รายละเอียดของ IEM ของ FitEar นั้นสามารถดูได้จากเลข 334 ของตัว IEM เอง

เลข 3 ตัวแรกนั้นหมายถึงจำนวนย่านความถี่ที่ตั crossover แยกออกมา
เลข 3 ตัวที่สองบ่งบอกถึง unit ของ BA ที่มีอยู่ต่อข้าง
เลข 4 ตัวสุดท้ายบอกถึงจำนวน BA ทั้งหมดครับ

ดังนั้นตัว To Go! 334 นี้มี Crossover ที่แยกย่านความถี่ออกเป็น 3 ส่วน (ต่ำ กลาง สูง) ส่งไปที่ชุด BA ทั้ง 3 ชุด ชุดแรกมี BA ความถี่ต่ำ 1 ตัว ชุดที่สองมี BA ความถึ่ต่ำกับความถึ่ปานกลางอย่างละ 1 ตัวและชุดสุดท้ายที่มี BA ความถี่สูง 1 ตัวครับ

Sound port ของแต่ละ Unit ถูกแยกออกจากกันทั้งหมดดังนั้น IEM ตัวนี้มี Sound port ทั้งหมด 3 ports ครับ

ชุด BA ความถี่สูงนั้นต่ออยู่กับ Titanium tube โดยมี sound port สำหรับความถี่ต่ำและกลางล้อมรอบอีกที เห็นได้จากรูปข้างบนครับ

สายของ To Go! 334 เป็นแบบถอดเปลี่ยนได้ ขั้วต่อนั้นหล่อจาก acrylic ครับ ปลายอีกด้านเป็น 3.5 headphone jack ของ Oyaide

ช่วงรอยต่อระหว่างสายกับตัว IEM นั้นทำได้ดีมากจนเหมือนเป็นชิ้นเดียวกันซะมากกว่าครับ

มาถึงเรื่องของเสียงกันบ้างครับ

เสียงของ To Go! 334 นั้นออกแบบมาให้เหมาะกับการฟังแทบจะทุกแนวเพลงครับ
เบสนั้นไม่มากเหมือนพวก TF10 แต่รายละเอียดนั้นมีมากกว่ากันชนิดที่ TF10 เทียบไม่ติดเลยครับ
ช่วงกลางไปถึงสูงนั้นทำได้ดีมากๆครับ

ถ้าจะเอา To Go! 334 ไปเทียบกับ IEM ตัวอื่นควรจะไปเทียบกับอะไรดี? ต้องขอบอกว่าต้องเทียบกัน AKG K3003i ครับ

http://www.head-fi.org/t/608477/the-fitear-to-go-334-vs-the-akg-k3003i-a-work-in-progress
อันนี้เป็น review ระหว่าง 334 กับ K3003 ใน head-fi.org ครับลองเข้าไปอ่านดูได้

ข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุด "ราคาเท่าไหร่?"
เห็นผมเอาไปเทียบกับ K3003 ก็คงจะเดาได้ใช่มั้ยครับว่าราคาของ To Go! 334 ตัวนี้จะประมาณเท่าไหร่
ราคาในญี่ปุ่นขายอยู่ที่ 105,000 เยนครับ ส่วนที่อเมริกาตกอยู่ที่ 1,349$ ครับ

ถ้าจะถามว่าคุณภาพที่ได้มันคุ้มกับราคาที่จ่ายไปมั้ย ผมคงต้องบอกว่าสำหรับ IEM ที่ราคาเกิน 20000 บาทขึ้นไปคุณภาพไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับการซื้อแล้วครับ มันอยู่ที่ความพอใจส่วนตัวครับ

ขอบคุณครับสำหรับรีวิวที่นำมาให้อ่านกันครับ

อันนี้เอามาเปรียบเทียบขนาดระหว่าง TF10 กับ W4R ครับ

โอ้ว ชีวิตนี้จะมีวันได้ครองครองกับเค้าไหมเน้อ

กล่องที่ให้มาใหญ่ขึ้นตามราคา ^^

สายของ TF10 นั้นเป็นของ Null Audio Lune Series ส่วนที่เหลือเป็นสาย stock ครับ

เสียง สาม ตัว ต่างกันอย่างงัยบ้างครับ

เคยลอง aurisonic asg 1.2 มั๊ยครับ

TF10 นั้นเน้นเบสกับเสียงสูงครับ เบสเยอะแต่ว่าไม่ค่อยมีรายละเอียดเท่าไหร่ ส่วนเสียงสูงนั้นทำได้ดีมากครับ ข้อด้อยของ TF10 อยู่ที่เสียงช่วงกลางที่ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อเอาไปฟังเพลงที่เน้นไปทางเสียงร้องจะไม่ค่อยประทับใจ ถ้าเป็นแนว Rock/Alternative นั้นค่อนข้างทำได้ดี

W4R นั้นเรียกว่าตรงกันข้ามกับ TF10 แทบทุกด้านครับ เสียงช่วงกลางที่เด่นมากๆเหมาะกับการฟังเพลงที่เน้นเสียงร้อง ช่วงเสียงสูงอาจทำได้ดีไม่เท่า TF10 แต่รายละเอียดนั้นดีกว่า TF10 อย่างชัดเจน ส่วนเบสของ W4R นั้นเรียกได้แทบไม่มีเลยครับ แต่ถึงเบสจะไม่หนักเท่า TF10 แต่รายละเอียดของเบสนั้นเหลือเฟือครับ

To Go! 334 นั้นโดยรวมแล้วทำได้ดีกว่าทั้ง TF10 กับ W4R มากมายครับทั้งด้านรายละเอียดในทุกย่านความถี่ เบสถึงจะไม่มากเท่า TF10 แต่คุณภาพของเบสนั้นทำได้ดีกว่า W4R อีกครับ ช่วงเสียงกลางถึงสูงทำได้ดีกว่าทั้ง TF10 และ W4R มากครับ

ส่วนตัวแล้วเอา To Go! ไปเทียบกับพวก TF10 หรือ W4R คงจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เรียกได้ว่าอยู่กันคนละรุ่นเลย ตัว To Go! 334 คงต้องเอาเทียบกับพวก CIEM พวก JH13 ขึ้นไปละครับ

ซู้ดหยอด น่าลองจริงๆ

334 สำหรับผม มันคือ Se535 ที่อัพขึ้นไปอีก หลายๆ ขุม เลยครับ นุ่มม เบสนิ่มม เสียงไม่กว้างเหมือน TF10 และ W4r สูงไม่บาท กลางชัดแต่ไม่พุ่งเท่า 535 แยกชิ้นเสียงชัดเจน

ถ้าอยากลองว่า อวย กันขนาดนี้ของจริงจะเป็นยังไง แนะนำที่ jet อโศกได้เยย ลองมาแล้ว :)

ชอบครับ

ออกหูรุ่นใหม่เพียบเลยครับ รอจัดได้เลย
http://fitear.jp/











.
.
.
AFD orz