Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ขอถามอย่างคนโง่ - การใช้ dac เทียบเท่ากับการใช้ line out ??

Tidal

28/10/2009 23:35:00
ถ้าไม่พิจารณาถึงคุณภาพของตัว dac และคุณภาพของเพลเยอร์ที่มี line out นะครับ
อยากถามว่า การใช้ dac แล้วต่อกับหูฟัง
กับการต่อหูฟังกับเพลเยอร์ที่มี line out
มีลักษณะการทำงานที่เหมือนกันรึเปล่าครับ

เหมือนกันยังไง
1.การ ใช้ dac หรือ เพลเยอร์ในโหมด line out จะไม่สามารถ control volume ได้ ถ้าจะปรับ ต้องปรับที่ software หรือแอมป์ (ในกรณีที่ต่อเข้าแอมป์ก่อนหูฟัง)
2.การใช้ dac หรือ เพลเยอร์ในโหมด line out จะได้สัญญาณที่มีความบริสุทธิ์สูง เพราะไม่ได้ผ่านภาค amplifier เรียกได้ว่า แผ่น CD (หรือไฟล์เพลง) มายังไง สัญญาณ Analog ที่ออกมาก็จะเหมือนต้นฉบับที่สุด?

แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ ผมงงว่า dac บางตัว(ส่วนใหญ่เลยนี่ล่ะ) มันมีสิ่งที่เรียกว่า Op Amp อยู่
นี่ไม่ได้พูดถึง dac-amp ในตัวเดียวนะครับ พูดถึง dac เพียวๆ
อย่างนี้ก็ถือว่า สัญญาณ Analog ที่ได้ออกมา ก็ไม่ค่อยบริสุทธิ์รึเปล่าครับ? เพราะผ่านสิ่งที่เรียกว่า Op Amp แล้ว

อีก ข้อนะครับ ในเพลเยอร์ที่มี line out นี่ ไม่ทราบว่ามี Op Amp ในตัวรึเปล่า แล้วไม่ทราบว่าถ้าเป็นโหมด line out แล้ว สัญญาณผ่าน Op Amp รึเปล่าครับ?

อาจฟังดูงงๆ แต่ก็จำเป็นต้องถามครับ ตอนนี้กำลังมอง usb dac ตัวเล็กๆ อยู่ตัวนึงครับ แล้วมันมีแต่ mini out ไม่ทราบว่า mini out ของเจ้า dac นี่ สามารถพูดได้ว่าเทียบเท่ากับการใช้โหมด line out ของเพลเยอร์ได้มั้ยครับ? (dac ตัวนี้มี C ครับ แต่ไม่มี Op Amp - ผมก็ไม่มีความรู้ด้านไฟฟ้าด้วยครับ ขออภัยมากๆ ผมฟังอย่างเดียวเลยครับ) แล้วปกติ คำว่า headphone out ของ notebook นี่ ผ่านภาคขยายรึเปล่าครับ? หรือว่าไม่ผ่าน?

เสริมอีกนิดครับ - การที่ไม่สามารถปรับ Volume ได้เมื่อใช้ dac หรือ โหมด line out นี่มีข้อดีอย่างไรบ้างครับ? (นอกจากความรู้สึกเป็นระเบียบ เพราะถ้าเป็นโหมด headphone out ธรรมดานี่ปรับ volume กันกระจุยกระจาย itune ก็ปรับได้ ตัวคอมก็ปรับได้ มาแอมป์ก็ปรับได้อีก เละเทะไปเลย)

มาสรุปคำถามอีกทีครับ จะได้ง่ายต่อการตอบจ้า
1.dac & line out mode เหมือนกันหรือต่างกัน?
2.dac และ line out แปลงสัญญาณดิจิตอล เป็น analog แต่บางตัวมี Op Amp ถือว่าบริสุทธิ์น้อยลง?
3.เพลเยอร์มี Op Amp รึเปล่า? แล้วเมื่อใช้โหมด line out สัญญาณจะผ่าน Op Amp รึเปล่าครับ?
4.คำถามของข้อความสีแดงครับ
5.การปรับ volume ไม่ได้ มีข้อดีอย่างไรบ้างครับ
ุ6.(เพิ่ม เติม) ถ้าต้องการได้สัญญาณ Analog ไปเข้าแอมป์ซึ่งมีแต่ RCA input อยากรู้ว่า ถ้ามี dac สองตัว ซึ่งมีคุณภาพเท่ากัน แต่ตัวหนึ่งมี out put เป็น mini out อีกตัวเป็น rca out ตัวที่เป็น mini out ต่อกับสาย mini to rca ส่วนตัวที่เป็น rca out ต่อกับสาย rca ซึ่งสายสองเส้นนี้ ก็กำหนดให้มีคุณภาพเท่ากัน ไม่ทราบว่า การใช้ dac ตัวแรกกับตัวหลัง คุณภาพต่างกันมั้ยครับ? แล้ว dac ตัวแรกจะพบกับปัญหา"คอขวด"รึเปล่าครับผม?

ขอบคุณจ้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

บังอาจชาชัก

29/10/2009 02:45:51
ผมไม่ได้อยู่ในวงการนี้นะครับ
ศัพท์บางตัวผมไม่ค่อยเข้าใจนัก (อย่าง \"เพลเยอร์ในโหมด line out\" เพราะผมไม่ได้แตะเครื่องเล่นเพลงมาหลายปีแล้ว ผมอาศัยฟังจากมือถือ ผมไม่รู้ว่ามันมีโหมดให้เลือกด้วย)
แต่ผ่านมาตอบให้ครับ


ผมคิดว่าคุณคงจะเข้าใจความหมายของ DAC นะครับ, DAC เป็นตัวที่เอาเสียงออกครับ
อธิบายอีกหน่อยก็คือ DAC เป็นตัวที่จะทำให้ข้อมูลแบบดิจิตัล กลายเป็นสัญญาณเสียงที่ใช้กับลำโพง หรือหูฟังได้

ซาวน์การ์ดทุกตัวมี DAC (และ ADC) มาให้อยู่แล้วครับ, ไม่อย่างนั้น มันจะไม่ใช่ซาวน์การ์ดเพราะทำให้มีเสียงไม่ได้
และช่อง Line out ขนาด 3.5 mm. นั่นก็หมายถึงมันผ่าน DAC ของซาวน์การ์ดมาแล้วครับ พร้อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังได้เลย

การฟังเพลงโดยใช้ dac แล้วต่อกับหูฟัง
และการฟังเพลงโดยต่อหูฟังกับช่อง line out ของเครื่องเล่น
เป็นหลักการเดียวกันครับ

....

อย่าไปกังวลเรื่อง \"ความบริสุทธิ์ \"ของสัญญาณเสียงอะไรให้มากเกินไปครับ, เราไม่ได้ฟังเพื่อเก็บรายละเอียดทุกเม็ด
ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริงๆ คุณคงต้องเปิดเสียงให้ดังที่สุด เพื่อฟังรายละเอียด \"ทั้งหมด\" ที่แผ่น CD เก็บเอาไว้

ข้างบนผมเขียนไปอย่างนั้นแหละ
ผมรู้ว่าความจริงคุณกังวลเรื่อง \"ความผิดเพี้ยน\" ของสัญญาณมากกว่า
พอผ่าน Op-Amp ที่ก็กลัวว่าสัญญาณจะเพี้ยนทีนึงใช่มั้ย?

ในเรื่องของ Op-Amp ผมอยากให้คิดไปในทางขยายสัญญาณเสียงให้ดังขึ้นมากกว่านะครับ
ส่วนเรื่องเสียงผิดเพี้ยนนั้น ผมว่าคนออกแบบเขาคงคำนวณเรื่องนี้มาอย่างดีแล้วแหละถึงได้กล้าใส่มันลงไป
....

มันไม่มีปัญหาคอขวดเรื่องคุณภาพเสียงครับ
ช่อง Line out จะเป็น mini out หรือ RCA out มันไม่ใช่ปัญหา
เราสามารถซื้อตัวแปลง mini to RCA หรือ สายที่ปลายข้างนึงเป็น mini และปลายข้างนึงเป็น RCA ก็ได้

ปัญหาจะมีก็แต่คุณภาพสายสัญญาณมันจะไม่ดี (หรือตัวแปลงไม่ดี) ก็เท่านั้นแหละ
....
ถ้าไม่เข้าใจ รอคนต่อไปมาตอบให้กระจ่างก็แล้วกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

Tanan

29/10/2009 07:49:09
0
งง นิดหน่อยครับ
แต่ถ้ามาพูดจริงๆแล้ว Player Line out = การอ่านแผ่น + DAC + ภาคขยายนิดหน่อย
DAC = DAC + ภาคขยายนิดหน่อย

ซึ่งถ้าในราคาเท่ากันผมว่า DAC น่าจะดีกว่าเพราะไม่ต้องลงทุนในส่วนของการอ่านแผ่น

ส่วนที่ว่าทำไม่ต้องมีภาคขยายนิดหน่อยในตัว สมมุติ noiseภายนอก มี amplitude 0.1V
สัญญานออกจาก DAC amplitude สูงสุด 1 V = Error 10% ดังนั้นเค้าเลยมีภาคขยาย
เพื่อที่ปรับ amplitude สูงสุด สมมุติจาก 1 เป็น 4 V ซึ่งก็ไม่ได้มากอะไรเลยแต่มันทำให้ error เหลือแค่ 2.5% เองและการที่ีทำให้ Amplitude ต่างกันก็ทำให้การทำ noise cancling ง่ายขึ้น

ดังนั้นคำตอบคือ
1. ต่างแน่ๆ อย่างน้อย DAC ก็เล่นเพลงด้วยตัวเองไม่ได้
2. ถ้าออกแบบมาดีๆก็แทบไม่ต่างกันหละครับ
3. มีแน่ๆ
4.1 ต่อ DAC ผมว่าเสียงดีขึ้นกว่า Sound ของ Notebook แน่ๆ
4.2 headphone out ของ notebook มีภาคขยายอยู่แล้วครับ ไม่งั้นขับหูฟังไม่ได้หรอก
5. Error หรือ Noise จากส่วนของการปรับ volume ก็ไม่มี
6. ไม่เท่าแน่ๆ ถ้าเอาเป็นหลักการของ wireless \\\"ทุกๆรอยต่อที่มีจะเกิดการสูญเสียกำลัง 3db หรือคือกำลังครึ่งนึง\\\" ผมว่าพวกนี้ก็คงไม่ต่างกันมาก แต่ก็มีผลแน่ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

PlanaRIA

29/10/2009 10:10:24
117
เทียบกับเครื่องเสียงบ้านละกันครับ

สัญญาณเสียงจากเครื่องเล่นซีดี สัญญาณที่ถูกอ่านจากภาคทรานสปอร์ต (เป็นข้อมูลดิจิตอล) จะถูกส่งไปยังภาคถอดรหัสออกมาเป็นสัญญาณอนาลอค และถูกผ่านไปยังภาคฟิลเตอร์เพื่อทำสัญญาณให้เรียบ จากนั้นจะถูกส่งไปยังภาคขยายเบื้องต้น(ก็คือออปแอมป์ที่คุณบอกนั่นแหละครับ) เพื่อทำให้สัญญาณมีความแรงเพียงพอที่จะส่งไปยังภาคขยายอื่นต่อไป (ซึ่งจริงๆ สัญญาณนี้มีความแรงเพียงพอที่จะขับหูฟังที่มีอิมพีแดนซ์ต่ำ หรือส่งไปยังภาคเพาเวอร์แอมป์ได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านปรีแอมป์ได้แล้วนะครับ เพียงแต่เครื่องเล่นซีดีมันไม่มีภาคโทนคอนโทรล/โวลุ่มคอนโทรลนั่นแหละ) จากนั้นสัญญาณจะถูกส่งผ่านไปยังปรีแอมป์ (หรือภาคปรีของอินทิเกรทแอมป์) เพื่อขยายสัญญาณให้แรงขึ้นอีก (กรณีแหล่งกำเนิดเสียงมีระดับสัญญาณต่ำ เช่นพวกเครื่องเล่นแผ่นเสียง แต่ถ้ามาแรงๆ แบบซีดี ปรีแอมป์บางตัวจะบายพาสไปยังภาคโทนคอนโทรลเลยครับ) เราสามารถปรับระดับเสียงที่ภาคโทนคอนโทรลนี้ รวมถึงปรับยกความถี่เสียงต่ำ/สูงตรงนี้ได้ด้วย จากนั้น สัญญาณจะถูกส่งไปยังภาคขยายหลัก เพื่อทำการขยายสัญญาณให้มีความแรงพอที่จะขับลำโพงต่อไปครับ

ในส่วนของเครื่องเล่นพกพา ไฟล์เพลงดิจิตอลจะถูกถอดรหัสผ่านทางภาคถอดรหัสออกมาเป็นสัญญาณอนาลอค และถูกกรองให้เรียบโดยภาคฟิลเตอร์ จากนั้นจะถูกส่งผ่านภาคขยายพื้นฐานเพื่อให้มีสัญญาณแรงขึ้น ก่อนส่งไปยังภาคโทนคอนโทรลและภาคขยายหลักในตัวเครื่อง (คือสัญญาณที่ขยายจากออปแอมป์ในตัวเครื่องเล่นจะมีกำลังต่ำมาก จึงต้องมีภาคขยายอีกชุดหนึ่งเพื่อที่จะขยายสัญญาณให้มีความแรงพอที่จะขับหูฟังได้น่ะครับ) แล้วต่อไปยังหูฟังต่อไป

ส่วนการต่อ ine Out คือการส่งผ่านสัญญาณจากภาคขยายเบื้องต้นออกไปโดยตรง โดยไม่ผ่านภาคโทนคอนโทรลและภาคขยายหลักในตัวเครื่องน่ะครับ ทำให้สัญญาณมีความแรงน้อยกว่า และไม่สามารถปรับระดับความดังเสียงได้ ข้อดีคือถ้าเรามีภาคขยายภายนอกที่มีภาคโทนคอนโทรลอยู่แล้ว จะทำให้สัญญาณไม่ถูกขยายซ้ำซ้อน คือ

เครื่องเล่น [ภาคถอดรหัส > ฟิลเตอร์ > ขยายเบื้องต้น > โทนคอนโทรล > ขยายหลัก ] > แอมป์หูฟัง [ภาคโทนคอนโทรล > ภาคขยายหลัก] > หูฟัง

กับ

เครื่องเล่น [ภาคถอดรหัส > ฟิลเตอร์ > ขยายเบื้องต้น (Line Out)] > แอมป์หูฟัง [ภาคโทนคอนโทรล > ภาคขยายหลัก] > หูฟัง

จะเห็นว่า สัญญาณจะไม่ต้องผ่านภาคขยายและภาคโทนคอนโทรลในตัวเครื่องเล่น ก่อนจะถูกส่งไปยัีงแอมป์ โดยปกติแล้ว ยิ่งมีภาคขยายเยอะภาคมากเท่าไหร่ คุณภาพเสียงจะยิ่งด้อยลงเท่านั้น เพราะการขยายสัญญาณ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขยายสัญญาณรบกวนที่ปนมากับสัญญาณหลักด้วย ยิ่งมีหลายภาค สัญญาณรบกวนจะยิ่งถูกขยายมากขึ้นตามไปด้วย รวมถึงยิ่งต่อผ่านหลายๆ วงจร ก็จะยิ่งถูกรบกวนได้ง่าย และแต่ละวงจรก็จะมีค่าความต้านทาน/ค่าความผิดพลาดที่เิกิดจากอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ปนมา ทำให้สัญญาณที่ผ่านออกมานั้น ถูกบิดเบือนไปจากต้นฉบับ

เพราะฉะนั้น การต่อผ่าน Line Out ถึงให้ผลดีกว่าการต่อผ่านช่องหูฟังน่ะครับ (ในกรณีต่อกับแอมป์หูฟังนะครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"ขอถามอย่างคนโง่ - การใช้ dac เทียบเท่ากับการใช้ line out ??"