รับมาจากกระทู้นี้ครับ http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=136640
ใช้ไม่บ่อยครับ แล้วก็อยาแได้ earbud ครับบางทีใส่เรียนพิเศษนานๆด้วย
หรือขายราคา 4,500 ครับ
สะดวกส่ง EMS ครับเพราะผมเรียนพิเศษ
เรื่องหูฟัง ผมว่าแข็งแรงทนทานมากครับจาก YouTube ดูได้เลยครับ ของครบกล่องเหมือนเดิมมีใบเสร็จ
มีระบบ noise isolation ครับ ตัดเสียงภายนอกได้เยอะ padนุ่มม๊ากกกก
ตัวนี้โทรศัพท์ smartphone น่าจะขับได้ครับ
สนใจแลก player โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ipod classic หรือ in ear ก็ได้ครับ สนใจลองเสนอก่อนได้ ส่วนต่างคุยกันครับ
ถ้าขาย ขอขายราคา 4,500.- ครับเอาเงินไปเรียน
สภาพเท่ากับที่รับมาเลยครับ
ติดต่อ line: teetouchdown
หรือจิ้มซองเหลืองก็ได้ครับ
Review // โดยเว็บเฮีย
http://www.youtube.com/watch?v=LdmRHBOpqH0
Review โดย techexcite
:: Review: Monster DNA หูฟังพันธุกรรมดนตรีดีไซน์โฉบเฉี่ยวเปรี้ยวทุกจังหวะ! ::
http://www.techxcite.com/topic/15196.html
โดยรวมก็ หูฟัง Monster DNA รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับดีไซน์และสีสันอันโฉบเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดแต่ก็ไม่ละทิ้งความสามารถในการขับขุมพลังเสียงออกมาได้โดนใจหูเด็กวัยรุ่นยุคนี้อย่างแน่นอน ที่สำคัญดูเหมือนว่าทาง Monster จะเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันแบบสุดๆเพราะหูฟัง Monster DNA สามารถทำงานร่วมกับ iPhone, iPad ได้สบายบรื๋อ เอาละครับมาว่ากันที่ดีไซน์ของตัวหูฟัง Monster DNA กันบ้าง อย่างแรกที่เตะตาใครหลายคนก่อนเลยก็คือครอบหูฟังที่มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร ซึ่งทีแรกก็แอบงงเหมือนกันว่าจะใส่กันยังไงละนั่น แต่ปรากฏว่าไอ้ที่เป็นรูปสามเหลี่ยมนั้นเฉพาะภายนอกเท่าน้นนะครับ ส่วนครอบหูฟังจริงๆนั้นก็ยังเป็นทรงกลมปกตินี่แหละเพราะงั้นใส่ได้ไม่มีปัญหาแถมดูแตกต่างไม่ซ้ำใครอีกด้วย อ้อ! สำหรับ Monster DNA นั้นต้องบอกไว้ก่อนว่าเป็นหูฟังแบบ on-ear นะครับ ไม่ใช่ full-size ซึ่งข้อดีของหูฟังแบบ on-ear ก็คือหูของเราจะยังพอได้สัมผัสอากาศบ้างเวลาสวมใส่ทำให้ไม่ร้อนเกินไป (ต่างจาก full-size ที่ครอบลงไปทั้งหูเลยอาจทำให้เกิดอาการเหงื่อไหลไคลย้อยได้) ที่สำคัญคือเรายังพอได้ยินเสียงภายนอกอยู่บ้างเล็กน้อย (นิดเดียวจริงๆด้วยระบบ Noise Isolating) ทำให้ไม่ถูกตัดทัศนวิสัยของเสียงรอบด้านไปเสียหมดครับ Monster DNA นี้ก็คือครอบหูฟังใช้ฟองน้ำหุ้มด้วยหนังแบบพิเศษที่มีความนุ่มมากๆๆ เวลาสวมใส่เลยรู้สึกว่าเพลิดเพลินจำเริญใจเป็นอย่างยิ่ง จะเป็นชายหรือหญิงหรือเพศไหนๆก็สามารถใช้งานหูฟัง Monster DNA เป็นเวลานานได้ๆไม่มีปัญหาครับ ความเด็ดดวงอีกอย่างใน Monster DNA ก็คือระบบ MusicLink ซึ่งถ้ามองจาภาพนี้คงจะเห็นกันว่าครอบหูฟังของเรามีช่องสำหรับเสียบสายอยู่ทั้งสองด้านเลย ซึ่งถ้าเพื่อนหรือแฟนของคุณอยากจะมาร่วมจอยความบันเทิงกับคุณไม่ว่าจะเป็นการดูหนังหรือฟังเพลงก็สามารถหยิบสายอีกเส้นที่แถมมาด้วย (หรือสายหูฟังอื่นๆ) เสียบเข้าไปอีกช่องนึงแล้วต่อกับหูฟังตัวเองได้เลย เพียงเท่านี้เพลงเพียงหนึ่งเพลงก็สามารถฟังได้สองคนพร้อมกันสบายๆเลยด้วย สำหรับในส่วนแถบคาดศีรษะด้านบนของ Monster DNA นั้นตอนแรกคิดว่าจะก๊องแก๊งอยู่เหมือนกันเพราะมันมีน้ำหนักเบาอยู่ไม่น้อยแต่ปรากฏว่าลองหยิบๆจับๆมาใส่ดูพบว่าทำออกมาได้แข็งแรงทนทานเกินคาดครับ รับรองว่าคุณไม่เผลอทำหักกันง่ายๆแน่ ส่วนสายเคเบิ้ลหูฟังของ Monster DNA ที่แถมมาให้ด้วยนั้นมีอยู่ด้วยกันอยู่สองอันซึ่งเป็นสายแบบแบนไม่พันกันเป็นขยุกขยุยครับ สายแรกจะเป็นสายหลักซึ่งมีส่วนควบคุมมือถือหรือ ControlTalk ติดมาให้ด้วยซึ่งสามารถทำงานกับ iPhone และ iPad ได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นการรับสายโทรศัพท์ (มีไมโครโฟนในตัว) การหยุด-เล่นเพลง, ปรับเพิ่ม-ลดเสียง หรือเลื่อนเพลงไปต่อ-ย้อนกลับหลังหนึ่งแทร็คก็สามารถทำได้อย่างไร้ที่ติ ในขณะที่อีกสายหนึ่งนั้นจะเป็นสายเปล่าๆที่มีไว้สำหรับใช้งานในโหมด MusicLink สำหรับฟังเพลงเดียวผ่านหูฟังสองหูนั่นเองจ้า เอาละพูดถึงเรื่องดีไซน์กันไปแล้วก็ต้องมาพูดถึงประสิทธิภาพของหูฟัง Monster DNA กันบ้างเพราะน่าจะเป็นเรื่องหลักที่คนใช้หูฟังคงจะพิจารณากันก่อนเรื่องดีไซน์เสียอีก 555+ ก็เอาเป็นว่าผมจะมาพูดจากประสบการณ์การใช้จริงๆซึ่งคงไม่ได้มีศัพท์แสงวิชาการอะไรมากมายนะฮะ (อยากได้เนื้อหาแน่นจริงอะไรจริงแนะนำเฮียมั่น "มั่นคง Gadget" เพื่อนบ้านของเราได้เลยจ้า)
ก็จะขอพูดในฐานะของคนที่ชอบฟังเพลงมากๆคนหนึ่งก็แล้วกันครับ โดยผมพยายามคัดเลือกเพลงมาทดสอบหูฟัง Monster DNA ให้ครอบคลุมหลายๆแนวเพลงที่คนส่วนใหญ่คงจะฟังกันหากซื้อหูฟัง Monster DNA มาใช้งาน (บางแนวก็ขอสงวนไว้เช่นเพลงคลาสสิคจำพวก Mozart หรือ Beethoven อะไรแบบนี้ =..=) ก็เดี๋ยวผมจะทิ้ง Playlist เอาไว้ก่อนแล้วเดี๋ยวเรามาสรุปกันตอนท้ายเลยครับ :)
ขอบคุณครับหวังว่าคงไม่เยอะเกินไปนะครับตัวอักษร 555
