
สวัสดีครับ
ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การต้อนรับ V-Diamond อย่างดียิ่ง
ก่อนอื่นผมได้บริจาครายได้จากการจำหน่าย V-Diamond จำนวน 10,000 บาทให้แก่เฮียมั่นคง ซึ่งเฮียมั่นได้นำไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าและอื่นๆ ตามที่เฮียมั่นเห็นสมควร ขอเชิญเพื่อนๆ ร่วมโมทนาบุญครับ
ผมขอใช้พื้นที่นี้เล่าถึงความเป็นมา แนวคิว วิธีการทำงาน รายละเอียดต่างๆ ในการทำ V-Diamond ให้เพื่อนๆ ได้รับทราบ แทนคำขอบคุณจากผม และเป็นบันทึกความทรงจำของผมไปด้วย
---------------------------------------------
ก่อนจะมาเป็น V-Diamaond
อะไรคือหูฟังที่ดีที่สุด? หูฟังที่ดีเสียงเป็นยังไง? เสียงที่ดีเป็นยังไง? Hi-Fi เป็นอย่างไร? และอื่นๆ อีกมากมาย คำถามเหล่านี้น่าจะเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยที่สร้างอุปกรณ์พวกนี้เลยทีเดียว
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เฝ้าเพียรพยายามหา ลองฟัง ลองทดสอบอุปกรณ์เกี่ยวกับการฟังเพลงอยู่เสมอ ผมมีคติประจำใจว่า ไม่ว่าจะเป็นอะไร (เทป แผ่นเสียง MD CD MP3 Recorder หูฟัง Earbud Inear Fullsize ลำโพงวางหิ้ง ลำโพงตั้งพื้น ลำโพงงานวัด ฯลฯ) ถ้าเสียงดีผมฟังหมด ผมไม่ใช่คนที่เก่งอะไรมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจคือผมบ้าฟัง 555
เครื่องเสียงหลายๆ ล้านผมก็ไปลองฟังกับเขา หูฟังแพงๆ ราคาครึ่งล้านก็ไปลองฟังกับเขามาแล้ว หูฟังหลักแสนนี่ไม่ต้องพูดถึง (แต่ไม่มีตังค์ซื้อหรอก 555) และไม่ว่าหูฟังหรือเครื่องเล่นตัวนั้นจะราคาถูกหรือแพงผมฟังหมด และสิ่งเหล่านี้เองได้สร้างทักษะการแยกแยะให้ผมว่าหูฟังหรือเครื่องเล่นแต่ละตัวมีลักษณะเสียงเป็นเช่นไร
หูฟังแพงๆ หรือเครื่องเล่น หรือเครื่องเสียงแพงๆ เขามีลักษณะเสียงเช่นไร ทำไมถึงแพง ตัวที่ถูกกว่าเสียงเป็นแบบไหนทำไมถึงถูกกว่ามีจุดด้อยอยู่ตรงไหน พอฟังไปเยอะๆ ก็เริ่มมองออกว่าเอ๋อของแพงเสียงเป็นอย่างนี้นะ ของถูกเสียงเป็นอย่างนี้นะ
และด้วยความที่ชอบเล่นดนตรีเป็นทุนเดิม (ผมเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่างทั้ง กีตาร์ กลอง เบส คีย์บอร์ด ขลุ่ย เป็นต้น) เคยไปร้านบันทึกเสียงแถวๆ บ้านบ่อยๆ จึงทำให้เข้าใจเสียงระบบการบันทึกเสียง และเข้าใจลักษณะเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้พอสมควร รู้ว่าแต่ละแนวเพลงต้องการอะไร และทำไมจึงทำเพลงออกมาเช่นนั้น
ตอนที่จะเริ่มทำ V-Diamond ผมก็คิดเสมอว่าอะไรคือเสียงที่เครื่องเสียงดีๆ หูฟังดีๆ เขาทำกัน ผมคิดเรื่องนี้มาโดยตลอดเพราะว่าหูฟัง V-Diamond จะเป็นหูฟังที่ดีที่สุดของผมผมจึงต้องนำเอาประสบการณ์ทั้งหมดของผมมาทำ ผมคิดและก็เริ่มแจกแจงพอสรุปได้ดังนี้
1. โดยส่วนใหญ่เครื่องเสียงแพงๆ หรือเครื่องเล่นแพงๆ หรือหูฟังแพงๆ มักทำเสียงที่ค่อนข้างเรียบ (Flat) ในทุกๆ ย่านเสียง แทบไม่มีของแพงๆ ตัวไหนทำเสียงแหลมนำ หรือเบสนำ หรือกลางนำเลย ลักษณะเสียงเช่นนี้จะมีข้อเด่นคือทำให้ฟังได้นาน (ไม่ระคายรำคาญหู) ฟังเพลงได้ค่อนข้างจะหลากแนว ยิ่งพวกแนว Audiophile ยิ่งสุดยอด แต่มีข้อด้อยคือหลายๆ คนจะบอกว่าเสียงมันจืด (เพื่อนผมหลายๆ คนไปฟังเครื่องเสียงแพงๆ แล้วไม่ชอบก็ด้วยเหตุผมนี้เยอะครับ) ต้องฟังสักระยะหนึ่งแล้วพอเรากลับไปฟังเครื่องเสียงถูกๆ คราวนี้แหละงานเข้า 555
2. หูฟังแพงๆ ส่วนใหญ่ให้เสียงที่นิ่ง สะอาด พื้นเสียงเงียบ เวลาที่ช่วงที่เพลงไม่มีเสียงก็จะไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย มีไดนามิกที่รวดเร็ว คือพอมีเสียงดนตรีชิ้นหนึ่งดังขึ้นมาก็จะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และพอหายก็ต้องหายไปอย่างทันทีเช่นเดียวกัน เวลาที่เสียงดังขึ้นมาจะต้องไม่ส่ายหรือมีอาการแกว่งของเสียงให้ได้ยิน
3. หูฟังแพงๆ จะต้องแยกแยะเสียงได้ชัดเจน ชิ้นดนตรีไม่ทับซ้อนกัน มีการวางมิติของห้องฟังได้สวยงาม ชัดเจน ทำให้สามารถรับรู้ตำแหน่งของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้ว่าเล่นอยู่ ณ จุดใดของห้อง การทดสอบมิตินั้นจะต้องอาศัยเพลงที่บันทึกมาดีๆ ด้วย (Audiophile) เพราะเพลงตลาดทั่วๆ ไปไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ มิติที่ได้จะค่อนข้างแบนราบเหมือนกันไปหมด บางทีชิ้นดนตรีซ้อนทับกับมาตั้งแต่ห้องอัดเลยก็มี
4. ในส่วนของเสียงร้องหวาน เสียงสูงพริ้วทอดเสียงไปได้ไกล หรือเสียงเบสกระแทกสะใจ หรือเบสนุ่ม อันนี้ก็แล้วแต่ยี่ห้อและความต้องการของผู้ผลิตรายนั้นๆ จะใส่เอกลักษณ์เขาไปในสินค้าของตัวเอง (เป็นสิ่งที่ทำให้แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันไป)
หลายๆ ท่านอาจจะเห็นไม่เหมือนผมไม่เป็นไร ถือว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมแล้วกัน ผมจึงสรุปได้ว่าหูฟังที่ดีต้องประกอบด้วย มิติที่ดี เสียงชัดนิ่ง พื้นเสียงสะอาด ไดนามิกรวดเร็ว เสียงเรียบไม่จัดฟังได้นาน ที่เหลือก็แล้วแต่เอกลัษณ์ของหูจะเป็นไป สิ่งเหล่านี้คือแนวคิดพื้นฐานของการทำ V-Diamond ครับ
---------------------------------------------
แล้วทำเช่นไรจึงจะได้เสียงเหล่านั้นมาอยู่ใน V-Diamond?
ผมนั้นเฝ้าเพียรพยายามหาอุปกรณ์มาเบิร์น V-Diamond แต่ก็ยังไม่ถูกใจเลย อุปกรณ์ทั้งหมดที่ผมมีผมก็ลองมาหมด แต่ไม่ว่าจะ CD Recoder เครื่องเสียงบ้าน ต่างก็มีลักษณะเสียงไม่แหลมไป ก็ขุ่นไป หรือไม่ก็เบสหนัก เสียงกลางแย่ เป็นต้น สิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้นค่อนข้างยากนะครับที่จะทำได้ในความเป็นจริง การจะทำเสียงเช่นนั้นได้จะต้องมีอุปกรณ์เบิร์นที่เป็นกลางมากๆ
ในช่วงแรกผมยังไม่พอใจ V-Diamond เท่าที่ควร เกือบสามเดือนได้มั้งที่ผมไม่รู้จะทำยังไงกับมัน จนการปรากฏตัวของ Recoder ระดับตำนาน Sony PCM-D1 ที่ทั้งหายากและราคาแพง ผมไม่เคยได้ฟังเสียงหรอกครับ แต่พอได้ฟังเท่านั้นแหละนี่แหละคือเสียงที่ผมกำลังตามหา
Sony D1 ให้เสียงที่ค่อนข้างเรียบในทุกย่านเสียง แต่ฉับไว มีมิติที่ดี และมีการแยกแต่ละเสียงออกอย่างชัดเจนไม่กวนกัน (เบสอยู่ส่วนเบส นักร้องอยู่ส่วนนักร้อง กีตาร์อยู่ส่วนกีตาร์ เป็นต้น) มีไดนามิกที่ดี ฟังพวกวงออเครสต้าวงใหญ่พอโหมขึ้นพร้อมกันก็ตรึงอยู่ ไม่มีหลุดไม่มีส่าย กำลังขับเยอะ (เสียแต่ราคาแพง กัดฟันซื้อผ่อน 3 งวดยังแทบแย่เลย 555)
ไปหาอ่านรีวิวต่างประเทศก็มีชม Sony D1 ไว้เยอะมาก หาข้อมูลอุปกรณ์ภายในเพิ่มเติมแต่ละชิ้นก็ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ห้องอัดชั้นนำใช้กันทั้งนั้น (ใช้ยี่ห้อเดียวกันแต่อาจจะคนละรุ่น) เป็นเครื่องบันทึกเสียงพกพาที่ทำเสียงสู้พวกตั้งโต๊ะได้สบายๆ ไปหาอ่านข้อมูลจาก Sony เอง เขาบอกว่าทำตัวนี้ออกมาโดยใช้แนวคิดกึ่ง analog และ digital คือมีทั้งความเป็น analog และ digital ในตัว ซึ่งถือว่าเป็น signature ที่แปลกมาก หา player อื่นๆ เทียบยาก
พอได้อุปกรณ์เบิร์นแล้วก็ต้องหาไฟล์เพลงเบิร์น ซึ่งอยากได้ไฟล์ที่มีมิติที่ดี มีเสียงครบทุกย่านเสียง มีไดนามิกเสียงที่ดี ก็ต้องใช้บริการของพ่อมดวงการเพลง David Forter สถานเดียว ไฟล์เพลงเบิร์นทั้งสองไฟล์เป็นงานของเขาทั้งสิ้น
เวลาในการเบิร์นใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะอยากให้ได้ลักษณะเสียงของ D1 ฝังติดอยู่ในหูฟัง ตัวแรกใช้เวลาเบิร์นเป็นเดือน แล้วก็ค่อยๆ ปรับสูตรกันใหม่ จนเหลือตัวละ 15 วัน
ถือว่าเป็นหูฟังที่ผมใช้เวลาทำนานมากกว่าหูฟังตัวไหนที่ผมเคยทำ (1 ปี 7 เดือน) ใช้เพื่อนๆ ช่วยเทสกันเยอะแยะมากมาย มีการโทรคุยกันเพื่อแก้ไขหรือปรับปรุงเยอะกว่าผมโทรหาเมี่ยผมซะอีก 555 ผม เพื่อนๆ ในทีมหลายๆ คนก็อยากจะให้ตั้งราคาสูงกว่านี้ แต่ผมก็คือผม ผมอยากให้ทุกๆ คนสามารถซื้อหาได้ และด้วยจำนวนจำกัดของวัตถุดิบทำให้ผมไม่สามารถทำให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ ก็ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้ด้วยครับ เก็บไว้เถอะครับแทนคำขอบคุณจากผม ขอบคุณครับ
sumat_kee
2/9/2014