
หลังจากเปลี่ยนดาราที่รับบท เจมส์ บอนด์ จาก เพียซ บรอดแนน มาเป็น แดเนียล เคร็ก
นี่ก็นับเป็นภาคที่4 แล้วที่แดเนียล เคร็ก ได้มารับบทเป็นสายลับอังกฤษ เจมส์ บอนด์ ที่หนุ่มๆทั่วโลกต่างอิจฉา
โดยชื่อของภาคนี้ก็คือ SPECTRE นั่นเอง
ซึ่งชื่อSPECTRE นั้น หากเป็นแฟนบอนด์ตัวยงค์ คงน่าจะรู้ดีว่าเป็นชื่อขององค์กรที่อยู่เบื้องหลังตัวร้ายในภาคต่างๆ ในสมัยภาคเก่าๆนั่นเองครับ
ซึ่งภาคนี้ก็ยังได้ผู้กำกับSam Mendes คนเดิมจากภาคSkyfall มากำกับ
และดนตรีประกอบก็ยังเป็นหน้าที่ของThomas Newman คนเดิมจากภาคSkyfall เช่นกัน
และตัวร้ายซึ่งเป็นหัวหน้าขององค์กรนี้ก็ได้ดาราดีกรีออสการ์2สมัยอย่าง Christoph Waltz มารับบทนี้
ส่วนสาวๆของป๋าบอนด์ของเราก็ได้ Monica Bellucci ( Malena,Shoot'em Up ) และ Léa Seydoux (MI:4) มาร่วมกันแสดงฝีมือด้วยครับ
จากองค์ประกอบโดยรวมข้างต้นจะเห็นได้ว่า หนังบอนด์ภาคนี้ ก็ยังคงได้ส่วนผสมชั้นยอด ให้มาผสมผสานให้เป็นหนังสายลับระดับพระกาฬดังเช่นภาคที่แล้วๆมา
ใครที่ยังไม่ได้ดูภาคเก่าๆ ก็ดูภาคนี้ได้รู้เรื่องครับ มีฉากแอคชั่นเยอะพอสมควร ดนตรีประกอบก็เร้าใจ โดยรวมดีพอสมควรครับถ้าไมเอาไปเทียบกับภาคก่อนๆน่ะ
แต่.....
.
.
.
(ต่อไปนี้เป็นการสปอยด์ขั้นวินาศสันตะโร ใครที่กำลังจะไปดูข้ามไปก็ดีนะครับ)
.
.
(เราเตือนท่านแล้วนะ)
.
.
หนังบอนด์ภาคนี้ ในมุมมองของผม ผมก็ไม่เข้าใจเหมือกันว่าจากส่วนผสมที่เรียกได้ว่าชั้นยอดของยอดแล้ว
แต่หนังที่ปรากฏออกมาดันมีช่องโหว่มากมาย และการโฆษณาแบบหน้าด้านๆ ซึ่งแม้หนังบอนด์จะขึ้นชื่อเรื่องโฆษณาอยู่แล้วก็ตาม แต่ไม่มีหนังบอนด์ภาคไหนที่โฆษณาได้น่าเกลียดเช่นนี้มาก่อน
และงานที่ออกมาก็เรียกได้ว่าเก็บงานได้ไม่เนี๊ยบเอามากๆ โดยไล่จาก
.
ฉากเปิดตัวของเรื่อง เป็นฉากที่ป๋าบอนด์ไปปฏิบัติภารกิจที่เม็กซิโก ในฉากนี้มีจุดเด่นตรงLong Take ตั้งแต่เดินท่ามกลางฝูงชนจนไปถึงตั้งปืนเล็งเป้าหมาย ซึ่งทำออกมาได้ลื่นไหลและเนียนดี และฉากที่ตึกถล่มใส่พระเอกก็ดูสมจริงและน่ากลัวใช่ย่อย หลังจากนั้นพระเอกก็วิ่งไล่ตามตัวร้ายไปในท่ามกลางฝูงชนที่เฉลิมฉลองเทศกาล!!!!! คือ งงมากว่า มีระเบิดน่ะครับ+ตึกถล่มทั้งหลัง แต่พี่ประชาชนแกไม่สน ไม่กลัวว่ามีเหตุก่อการร้ายเลยรึ!!!
.
ฉากสอง ที่อิตาลี ฉากนี้ป๋าบอนด์แกก็มาตามคำสั่งเสียของเจ๊M ว่าถ้าเจ๊แกตาย ให้มางานศพของคนๆนึงหน่อย ซึ่งงานศพนี้ เป็นศพของหนึ่งในลูกน้องตัวร้าย ป๋าบอนด์แกก็แฝงเนียนไปร่วมงานศพเฉ๊ย และก็ได้เจอกับ Monica Bellucci ที่งานศพนี้เอง ซึ่งฉากนี้กล้องโฟกัสที่แว่นตาพระเอกได้ชัดมาก และรู้สึกว่ากลัวไม่ชัดพอ พี่ตากล้องแกก็เลยซูมแว่นเจ๊Monicaอีกอันให้รู้ว่าเป็นยี่ห้อเดียวกัน พอเจอกันปุ๊ปพระเอกแกก็ตามไปบ้านเจ๊ และได้ช่วยเจ๊จากบรรดามือสังหารไว้ เจ๊ก็เลยตอบแทนด้วยการบอกว่าพวกตัวร้ายมันจะประชุมกันคืนนี้ จากนั้นป๋าบอนด์ก็ปฏิบัติกิจที่คุณก็รู้ว่าอะไรก่อน แล้วจากนั้นก็ไปเนียนร่วมประชุมตัวร้าย
พอไปประชุม และโดนตัวร้ายจับได้ ป๋าแกก็หนีมาด้วยรถAston Martin โดยมีตัวร้ายขับซูเปอร์คาร์อีกคันไล่ตาม ฉากนี้นั้นผมบอกตรงๆเลยว่า ตั้งแต่ดูหนังสายลับมา ไม่เคยเห็นเรื่องไหนขับรถไล่กันได้ถนอมรถเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว ขับไปนี่ก็โฆษณาไปด้วยว่าเกาะถนนดี เข้าโค้งแจ่ม วิ่งทางลาดเยี่ยม ขับขี่ได้ดีจนแทบไม่ชนอะไรเลย ถามว่ารู้ได้ไง ก็พี่ตากล้องซูมให้ดูอีกตามเคยครับ
.
ฉากสามไล่ล่าบนเขา ผมขอเล่าตัดไปเลยนะครับว่าป๋าแกมาเจอ Léa Seydoux ได้ไง เอาเป็นว่าแกต้องมาช่วยนางเอกคนนี้แล้วกัน ซึ่งฉากนี้ผู้ร้ายได้ขับรถลักพาตัวนางเอกไป ป๋าแกก็เลยจัดหนัก ขับเครื่องบินตาม ตอนแรกเห็นแกขับเครื่องบินมาก็ โอ้ววว อยู่น่ะ แต่นานๆไปเริ่มรู้สึกว่าเครื่องบินแกมันเป็นภาระมากกว่าประโยชน์อ่ะ พระเอกโดนเล่นคาเครื่องบินแทบทั้งฉาก จนสุดท้ายแกก็เอาเครื่องบินชนรถผู้ร้าย(ซึ่งเหมือนผู้ร้ายมันเลี้ยวมาให้ชนมากกว่า) และช่วยนางเอกไว้ได้ จากนั้นนางเอกก็พาไปที่ที่จะไปหาหัวหน้าตัวร้ายได้ซึ่งต้องนั่งรถไฟไป
.
ฉากสี่ บนรถไฟและบ้านตัวร้าย จากฉากก่อนหน้าจะเห็นได้ว่าพระ-นาง ได้สบักสบอมกันพอสมควร ก็เลยเปลี่ยนชุดให้ดูดีแล้วดินเนอร์กันบนรถไฟซ่ะหน่อย ตัวร้ายก็โผล่มาตามเคย ก็สู้ๆกันพระเอกชนะตามเคย นางเอกถามทำไรต่อไปดี ตัดมาก็สบึรึหึ่มกันซะงั้น เฮ้อไปเอาอารมย์มาจากไหนกัน(ว่ะ) ตัดมาถึงสถานีปลายทาง พอลงรถเท่านั้นแหละผมงงเลย เพราะกระเป๋าทั้งสองคนมันใบจิ๊ดเดียว มันใส่ชุดที่ดินเนอร์เมื่อคืนได้ไงโดยที่ไม่ยับซักแอะ คือแบบสูทตัวเบอเริ่ม กับชุดราตรียาวผ้าชิ้นเดียวทั้งชุด มันเอาไปใส่ไว้ตรงไหนฟร่ะ
ต่อมาถึงบ้านตัวร้าย ก็มีการ์ดมาบอกให้ส่งอาวุธออกมาป๋าแกก็ถอดปืนให้ไปกระบอกนึง แล้วการ์ดมันก็หนี คือการ์ดมรึงไม่คิดหน่อยเหรอว่ามันอาจพกมาหลายกระบอกไม่คงไม่ค้นตัวซักแอะ แล้วฉากต่อมาก็คือไปยืนคุยกับหัวหน้าตัวร้าย Christoph Waltz ในห้องเก็บอุกกาบาต ซึ่งห้องแมร่งกว้างมากและในห้องมีแค่พระเอกนางเอก กับป๋าWaltz สามคนถ้วน ซึ่งตัวร้ายมรึงก็ไม่กลัวพระเอกจับหักคอซักหน่อยเลยเรอะ อยู่ด้วยกันซะเย็นใจจริ๊ง หลังจากพาไปเยี่ยมชมSingle Gatewayของตัวร้ายแล้วป๋าบอนด์แกก็โดนปืนทุบสลบ ฟื้นมาก็เป็นฉากป๋าบอนด์โดนทรมาน แต่ก็รอดมาได้เพราะระเบิดนาฬิกา จากนั้นก็วิ่งฝ่าดงปืนหนีออกมา โดยที่ลูกน้องตัวร้ายมาเป็นฝูงไล่ยิงพระเอกที่วิ่งเป็นเส้นตรงในที่โล่งไม่โดนสักนัด แถมโดนพระเอกเมพเก็บไปอีกหลายคนอีก ต่อมาพระเอกสงสัยขี้เกียจยิงเบ๊แล้ว แกเลยยิงท่อแก๊สให้ระเบิดแทน ส่งผลให้รังหัวหน้าตัวร้ายอันสุดเมพผู้ที่คอยชักใยตัวร้ายภาคก่อนๆให้มาทำลายชีวิตพระเอก พังได้เพราะกระสุนนัดเดียว คือแบบยังไงดีล่ะ รังมึงแตกง่ายไปมั้ย เกิดกูอยากเผาบ้านมึง แค่เอาไรเฟิลมาซูมยิงทีเดียวก็ระเบิดยกรังอย่างนี้ก็ได้เหรอ ยิงปืนนัดเดียวได้ตัวร้ายยกรัง555
.
ฉากสุดท้าย ก็ไม่มีอะไรมากแค่หัวหน้าตัวร้ายให้พระเอกไปวิ่งตามหานางเอกที่ถูกจับมาซ่อนในตึกMI6เก่า โดยตั้งระเบิดเวลาให้พระเอกมีเวลาหา3นาที แต่รู้สึกว่าหัวหน้าตัวร้ายแกกลัวพระเอกแกจะไม่รอด แกเลยปล่อยตาข่ายใว้ให้พระเอกใช้แทนลิฟต์ และเหลือเรือยางไว้ให้พระเอกขี่หนีออกมาทางใต้ดิน คือมรึงวางแผนฆ่าพระเอกได้เหมือนไม่อยากฆ่าพระเอกมาก พอพระเอกหนีมาได้ก็โชว์เมพด้วยการยืนบนเรือยางที่ทั้งกระดอนและส่าย ใช้ปืนพกเล็งยิง ฮ. หัวหน้าตัวร้าย และเสือกยิงโดนอีก มึงจะเทพไปแล้ว และยิงโดนนี่ไม่โดนธรรมดาด้วย โดนจนเครื่องระเบิด ฮ.ตกลงที่สะพานข้ามแม่น้ำ หัวหน้าตัวร้ายรอดโดนจับเข้าตะรางไปจบ
.
สรุป
ข้อเสีย
ที่เล่าๆมาด้านบน
ดนตรีประกอบก็รู้สึกจะเอาจากภาคSkyfallมาใส่เกือบทั้งหมด แต่งใหม่นิดเดียว
เอาป๋าChristoph Waltz มาเผาให้เสียของชัด ปูมาอย่างดีว่าเป็นถึงหัวหน้าของหัวหน้าตัวร้ายภาคก่อนๆ แต่ตอนจบเห่ จบได้แบบโง่โคตรๆอ่ะ ลูกน้องมาเห็นเข้าคงเอามือกุมหัว แล้วคิดในใจว่า นี่หรือลูกพี่ตรู จบเห่ได้ไม่สมศักดิ์ศรีเอาซ่ะเลย
ข้อดี
Long Take ฉากแรก
Léa Seydoux สวยมากก ก.ไก่ล้านตัว ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมดูหนังเรื่องนี้จนจบครับ
.
สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าภาคนี้เอางบสามร้อยล้านเหรียญไปผลาญกับอะไรไว้บ้าง เพราะโดยรวมมันก็ไม่ค่อยอลังการเท่าภาคก่อนๆด้วยซ้ำ สงสัยเอาไปจ่ายค่าตัวประกอบฉากแรกหมด เห็นว่าเกณฑ์มาเข้าฉากกันหลักพันคน ซึ่งจริงๆใช้ CGเอาก็ได้