ไม่ใช่คุณหมูหวาน แต่อยากตอบ อิอิ

fpga เป็นไอซีที่มีโลจิกเกทอยู่ข้างในจำนวนมาก เราสามารถโปรแกรมเอาชุดลอจิกในนั้นมาต่อๆกันเป็นวงจรดิจิตอลอะไรก็ได้ ยิ่งมีชุดลอจิกมากก็สามารถทำวงจรที่ซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นได้

ในที่นี้เขาเอาเจ้าลอจิกพวกนี้มาต่อกันกลายเป็น dac ซึ่งก็แล้วแต่เขาละครับว่าจะเขียนออกมาเป็น dac แบบไหน

ข้อดีคือมันเปลี่ยนเสียงไปได้เรื่อยๆตามโปรแกรมที่ใส่เข้าไป

ข้อเสีย(ผมคิดเอาเอง) ผมว่ายังไงอุปกรณ์ที่ทำงานได้จับฉ่าย ยังไงมันก็ไม่น่าจะสู้อุปกรณ์ที่ทำขึ้นมาเฉพาะได้นะครับ คือคิดง่ายๆ จาก a ไป b ถ้าผ่าน fpga อาจจะต้องใช้ลอจิกภายในมันมาต่อสัก 3-4ชุด แต่กับชิพ dac ที่เขาออกแบบภายในมาโดยเฉพาะอยู่แล้วน่าจะจบในขั้นตอนเดียว อีกอย่าง บริษัทที่ผลิตชิพ dac เขาวิจัยกันเรื่อง dac กันมายาวนาน แต่ fpga เนี่ยเหมือนกับเอาคอมสำเร็จรูปมาแล้วเขียนโปรแกรมยัดลงไป ...คิดดูเอาละกัน

แต่มันคือจุดขายและจุดแข็งของเขา ถ้าใช้ชิพ dac สำเร็จรูป ใครๆก็เลียนแบบได้ เอาชิพเดียวกันมาทำอุปกรณ์คล้ายๆกันก็ออกมาเสียงพอๆกัน แต่ fpga ชิพเดียวกันโปรแกรมคนละตัวมันก็คนละเรื่องครับ อีกอย่าง ชิพ dac มันถูก ตัวนึงราคาไม่กี่ร้อย player ราคาเป็นแสน หัวใจมันใส่ dac ราคา 400 ......มันดันราคายาก ใส่ fpga เข้าไป แพงหน่อย ไหนจะโปรแกรมภายในที่ไม่มีใครลอกเรียนได้ ทีนี้ล่ะตั้งราคาแค่ไหนก็ไม่น่าเกลียด อิอิ

ยังไงก่อนจะหลงไหลไปกับจุดขายของเขา น่าจะลองฟังเทียบกับที่ใช้ชิพ dac ราคาพอๆกันดูก่อนครับ

ปล.คนขาย dac ที่ใช้ชิพ fpga จะตามมาต่อยผมไหมเนี่ย ฮ่าๆๆ

ลืมไป เพิ่มเติมนิดนึง คือเสียงที่ออกมามันแล้วแต่คนเขียนโปรแกรมลอจิกน่ะครับ ไม่แน่นะ เขาอาจจะเขียนจนมันออกมาเสียงดีกว่า dac สำเร็จรูปก็ได้ ก็คงต้องลองฟังกันไปก่อนที่จะตัดสินใจครับ

เอามาเพิ่มอีกหน่อยเดี๋ยวจะว่าผมพูดลอยๆไม่มีหลักฐาณ อิอิ
http://en.wikipedia.org/wiki/Field-programmable_gate_array
อันนี้จะบอกเลยว่า fpga คืออะไร

ขอบคุณมากครับสำหรับคำอธิบาย


คือบังเอิญไปเห็นว่า Hugo ก็ใช้ FPGA เหมือนกันเลยแอบสงสัยแหละครับว่ามันน่าจะดีเหมือนกันหรือเปล่าน่ะครับ

ตอนนี้พอจะเข้าใจขึ้นบ้างละครับ

ตามที่พี่ Noppong บอกเลยครับ

การออกแบบ Chip DAC นั้นจริงๆแล้วใช้วงจร Logic Gate ในการออกแบบทุกตัวครับ
ซึ่งแต่ละค่ายที่ออกแบบ Chip ก็จะใส่ Logic ต่างๆ ยัดใส่เข้าไปแบบสำเร็จรูปครับ
เพื่อให้ได้ค่า หรือเสียงตามที่ผู้ออกแบบต้องการ ซึ่งอาจจะไม่ยืดหยุ่นต่อการใช้งานมากนัก
เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลง Algorithm การทำงานภายใน Chip DAC ได้
แต่ง่ายสำหรับผู้ออกแบบ DAC เพราะเพียงแค่ใส่ Clock ดีๆ หรือทำภาค Analog Out ดีๆ ก็สามารถใช้งานได้แล้วครับ

การที่บางค่ายเอา Chip FPGA มาออกแบบ เขียน Algorithm ใส่เข้าไปเองนั้น มีความซับซ้อนกว่ามาก
แต่เพื่อให้ได้เสียงอย่างที่เค้าต้องการ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ครับ ซึ่ง DAC ที่ใช้ FPGA จะมีแนวเสียงที่แตกต่าง
จากค่ายอื่นๆอย่างชัดเจน และสามารถใส่การทำงานที่ซับซ้อนกว่า Chip DAC ปกติได้เยอะเลยครับ
อย่างเช่นค่าย Chord เค้าใส่การคำสั่ง Filter ในการแปลง PCM แบบพิเศษเข้าไป
ทำให้การถอดสัญญาณเสียงออกมามีความสมจริง และต่อเนื่องตามที่เค้าต้องการครับ

ส่วนเรืื่องเสียงนั้น เป็นเรื่องของรสนิยมจริงๆครับ ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหน
แต่มันขึ้นอยู่กับเราว่าจะชอบเสียงของค่ายไหนมากกว่าจ้าา ^^

ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับความรู้ดีดีครับ