ ส่วนตัวเคยเล่นระบบโฮมเธียร์เตอร์มาบ้าง สายภาพมันก็ให้คุณภาพตามระดับราคาของมันนั่นแหละ เลยเลือกใช้ให้เหมาะสมกับ system ก็พอ แต่ยืนยันว่าต่างกัน

ขอแสดงความเห็นบ้างครับ ผมก็ลองสายดิจิตอลมาบ้าง ตอนแรกก็คิดว่าไม่ต่าง แต่พอลองเข้ากับตัวเอง ปรากฎว่ามันต่างจริงๆ ครับ คือผมลองแบบสายแถมกับสายแบรนด์ระดับกลางถึงระดับท๊อป ปรากฎว่าสายระดับกลางแยกยากหน่อย แต่ระดับท๊อปแยกความแตกต่างได้ค่อนข้างเยอะ เลยพอสรุปได้ว่าพวกที่บอกไม่ต่าง ไม่ว่าสายจะแพงระดับไหนมันต้องเหมือนสายแถมเป๊ะถูกไหมครับ แต่นี่เริ่มมีความต่างตั้งแต่เล็กน้อยถึงมากแสดงว่ามีความต่างเกิดขึ้นไม่ใช่แค่ 0 กับ 1 อย่างแน่นอน ก็แล้วแต่พิจารณากันล่ะครับ

ขอแสดงความเห็นบ้างครับ
สองสามปีก่อนลองใช้สาย optical digital หลายยี่ห้อพบว่าไม่ค่อยพบความแตกต่าง ก็เลยให้ความเห็นคน
อื่นไปว่าสายดิจิตัลไม่น่าจะให้เสียงที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกันอ่านบทความหลายบทความว่าไม่แตกต่าง

ในระยะหลังผมกับพบว่าเวลาใช้สาย digital coaxial กลับพบว่าเริ่มพบความแตกต่าง และก็พบว่าชัดเจน
ขึ้นตามลำดับ ไม่ทราบว่าเห็นเพราะมีระบบไฬที่ดีขึ้นหรือเปล่า และขณะเดียวกันก็สามารถเลือกสายที่เข้ากับระบบของเรา
ได้ดีขึ้นอีก แต่ไม่ได้หมายความว่าสายที่แพงกว่าจะดีกว่า หรือเข้ากับระบบของเราได้มากกว่า

พอใช้เล่นเพลงจากคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย USB ก็พบว่าแตกต่างเช่นเดียวกัน แต่ละสายก็มีบุคคลิกที่แตกต่างกันออกไป
ค่อนข้างชัดเจน

สาย HDMI ก็ใช้ตั้งแต่สายที่เขาให้มาด้วย ลองดูสายอื่น ๆ ตามที่อามาซอนแนะนำ ซึ่งเขาบอกว่าของที่ดีระดับหนึ่ง
ก็ไม่ค่อยแตกต่างกับสายอื่น ๆ รวมทั้งสายของ belkin, amazon basics พอเปลี่ยนทีวีมาเป็น
smart TV 4K ก็ใช้สายเดิมเพราะคิดว่าไม่แตกต่างกัน มีอยู่ระยะหนึ่งก็มีคนแนะนำว่าลองใช้สายของ audioquest
รวมทั้งสายของ Merrex ทีนี้พอใส่เข้าไปเรียกว่าไม่ต้องเพ่งเลย เพราะว่าสว่างขึ้นชัดเจนและรายละเอียดเพิ่มขึ้น สีมีมวลมาก
ขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าสาย audioquest ที่ราคาแพงกว่าจะดีกว่า ผมกลับชอบของ Merrex มากกว่า
อย่างไรก็ตามระบบไฬของผมก็ทำตามที่เฮียและสมาชิกหลายท่านที่เคยแนะนำคือเริ่มต้องแต่ ground, cutout,fuse
ปลั้กไฬเปลี่ยนเป็นของ wattgate, oyaide สายไฬก็ใช้ของ NBS เครื่องกรองไฬก็ใช้ของ BPT
สะพานไฬก็ใช้ของ clef สายไฬต่อจากสะพานไฬทุกตัวก็พยายามใช้ของที่คุณภาพดีก็เลยทำให้เห็นความแตกต่างได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามก็แนะนำว่าควรลองกับระบบของตนเองก่อนและเริ่มจากที่ราคาไม่แพงมากครับ

ส่วนเรืองสายไฬกับเสียงผมยังฬังไม่ค่อยออกครับ รู้แต่ว่าของ JPS Aluminata นี่ดีจริงๆครับ พลังมากมายเกินพอ

รอเซียน noonman41 มาตอบ
แต่อย่าจับผม blind test เลยนะครับเดี๋ยวท้าผม blind test ผมเล่นแค่ทีวี 24" เองไม่มีสายแพงๆไม่มีปัญญามาเทสหรอก ฮ่าๆๆ

มีข้อสังเกตนิดนึง

การเปรียบเทียบเสียงหรือภาพมันต้องทำที่ช่วงของภาพหรือเสียงเดียวกันคับ

ในการใช้งานจริงของ ผกก หรือใน กองถ่าย มันเปลี่ยนแปลงฉาก เปลี่ยนแสงไปเรื่อย การเปลี่ยนสายพร้อมเปลี่ยนฉาก มันไม่น่าจะเปรียบเทียบกันให้รับรู้ได้นะคับ

แล้วสภาพความสว่างตรงจุดตั้งมอนิเตอร์อีก ส่วนมากในห้องดูหนังตามบ้านแสงน่าจะน้อยกว่ากองถ่ายปะคับ(อันนี้ไม่รู้) แล้วที่เค้าพูดๆกันว่าเห็นผล ก็คือประเด็นว่า ดำมันมืดกว่า สีอิ่มกว่า ถ้ารอบๆมอนิเตอร์แสงเยอะ ผมว่ามันก็ไม่เห็นความมืดกว่าที่ว่าแล้วนะ

ขอบคุณเฮียนะครับที่เข้าใจ

และขอบคุณทุกๆท่านที่เข้าใจ ว่าผมอยาก "แลกเปลี่ยนประสบการณ์"
ก็เพราะในนี้มีนักเล่นเยอะแยะไงครับ และผมก็เป็นนักเล่นคนหนึ่งเหมือนกัน
แต่เผอิญทำงานเกี่ยวกะไอ้แบบนี้ด้วย ก็เลยเล่าสู่กันฟังครับ

แค่นั้นเลย ที่มาที่ไป แล้วผมก็ไม่ใช่เซียนอะไรนะจ๊ะ
แค่ทำงานในด้านนี้เท่านั้นเอง

จะสังเกตว่าผมไม่ได้พูดถึงเรื่องเสียงเลย เพราะผมอยู่ในฝั่งที่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรเพียงนิดเดียว
มีผลทางเสียงครับ (แม้แต่สายUSB ผ่าน dac ต่างๆนานา) ที่หากใช้หลักคิดเดียวกัน มันก็น่าจะเหมือนเรื่องนี้
แต่กับทางเสียง มันมีขั้นตอนทางดิจิตอลผ่าน DAC แว้บเดียวเท่านั้นเองสัญญาณต่างๆที่จะถูกส่งผ่านต่อมันก็กลับมาเกี่ยวเนื่องกับวงจรอนาล็อคอีกแล้ว ดังนั้นมันต่างสิครับ อันนี้ผมก็เข้าใจเหตุผล ก็เชื่อ ก็ว่ากันไป

แต่กับทางภาพ สำหรับผมนะ มันไม่ใช่ฮะ มันดิจิตอลล้วนๆ ก็เลยเป็นที่มาของการพยายามหาคำตอบทุกวันนี้

หลายๆท่านเข้าใจ และ คุยกัยด้วยเหตุผล อันนี้ผมชอบจัง สนุกดีออกครับ
ตัวผมก็บอกอยู่ปาวๆ ว่าอยากทดสอบกับหลายๆคน อยากทำเทสต์เยอะไ จริงๆไม่แค่เฉพาะในนี้หรอกครับ
กับเพื่อนฝูงข้างนอกบอร์ด ผมก็พยายามศึกษาประเด็นเรื่องความต่างนี้อยู่เรื่อยๆ

มันไม่มีจบสิ้นหรอกครับ เรื่องความรู้ ก็เลยต้องถามชาวบ้าน คุยกับชาวบ้าน ลองกับชาวบ้านไปทั่วๆ
เพื่อแชร์ประสบการณ์ครับ ยินดีเสมอ

แต่ที่มันเกือบจะออกไปทางดุเดือดนิดนึง คือ ท่าน blackpie ดันเขียนไปในทำนองดูถูกวิชาชีพและยกตนข่มท่านน่ะครับ เท่านั้นเอง คือจริงๆผมก็ไม่อะไรนะครับ แต่ประเด็นเรื่องความต่างนี้มันก็ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนใช่ม้าาา
ดังนั้นผมว่าก็ไม่ควรมาโชว์เก๋า แบบปากดี แยกไม่ออกก็เลิกทำงานไปซะเถอะ บลาๆๆๆอะไรแบบนี้ผมว่ามันหมาครับ ขออนุญาต

ที่ท่าน Draco พูดมา ผมเห็นด้วยครับ เรื่องตัวแปรควบคุม ในกองจริงมันควบคุมไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ อันนี้จริง 555 ขืนเค้าถ่ายๆกันอยู่ ผมให้หยุดเพื่อเปลี่ยนสายในเซ็ตติ้งเดิมฉากและการแสดงแสงเดิมก็เกรงว่าจะโดนกระทืบครับ

แต่ผมก็เคยทดสอบในสภาวะที่ตั้งค่าทุกอย่างให้คงที่ได้คือในห้องโพสต์ครับ เล่นหนังจากไฟล์ RAW แล้วpause ในตำแหน่งเดียวกันแล้วเปลี่ยนสาย ก็ลองหลายแบบครับ ทุกวันนี้ก็พยายามทดสอบกันต่อไป 555

ต้องเข้าใจก่อนว่าในฐานะนักเล่นคนนึง ผมก็ไม่ได้อยากจะฟันธงเหมือนกัน และไม่ได้เลือกข้างด้วย ไม่ใช่เซียน แต่คนเรามันจะฉลาดกับพัฒนา มันก็ต้องขยันหาคำตอบ หาลู่ทางครับ ผมเชื่อแบบนั้น ความรู้ในทุกศาสตร์มันไม่ได้หยุดนิ่ง ยังไม่ตายก็ต้องขวนขวายหากัน เปิดกะลากันต่อไป

เน้นย้ำอีกครั้งว่า ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมแชร์ความเห็น แลกเปลี่ยนมุมมองกันครับ

ส่วนท่านใดที่มาด่า มาแซะ มากระแนะกระแหน เชิญตามสะดวกเช่นกันครับ
อย่าหวังมายุให้เกิดดราม่า ไม่เกิดหรอกครับ บอร์ดนี้คนดีๆ ฉลาดๆหลายๆท่านมีอยู่เยอะครับ
และก็คุยกันด้วยเหตุผล โต้ตอบกัยไปมา ซึ่งสนุกดี

ก็ยินดีรับฟังทุกความเห็นครับ และแน่นอนว่าก็ต้องมีแย้งกันบ้างอยู่แล้ว
ก็เพราะคนเรามันคิดไม่เหมือนกันไงครับ ขืนคิดเหมือนกันหมดทุกคน โลกนี้ก็ไม่ต้องมีเว็บบอร์ดพอดี -___-''
ท่านที่ผ่านมาบอกว่าแสดงความคิดเห็น ผมยินดีครับ เถียงกันแบบนี้สิดี เรื่องปกติ

แต่ไอ้พวกจะมาแซะคนอื่นนี่ ดูตัวเองด้วยนะครับ ตัวอย่างเช่น คห.ที่ 67
แนะนำว่ากินปลาบ้างนะครับ ผมว่าคนที่น่าสงสารคือคุณนะ อุ๊บบบส์ เรื่องที่จะมาถกด้วยก็ไม่มี มีมาแต่ดูถูกคนอื่น

ได้แต่เห่าแบบนี้ กินยาหลังอาหารมั่งครับ หวังดี และเป็นห่วง ^________________^

"แต่กับทางเสียง มันมีขั้นตอนทางดิจิตอลผ่าน DAC แว้บเดียวเท่านั้นเองสัญญาณต่างๆที่จะถูกส่งผ่านต่อมันก็กลับมาเกี่ยวเนื่องกับวงจรอนาล็อคอีกแล้ว ดังนั้นมันต่างสิครับ อันนี้ผมก็เข้าใจเหตุผล ก็เชื่อ ก็ว่ากันไป"


อันนี้ไม่ตรงประเด็นแฮะ เหตุผลที่ยอมรับว่าฟังออกว่าเสียงแตกต่างน่ะ
เพราะประเด็น นี้คือ สายที่ส่งสัญญาณ ดิจิตอล มีผลให้เสียงเปลี่ยน ตัวแปรที่กำลังคุยกันคือสายส่งดิจิตอล

คห.73 ร่ายมาซะดีสุดท้ายไม่วายไปหาเรื่องกัดเค้าอีกละ
ผมแค่อยากมาแนะนำถ้าคุณอยากซดมาม่าก็จงทำแบบนี้ต่อไปเถอะครับ แต่ถ้าอยากอยู่สงบๆผมแนะนำให้หนุดการกระทำแบบนี้มันไม่ดีกับตัวคุณหรอก ด้วยความหวังดีครับ

ไฟฟ้าไม่มี อนาลอค ดิจิตอลครับ
ไฟAc Dc มีศักย์ไฟ กับ กระแส
ไฟ Ac มีรูปคลื่น...กับ ความถี่ ที่เพิ่มมา
สัญญาณดิจิตอล เป็น ไฟ Ac ความถี่สูง รูปคลื่นสี่เหลี่ยม ก็แค่นั้น
-------
อุปกรณ์ ทุกชนิด มันก็ทำงานตามคุณลักษณะางไฟฟ้าของมัน
ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่R C L /IC ลายวงจร สายสัญญาณ อืนๆ

อ่านแล้วก็รำคาญ tiger silver นะ
ความรู้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เห็นมาพร่ามอยู่ได้ กลัวตกเทรนหรือครับ

ถ้าจะมาแนวความรู้ ก็แสดงให้มันเห็นกันชัดๆครับ มาแบบแนวกว้างๆ แล้วพึมพัม น่าเบื่อครับ

ถ้าเบื่อก็อย่าอ่านครับ ....พยามสรุปสั้นๆ...ให้เข้าใจง่าย

ไอ้ที่คุณเขียนมาน่ะ มีแต่น้ำ ถึงรำคาญไง

ถ้าจะมาแนวความรู้ ก็อธิบายด้วยทฤษฎีมาเลยว่า มาแนวพร่ามๆอย่างนี้ อ่อนจริงๆนะ
วกไปวกมา เอาเวลาไปบัดกรีสายขายเถอะ
คนที่รู้จริง ตอบถูกในนี้มีจริง และก็ไม่ต้องมายืดยาว น้ำท่วมทุ่ง

อยากเสพมาม่า ....เอามาม่า 5ปีก่อน มาให้เสพครับ
http://www.overclockzone.com/forums/showthread.php/1251814-%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5-%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A5-(01)-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1

แหม่ๆๆๆ นุ่นแมนเจ้าเดิมแต่ถอดโขนมาแขวะดูลักษณะการพิมพ์ก็รู้เคาะบ่อยๆเหมิอนคนอื่นจะไม่รู้เลยระวังจะอยู่ยากนะจ๊ะ
ปล.อยากซดมาม่าซู้ดดดดดดด

แวะมาเก็บข้อมูลครับ

ส่วนตัว ฟังก็ไม่ค่อยออก แต่ที่แน่ๆเดี๋ยวจะเปลี่ยนจากเสียบ usb ช่องข้างๆสายไฟคอม ไปเสียบฝั่งตรงข้ามละครับ :) คอมผมมีusbสี่พอท ด้วยความที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้ ดั้นเลือกเสียบพอทที่มันติดกะสายไฟที่สุด เพราะมันดูเรียบร้อยดี แป่ว.....