ไปเจอมาจากในเนตครับ ขอบคุณเจ้าของข้อมูลมา ณ ที่นี้ครับ

ต้นฉบับ http://archive.wunjun.com/em30club/1/15.html


การปรับแต่ง rockbox
แนะนำเรื่องการปรับแต่งตั้งค่าต่างๆของ RockBox นะครับ หลายท่านอาจรู้แล้ว แบบคร่าวๆว่า...
ในการใส่เพลงใหม่ทุกครั้ง (ลงใน card )
ให้เปิด program RB (rockbox)
ไปที่ settings
General Settings
Database
Update Now ทุกครั้งนะครับ เสมือนกับการ reload card ครับ
จะทำให้มองเห็นเพลงที่เราเพิ่งลงไปล่าสุดทุกครั้ง เฉพาะเวลาที่เราลงเพลงใหม่ใน card นะครับ
แล้วก็ออก program RB แล้วก็เข้าใหม่อีกครั้งก็เล่นได้เลย
(เวลาออก program RB ให้กดที่ ปุ่มด้านข้างซ้าย ล่างปรับเสียงครับ ทุกครั้งที่จะออกให้กด หยุดเพลงด้วยนะครับ )

ต่อมาในเรื่องของปรังแต่งเสียง
อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ หูใครหูมัน แต่ที่สำคัญคือให้ไปปรังที่ crossfeed ออกก่อนนะครับ
เป็น Program ปรับแต่งที่ไม่เวิร์คนะผมว่า ทำให้เสียงเบสแตก (จะอธิบายอีกทีว่ามันคืออะไร)

ให้ไปที่
Settings
Sound Settings
Crossfeed
เข้าไปที่ Crossfeed อีกครั้ง
เลือก NO ครับ
เป็นอันเสร็จ
ลองฟังดูจะพบว่าเปิดดังเท่าไหร่เสียงเบสก็ไม่แตกแล้ว

Crossfeed คืออะไร?
มันเป็นการจำลองเสียง ให้เกิดเสียงเป็น ซ้าย กลาง ขวา ให้ชัดเจนโดยเน้นการ
รวมเสียง(โดยเฉพาะ เสียงกลอง และ เบส ) ที่อยู่ในช่วง 500-2000 Hz
ให้เป็นลักษณะ mono ให้เสียงอยู่ตรงกลาง เพื่อจะให้เวลาเราฟังเพลง เสียงจะได้ออก
มาเป็นลักษณะ ซ้าย กลาง ขวา ให้ชัดเจน
แต่...มันทำได้เพียงแค่ เสมือน จึงทำให้เสียงไม่สมูท แข็ง กระด้าง มิติเสียไปในที่สุด
เช่นเราปรับจุดตัดที่ 700 Hz
ความถึ่เสียงที่ต่ำกว่า 700 Hz จะรวมเป็น mono (ไม่มีมิติออกทั้งซ้ายและขวา) ทำให้เสียงที่
ตัดออกมาอยู่ตรงกลาง ความถี่ที่อยู่สูงกว่า 700 Hz จะเป็น stero ออกไปตามปกติ และจะมี
การจำลองเสียงคนร้องให้(พยายาม) อยู่ตรงหน้าของเรา เพื่อให้ไม่เหมือนกับการฟังด้วยหูฟัง
(เสียงคนร้องอยู่ในหัว)
แต่พอใช้จริงมันกลับทำให้เสียงแปลกๆไม่ธรรมชาติ เสียงเบสออกจะเพี้ยนซะด้วยสิ ที่สำคัญ มิติแคบด้วย
อันนี้แล้วแต่คนฟังนะครับ
ก็สรุปว่า ปิดมันไปซะดีกว่า แล้วค่อยไปปรับแต่งที่ EQ เอาเองครับ กว้างกว่าด้วย

ในเรื่องของการปรับ EQ...
ใน RB จะมีให้ปรับอยู่ 5 band
แต่สิ่งที่ดีกว่าทุกยี่ห้อ (กล้าพูดได้เลยครับ) คือ
ความยืดหยุ่นของการปรับแต่งดังนี้
ให้ไปที่...
Settings
Sound Settings
Equalizer
เลือกที่ Advanced EQ Settings ไปเลย เพราะที่จริงปรับง่ายกว่าเยอะ
จะมีให้เลือก 5 บรรทัด
ทีละข้อเลยนะครับเริ่มจาก
Low Shelf Filter
คือช่วงความถี่ต่ำ แต่เราสามารถปรับความถี่ได้อิสระอยู่แล้ว
เข้าไปจะมีให้เลือก ดังนี้:
Cutoff Frequency (เลือกความถี่ที่เราต้องการปรังแต่ง)
Q (ค่า Q ของช่วงความถี่ที่เราเลือก)
Gain (ความดังเป็น dB)
ก็เลือกตามความต้องการเลยครับ ที่ความถี่ ความดัง ส่วนการปรับค่า Q คือดังนี้
ตัวเลขค่า Q ยิ่งต่ำ ความกว้างของฐานเสียงความถี่ที่เราปรับแต่งในการเพิ่ม gain จะยิ่งกว้าง
เช่น เราปรับ ความถี่ที่ 500 Hz ยกความดังที่ 2dB ค่า Q ปรับที่ 0.5 ความถี่อื่นๆใกล้เคียงจะยกขี้นตามเหมือนกันเนินภูเขา จะมีผลกับความถี่เสียงที่ 200-500 และ 500-800 โดยที่จุดปรับความถี่ 500 Hz จะมีลักษณะ สูงเป็นยอดเข้าครับ
*ถ้าค่า Q ยิ่งสูงผลข้างเคียงก็จะน้อยไปด้วย คือบริเวณฐานเสียงที่ยกก็จะแคบกว่า*
ก็ลองเลือกปรับแต่งดูนะคับ จะทำให้ท่านสนุกกับการฟังเพลงอีกเยอะ ได้อรรถรส อีกมากโขเลย

ผมจะบอกความถี่คร่าวๆให้เป็นช่วงๆนะครับว่า...
ช่วงความถี่ที่
50-70 จะเป็นความถี่ของเสียงเบส ลึก
80-150 เป็นความถี่ของเสียงเบส กระแทก คือ กระเดื่องนั้นเอง (ตามผับจะเน้นจุดนี้เยอะ)
180-400 ช่วงนี้จะทำให้เสียงร้อง หนาขึ้น อิ่มขึ้น (เหมาะพวกนักร้องผู้หญิง)
800-1000 เป็นช่วงต่อของเสียงร้องขึ้นจมูก และ เสียงดนตรีพวก ชนิดเป่าหรือเคาะเช่นพวก บองโก้ แซ็ก ประมาณนี้
3-4000 ก็เป็นช่วงของเสียงร้องที่ขึ้นสูง และเครื่องดนตรีชนิดพวกเคาะขึ้นสูง กีต้าร์ เครื่องเป่า
8000-10000 เป็นช่วงเสียงสูงกลางเช่น ปลายเสียง ฉาบ สเแน เครื่องเคาะ
12000-20000 ปลายเสียงสูงที่จะมีความ คม กรุ๊งกริ่ง สดใส ก็แล้วแต่ลำโพงที่จะแสดงออกได้ครับ
คร่าวๆแค่นี้แหละ
ลองปรับดู จะสนุกขึ้นเยอะในการฟังเพลง ยิ่งปรังบ่อย ฟังบ่อยก็ยิ่งชำนาญ
แนะว่าลองหาพวกเพลงที่ชอบ เก่าๆ (เน้นว่าที่ชอบ และ เก่าๆ หรือฟังบ่อยๆ) มาลองปรังแล้วฟังเปรียบเทียบดูนะครับ จะได้ยิ่งเสียงเล็กๆน้อยๆ ที่เราอาจไม่เคยได้ยิ่งมาก่อน
ลองดู
*ขึ้นอยู่กับหูฟังด้วยนะครับว่า ออกมาชัดเจนแค่ไหน*