
เรื่องย่อ
ตัวหนังเล่าถึงยุคหลังเหตุสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯสิ้นสุดลง จอห์น รูธ มือแขวนคอในตำนานกำลังนักโทษหญิง เดซี่ โดเมิร์กู ไปเมืองเรดร็อกเพื่อประหารชีวิต ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับ ผู้พัน มาร์คิส วอร์เรน สุดยอดนักล่าค่าหัว และ คริส แมนนิกซ์ ว่าที่นายอำเภอเมืองเรดร็อก ซึ่งกำลังติดอยู่กลางพายุหิมะ จอห์น ยอมให้ทั้ง2ร่วมทางมาด้วย พวกเขาแวะพักที่กระท่อมหลังหนึ่งซึ่ง มาร์คิส เรียกว่าร้านตัดเสื้อของมินนี่ โดยหารู้ไม่ว่ามีคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งกำลังรอพวกเขาอยู่
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยครับว่า ส่วนตัวพึ่งเคยดูหนังของQuentin Tarantino ในโรงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก
และหลังจากดูจบ ผมขอบอกไว้เลยว่า Quentin Tarantino ได้ฝากอีกหนึ่งงานศิลป์แห่งโลกภาพยนตร์ไว้อีกแล้วครับ
หนังเรื่องนี้ยังคงกลิ่นอายของ Quentin Tarantino ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะ ฉากสู้เลือดสาด บทพูดที่โคตรอภิมหายาวเหยียด ตัวละครที่ขยันกวนตีนกันและกัน และก็ฉากเซ็กซ์วิตถาร จึงไม่แปลกเลยที่เรื่องนี้จะได้เรทR ไปโดยปริยาย ( จริงๆหนังเฮียแกก็Rหมดอยู่แล้ว)
งานรายละเอียดต่างๆในหนังนั้น ยังคงเนี๊ยบกริบทุกระเบียดนิ้ว เนี๊ยบแม้กระทั่งในสิ่งที่หนังเรื่องอื่นๆเลือกที่จะมองข้ามไป ไม่ว่าจะเรื่องสภาพแวดล้อม ความเป็นเหตุเป็นผลของการกระทำของตัวละคร รวมถึงรายละเอียดของสิ่งของประกอบฉากแทบทุกชิ้น จะไม่เนี๊ยบอยู่อย่างเดียวก็เลือดคนที่กระจุยกระจายเกินเหตุในแต่ละฉากนี่แหละ
แต่เรื่องนี้ผมอยากจะติอยู่นิดหน่อย ตรงที่หนังพี่แกเล่นซ่ะ3ชั่วโมง ใจคอเฮียน่าจะให้มีหลายๆฉายหน่อยก็ดีน่ะ หนังบ้าอะไรไม่รู้แค่สร้างกระต๊อบหมาแหงน โรงม้า บ่อน้ำ ห้องส้วม กับ รถม้า แค่นี้ก็ถ่ายหนังได้ตั้ง3ชั่วโมง ดีไม่ดี เผลอๆไม่ได้สร้าง แค่ไปหายืมเค้ามาถ่ายเอา
**อันนี้หลอนส่วนตัวครับ ปกติถ้าพูดถึงหนังคาวบอยคงจะนึกถึง ปืน ทะเลทราย และแดดเปรี้ยงๆ แต่นี่หนังคาวบอยบ้าอะไรไม่รู้มีแต่หิมะกับเสียงลมอันหวีดหวิวอยู่ตลอดเรื่อง จากที่ปีนี้ไม่ค่อยหนาว ก็ได้มาหนาวแบบหลอนๆกับหิมะและเสียงลมในเรื่องนี้แทน ผมละอยากกระโจนไปผิงเตาผิงในหนังชะมัด**
ส่วนต่อมาไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือเรื่องของตัวบท แน่นอนว่าหนังของเฮียแก ย่อมมาพร้อมบทพูดที่ยาวชิบหายวายวอด จากเวลาหนังทั้งหมด3ชั่วโมง7นาที พูดกันเกือบสองชั่วโมงครับ แต่มันก็เป็นเอกลักษณ์ของตาเควนตินเค้าครับ หนังเฮียแกจะไม่มีมาบอกกันโต้งๆว่าคนนู้นใจดี คนนี้โกหก คนนั้นเชื่อถือได้ บทพูดในหนังของแก นั้นมันจะค่อยๆแนะนำตัวละครและนิสัยใจคอจากการปะทะคารมกันในเรื่อง และแววตาสีหน้าระหว่างปะทะคารมกันด้วย และเรื่องนี้ก็ได้อาศัยบทพูดที่ถึงแม้จะยาวชิบหายวายวอด แต่ก็เอามาใช้ได้คุ้มดีมากครับ เพราะคนดูตอนแรกๆจะรำคาญแต่มันจะมีเซอร์ไพร์สในตัวบทพูดของแต่ล่ะคนไม่ว่าจะสิ่งของหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่คุยกันเป็นตัวที่สร้างเอกลักษณ์ให้คนดูได้จดจำตัวละครและนิสัยใจคอของตัวละครต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ และพอคนดูเริ่มจำสิ่งต่างๆ(และเริ่มเคยชินกับความอภิมหายืดของหนัง)ได้แล้ว ก็จัดการเริ่มเนื้อเรื่องที่แท้จริง
จากใบปิดและหนังตัวอย่าง เราอาจจะนึกว่าธีมเรื่องนี้ต้องมาแบบคาวบอยจ๋าแน่นอน แต่บรรยากาศในเรื่องกลับไม่ใช่ครับ บรรยากาศโดยรวมของตัวหนังนั้นออกไปทางนิยายนักสืบ ถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงการ์ตูนโคนัน ไม่ก็คินดะอิจิ ดูครับ
เริ่มจากความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่ต่างคนต่างไม่ไว้ใจกัน บางคนเหมือนจะซี้กันแต่ก็เหมือนจะชักปืนมายิงกันอยู่ตลอด
ต่อมาก็สถานการณ์ ต่างคนต่างติดพายุหิมะ ในกระท่อมหลังเล็กๆเหมือนๆกัน และเกิดเหตุการณ์ขึ้นหลายๆอย่าง ซึ่งจากสภาพโดยรวมมันก็บ่งชี้อยู่ชัดๆว่า คนร้ายต้องอยู่ในที่นี้ชัวร์
แม้กระทั่งมุมกล้อง ซึ่งจะคอยจ่อเน้นไปที่รายละเอียดสำคัญๆ อยู่ตลอด เพื่อให้เราจำได้
แต่สิ่งที่ต่างกับพวกนิยายนักสืบก็คือ ถ้าเป็นในนิยายนักสืบ จะมีตัวละครที่เป็นนักสืบคอยวิเคราะห์ให้เราฟัง แต่หนังเรื่องนี้แต่ละตัวละครจะคอยวิเคราะห์กันและกัน ให้นักสืบซึ่งในที่นี้ก็คือผู้ชม นั้นผูกประสานเรื่องกันเอาเอง
และแม้จะเป็นหนังที่ชวนสับสนขนาดนี้ แต่ไม่ต้องกลัวครับ เรื่องนี้เฉลยครบครับ และเฉลยได้กระจ่างแจ้งแสงอาทิตย์ครับ ไอ้ผมตอนดูเหมือนกันมึนๆเหมือนกัน มารู้เรื่องทั้งหมดก็เอาตอนเฉลยนี่แหละครับ555
ถ้าเป็นหนังทั่วไปเฉลยปุ๊ปอาจจะหาทางลงให้เรื่องจบปั๊บ แต่เรื่องนี้ไม่ครับ ยังมีเหตุให้ลุ้นกันตัวโก่งต่อ และนี่ผมนับให้เป็นจุดClimaxเลย ลุ้น+ฮาสุดตรีนครับ ไม่สปอยล์ ปล่อยให้ลุ้นกันเองแล้วกัน เดี๋ยวไม่สนุกครับ
สรุป
สำหรับใครที่เบื่อหนังที่เล่นตามสูตร เข้าตามตรอกออกตามประตู อยากลองหนังที่เดาฉากต่อไปไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไปดูกันได้ครับ ถือว่าเป็นหนังแก้เลี่ยนได้ดีทีเดียว
แต่ถ้าใครยังสองจิตสองใจ กลัวรับกันแนวหนังแบบนี้ไม่ได้ ก็ลองหาหนังเรื่องก่อนๆของ Quentin Tarantino มาดูก่อนได้ครับอารมย์ไม่ต่างกันมาก ถ้าดูแล้วรับกับบทพูดยาวๆและฉากโหดๆได้ ก็ลุยโลดครับ
ที่ต้องเตือนก่อนเพราะหนังมันเฉพาะแนวจริงๆ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนครับสำหรับหนังของผู้กำกับคนนี้
ส่วนตัวสำหรับเรื่องนี้ผมให้ 7.8/10 แล้วกัน
สำหรับหนังคาวบอยอันหนาวเหน็บ
ให้ต่ำหน่อยเพราะช่วงแรกมันอืดเหลือกินจริงๆ น่าจะใส่อะไรฮาๆมาเยอะกว่านี้หน่อย ขนาดได้พันธมิตรมาพากย์ ผมยังรู้สึกว่ามุกตลกมันน้อยเกินไปเลย + ตัดไอ้พวกถ่ายวิวทิวทัศน์ออกบ้างน่าจะดี เยอะเกิ้น