ผมสงสัยอย่างนึงครับ แต่สิ่งที่ผมสงสัย อาจทำให้บรรดาสาวกรุมกระทืบผมได้
ผมก็โตมาเป็นวัยรุ่นในยุคClashกำลังโด่งดัง ร้องได้เป็นบางเพลง
วงนี้เค้าเป็นตำนาน ถึงขนาดต้องทำเป็น24bit96kเลยเหรอครับ หรือเพลงที่วงนี้ทำๆมาบันทึกเสียงดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จนน่าจะเอามาทำ24bit
หูตะกั่วอย่างผม วงนี้ ตัวเพลง เนื้อหา การบันทึก มันธรรมดามากๆ หลายเพลงฟังแล้วผ่านหูผมออกไปเลย ไม่มีอะไรน่าจดจำ
ความเห็นอาจจะแรงนะครับ ขออภัยสาวกด้วย
แต่ บางคนก็อาจจะชอบก็ได้ครับ หูใครหูมัน ^_^

^
^
^
ถ้าเป็นวงที่เราชอบมากๆ แฟนคลับหรือสาวก ไม่ว่าออกเป็นอะไรมาก็ตามเก็บครับ ถือเป็นคุณค่าแก่จิตใจอย่างมาก ผมก็เป็นแฟนแคลชคนหนึ่งครับ ถามว่าบันทึกดีเยี่ยมขนาดนั้นมั้ย ผมว่าก็คงไม่ แต่ทีมงานคงมีการ remastered ให้คุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในบ้านเราตอนนี้ละครับ ^^

คนเราคุณค่าทางใจไม่เหมือนกันนะ ไม่รู้ golf8023 จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา
ถ้าจะมาโชว์ว่าเพลงที่ตัวเองฟังเจ๋ง ว่ามา เดี๋ยวมางัดให้

ซื้อที่ไหนครับ สนใจต้องการซื้อครับ

ผมเห็นเมื่อวานที่ B2S นะครับ

สมัยนี้คำว่า 24bit มันเพิ่มมูลค่าทางการตลาดได้ ก็คงต้องเออออไปล่ะครับ

จริงๆแล้ว 24/96 นี่มันก็เป็นมาตรฐานสตูดิโออยู่แล้ว แต่เค้าไม่ได้ปล่อยไฟล์มาขายแค่นั้น เพราะมาตรฐาน cd มันแค่16/44 เค้าไม่ต้องไปรีมาสเตอร์อะไรหรอกครับแค่เอาไฟล์ที่เก็บไว้มาปั๊มลงแผ่น

อ่านดูแล้วเหมือนว่าที่วางขายก็เป็น CD 16/44 เหมือนเดิมแหละครับใช้แค่คำโฆษณาเหมือน CD เพลงคลาสสิคทั่วไปที่เขียนว่า mastering ด้วยคุณภาพ 24bit

อย่างที่หลายๆคนบอกแหล่ะครับคุณ golf8023 ของแบบนี้มันมีมูลค่าทางใจมากกว่า
ตอนแรกผมนึกว่าเขาทำมาขายเป็นไฟล์ 24 Bit ซะอีก ออกตัวซะแรงเลย โทษทีครับ Y__Y

สงสัยอย่างนึงครับ ข้อจำกัดของ CD ปกติมันได้แค่ 16/44.1 นี่ครับ
ตอนอัดมาก็เป็น 24bit อยู่แล้วแต่พอมาทำลง CD ก็จะเหลือแค่ 16/44.1 เหมือนเดิม

ครับ ผมต้องขออภัยในความเห็นของผมด้วยครับ

ตกลงมันเป็น16/44.1ใช่มั้ยครับ ตอนแรกที่อ่านก็ยังงงๆอยูว่ามันเป็น24/96เลยหรือ
แล้วลักษณะของboxเป็นแบบไหนครับ พอจะมีรูปให้ดูมั้ยครับ

ปกติไฟล์ที่เป็น 24bit จะต้องอัดลงแผ่น sacd ใช่ไหมครับ?

Bluray หรือDVDครับ sacdไม่เกี่ยว

Bluray หรือDVDครับ sacdไม่เกี่ยว
^
^
รบกวนสอบถามหน่อยครับว่าทำไม SACD ถึงไม่เกี่ยวครับ ผมเริ่มสับสนแล้ว เพราะเท่าที่ทราบมา SACD ใช้เทคโนโลยี Double Layer ชั้นหนึ่งเป็น 16 Bit ส่วนอีกชั้นเป็น 24 Bit จะอ่านชั้น 24 Bit ได้ต้องมีเครื่องเฉพาะ

อ่าวผมก็เริ่มงง แล้วสิครับ

(แต่24bit ผมมั่นใจว่าเอามาใส่ในพวก Bluray(pure audio blu-ray)

sacd นี้เห็นคนที่ซื้อมา rip เป็น iso พอใส่เครื่องเล่น ก็แปลงเป้น dff/dsd หมดนิครับ

สรุป sacd hybrid ชั้นแรกเป็น 16bit อีกช้นเป็น 24bit หรือ DSD กันแน่ เริ่มมึน
ไว้รอคนรู้จริงๆ มายืนยันอีกทีดีกว่าครับ

ฮ่าๆๆๆ งงด้วย รอผู้รู้มาชี้แนะ :-D

แปลงกันเป็นdff/dsf**

ถามGuru มาละครับ sacdเกี่ยวครับ เสียงที่เล่นออกมาจะเป็น 24bit ผมงงเอง โทดทีครับ

CD = 16/44.1

DVD = 24/192

SACD = 1 บิต แซมปริ้ง 2822.4 kHz

เทียบได้กับ 24/88

จะว่าเกี่ยวมันก็ไม่เกี่ยว มาตรฐานคนละแบบกัน แต่พอจะเทียบกันได้

พี่ขอเอาความรู้เรื่อง คอมมาแชร์นะ

มันไม่เกี่ยวหรอกครับว่า CD ธรรมดามันจะใส่เพลง 24/192 แล้วเล่นได้หรือไม่

CD มันเป็นแค่ภาชนะ มันใสไฟล์ ได้ทุกประเภทแหละครับ คิดถึง Flash Drive สิครับว่ามันก็บรรจุ File ได้ทุกประเภท

เอแล้วทำไมเขาถึง เอาตัว 16/44 มาลงแผ่น CD หละ

คำตอบคือ แผ่น CD มาตรฐานเกิดมานานพอควรแล้วซึ่งความจุก็ประมาณ 650 MB ต่อแผ่น

เพลงๆนึงที่เป็น wave มีขนาดประมาณ 30-40 MBซึ่งหนึ่งอัลบั้มมีประมาณ 10-15 เพลงซึ่งก็จุพอดีกับ CD หนึ่งแผ่นพอดี

หากเรามีเครื่องเล่นที่ถอดรหัส 24/192 ได้ แค่เอาไฟล์ 24/192 (ขนาดเพลงละประมาณ 100 MB) burn ลงแผ่น CD มันก็เล่นได้แต่ได้แค่ 6 เพลงนะ

นี่คือทำไมเขาถึงมักเล่นเพลง Hidef จาก คอม หรือ เครื่องเล่น DAP เพราะพวกนี้ความจุมันเยอะเป็น 100 GB

ส่วน SACD นี่มีวิธีการถอดรหัส ที่ต่างจาก CD ธรรมดาจึงต้องใช้เครื่องเล่นพิเศษ จึงจะทำการแปลงรหัส ออกมาได้

คห 19 ลองเบรินไฟล์ 24bit ลง cd audio สิครับ

เป็นความรู้ใหม่เลยครับ ผมก็เพิ่งรู้ว่า สามารถ เบรินไฟล์ 24bit ลงแผ่น cd audio ได้

ฺBurn แบบ Data น่าจะได้นะครับ

พอดีไม่เคย Burn แบบ Audio ครับ แต่เครื่องเล่นมันก็มองเป็น File เหมือ Flash Drive


หาก Burn แบบ Audio CD ย่อมไม่ได้แน่นอนครับ

ผมใช้ เครื่องเล่นพวก Oppo 103 ที่อ่าน File ได้หลากหลาย ไม่ใช่เครื่องเล่น CD Audio ทั่วๆไปครับ

สรุปง่ายๆว่าเจ้าแผ่น CD Clash นี้เอามาทำ remastered โดยใช้อุปกรณ์ 24/96 แต่เวลาเอาทำ CD ก็ต้องบีบลงมาให้เหลือ 16/44.1 ตาม Red Book Standard ครับ

ส่วน SACD มันใช้ DSD decoding มีการป้องกันการ "rip" มามากพอควร แต่ก็มีคน hack ออกมาจนได้ แต่จะ rip SACD ไม่ง่ายครับ

ผมก็ไม่เคยเบิร์น hi-res ลงบนแผ่น DATA CD/DVD สักที เคยลองเอา files ใส่ใน USB Thumb Drive แล้วเล่นผ่าน OPPO95 เสียงมันแห้งๆก็เลยเลิกใช้ OPPO95 เล่น files เพลง เผอิญได้ Ayre DX5 DSD มาก็ยังไม่ได้ลองเสียบ USB เล่นเพลงเลย แต่เอา MAC เสียบช่อง USB ข้างหลัง เสียงดีกว่า QB9 DSD อีกครับ

Hybrid SACD มีชั้นหนึ่งเป็น CD 16/44.1 LPCM ธรรมดาครับ อีกชั้นเป็นชั้นของ SACD ต้องเครื่องที่อ่าน SACD ได้ถึงจะเล่น layer นี้ได้

สรุปว่าผมตอบเองงงเอง หาแผ่น Clash มาฟังเพลงรำลึกความหลังกันดีกว่า อิ อิ

แผ่น Pure Audio Blu-ray ก็เป็นอีก format ใหม่ที่น่าติดตาม ผมซื้อมา 3-4 แผ่นเล่นบน Ayre DX5 DSD เสียงก็ดีมากครับ แต่ sound quality ก็ต้องไปพันกับเครื่องเล่นและอุปกรณ์อื่นๆที่ตามมาอีก แถมแผ่นมันก็หายากอีก!!!

http://www.pureaudio-bluray.com/

"Pure Audio Blu-ray combines the Blu-ray format's vast storage capacity and bandwidth necessary for high resolution sound (up to 192 kHz/24Bit) in surround and stereo with the easy and straight-forward handling of a CD - on every Blu-ray player"

เท่าที่ฟังมาชอบชุดแรกที่สุดครับ

ส่วนตัวผมมองว่า มันมาถึงยุคที่ไม่ต้องรีดเค้นอะไรมากกับ Output 24 Bit
(ผมหมายถึง เสียงที่มันมากกว่า CD ซึ่งทำให้ตายยังไงก็ได้แค่ 16 Bit)

เทคโนโลยีมันถึงมาพอสมควรแล้วครับ
ผมมองว่า Bit เป็นช่องทาง จากต้นตอมาสู่เรา ได้โดยตรงยิ่งขึ้น
(ไม่ต้องใช้ทางร่วมกับใครระหว่างทาง ตั้งแต่ บันทึกเสียง จนมาถึงหูเรา)

แต่เท่าที่อ่านมา ถ้าแคลช บันทึกเสียง 24/96 (ตามมาตรฐานห้องอัด)
ผมก็จะเก็บตังค์ซื้อครับ เพราะยังไงแตกต่างจากที่เคยฟังมาแน่

อัลบัมแรกๆ ถ้าเสียงเคลียร์ๆ อาจจะทำผมน้ำตาไหลได้
วงนี้ อัลบัม Emotion ดุขึ้น ทุกวันนี้ยังเปิดซีดีฟังอยู่เลย

สำหรับผม มันเป็นเรื่องของความทรงจำที่มาพร้อมกับเพลงครับ
ทำมาขายแบบนี้ มันเฉพาะกลุ่ม เฉพาะคน และยิ่งไปกว่านั้น
ผมคิดว่า ค่ายเพลง แค่ต้องการทำการตลาดด้วยครับ

มีหลายคนที่รู้สึกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้ว ในความทรงจำมันมีเสียงเพลงแว่วๆ ครับ
เหตุผลนี้ ต้อง "แก่" เท่านั้นถึงจะรับรู้ความรู้สึกได้ชัดครับ

ปรากฎการณ์นี้ เคยเกิดขึ้นกับภาพยนต์เรื่อง แฟนฉัน
ที่ใช้เพลงเก่า ในช่วงเวลานึง มันทำให้หลายๆ คนในยุคนั้น

คิดถึง

วันเวลาเก่าๆ

แล้วถ้าเงิน พันกว่าบาท มันเรียกความรู้สึกในตอนนั้นมาได้
ผมยอมจ่ายครับ หลับตาฟัง มันยิ่งกว่าไทม์แมชชีนอีกนะ