น้องที่ผมรู้จัก
เคยทำร้านเครื่องเสียงรถยนต์
เรียนจบวิศวกรมา
ให้คำแนะนำลูกค้าที่เข้ามาร้าน
โดยสอบถามจากลักษณะของเพลงที่ชอบฟัง
แล้วประเมินอุปกรณ์ให้
เคยโดนลูกค้าว่าเสีย ๆ หาย ๆ
หาว่าดูถูกที่แนะนำชุดธรรมดาที่คุณภาพสมราคา
สำหรับฟังเพลงทั่ว ๆ ไปให้ เช่น เพลงไทยค่ายต่าง ๆ
เพื่อความคุ้มค่าเงินของลูกค้า

บางคนเข้าร้านมา ก็มองไปรอบ ๆ ร้าน
พอไม่เห็นชุด Hi-end หรือของแพง ๆ ในร้าน
ก็ว่าร้านนี้ไม่ได้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลองฟัง

ก็ว่ากันไปครับ

อยู่ที่ลูกค้าเองนะครับ ผมว่า...ต้องอยู่กับความพึงพอใจด้วยแหละ ส่วนตัวเคยใช้ช่างโมได้ของมาแล้วไม่ถูกใจ แต่ก็ไม่ได้ผิดที่ช่างโมครับ จะไปโทษเค้าก็ไม่ถูกเพราะเค้าทำของออกมาก็ต้องโฆษณาถึงข้อดีต่างๆเพราะว่าเค้าขายของ อยู่ที่เราต้องมีวิจารณญาณเองก่อนตัดสินใจ
แต่ที่เคยใช้บริการช่างโมแล้วถูกใจ ได้ของคุ้มค่าเกินราคาก็มีมากครับ

Tangible Cost 1000 + Intangible Cost 19000 เค้ายินดีจ่ายก็นะ

บางเรื่อง ไม่ลองไม่รู้ ต้องลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง หากมีข้อผิดพลาดก็ให้ถือเป็นบทเรียน พวกเซียนทั้งหลาย ต่างก็เคยลองผิดลองถูกมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่ตายตัว ไม่มีผิดถูก อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลล้วนๆ หูฟังตัวละสองร้อย โมสายเส้นละหกพัน ถ้าฟังแล้วชอบและมีความสุขก็ไม่เสียหายอะไร

คือ สายมันเห็นผลจริงๆนะคุณภาพตัวนำ สุดท้ายหูกากๆพัง ยังย้ายสายไปลงตัวอื่นได้อีก ลงทุนสายรอบเดียว

1. หูฟัง 11,000
2. หูฟัง 1,000 + สาย 10,000

ถ้าเขาเห็นว่าข้อ 2 มันให้เสียงได้สมกับเงิน และชอบมากกว่า ก็ไม่เห็นแปลกครับ ..และสายมันเอาไปใช้ตัวอื่นได้

การโม หามองในเชิงปริมาณ คุณภาพ/ราคา ส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
แต่บางครั้ง ผมว่าคนอยากโม...ถ้าเขาศึกษาข้อมูลดีๆแล้ว ความพอใจ เป็นเป้าหมายที่สำคัญกว่าความคุ้มค่ามั้งครับ ถ้าถูกใจก็พอใจจะจ่าย ไม่ได้เอาความคุ้มค่าเป็นประเด็นตัดสินใจ

เด็กค้า เด็กๆ วัยรุ่น หรืออะไรก็ตาม มีเงินก็ทำให้เค้าไปเถอะครับ มันไม่ได้อยู่ที่อายุหรอก

เหมือนเต้นรถ คนซื้อต้อง 20 ถึงทำสัญญาได้ แต่เจ้าของเต้นบอก อายุไม่ถึงเงินสด เอากี่คัน ได้เลยครับ ขอให้แต่มีเงิน

แต่ช่างควรแนะนำในเรื่อง ความคุ้มค่ามากกว่า เพราะหูฟังบางตัวมันไปได้เท่านี้ เอาสายเส้นแสนแปดมาใส่ ก็ดีขึ้นสักห้าบาท แบบนี้ ช่างควรแนะนำว่า ไม่ควรทำ เพราะไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
มากกว่าน่ะครับ คหสต